วันนี้ (10 ตุลาคม 2559) เวลา 18.30 น. ณ กระทรวงการต่างประเทศ นายหม่า หยุน (Mr. Jack Ma) ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท อาลีบาบา กรุ๊ป จำกัด เข้าเยี่ยมคารวะพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระหว่างการประชุมสุดยอดกรอบความร่วมมือเอเชีย ครั้งที่ 2 โดยมีนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นางกอบกาญจน์ วัฒนรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พลเอกดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นายกรัฐมนตรี กล่าวชื่นชมนายหม่า หยุน ที่เดินทางมาประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อเข้าร่วมนำเสนอข้อคิดเห็นของในนามของภาคเอกชน ACD ต่อผู้นำในการประชุม ACD Summit ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่ติดตามจากสื่อมวลชนและภาคส่วนต่างๆ ซึ่งเป็นตัวอย่างความสำเร็จของผู้ประกอบการเอเชียที่ส่งเสริมการเติบโตของ SMEs และคนรุ่นใหม่ โดยใช้ประโยชน์จากดิจิทัลเทคโนโลยี และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์
นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงข้อเสนอของนายหม่า หยุน เกี่ยวกับ SMEs หลายประการ อาทิ การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับ SMEs และเรื่อง electronic World Trade Platform (eWTP) ซึ่งส่งเสริมให้มีหารือการแลกเปลี่ยนแนวคิด ข้อเสนอแนะเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่เกื้อหนุนต่อการพัฒนาพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศ เชื่อว่าอาลีบาบาจะช่วยแบ่งปันประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เป็นประโยชน์เพื่อส่งเสริม SMEs และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ของไทยด้วย
นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงการหารือ ระหว่างทีมผู้บริหารอาลีบาบาได้พบหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยเมื่อวานนี้ เพื่อเตรียมการความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่างไทยกับกลุ่มอาลีบาบา ซึ่งสะท้อนถึงความตั้งใจจริงของทั้งสองฝ่าย และจะนำไปสู่ความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน และจะช่วยให้ SMEs ไทย มีโอกาสในการจำหน่ายสินค้าและบริการในตลาดที่กว้างขึ้น พร้อมทั้งเห็นด้วยกับประเด็นความร่วมมือโดยเฉพาะการส่งเสริมโอกาสของ SMEs ไทยในการเข้าสู่ระบบ e-commerce ของอาลีบาบาอย่างครบวงจร การขยายช่องทางการตลาดของ OTOP รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถของหน่วยงานไทยในด้านต่างๆ เช่น การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวกับ e-commerce การพัฒนาระบบการชำระเงินออนไลน์ การพัฒนาระบบมาตรฐานสินค้าไทย
นายกรัฐมนตรียังได้สอบถามถึงแนวคิดของอาลีบาบาที่จะจัดตั้ง “Global Trading Center” ในประเทศไทยซึ่งเป็นตัวอย่างของความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยฝ่ายอาลีบาบาได้ประโยชน์ในการกระจายสินค้าที่จำหน่ายผ่านระบบ e-commerce ทั้งในประเทศไทยและในภูมิภาค ในขณะที่เป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยมีตลาดรองรับสินค้าเพิ่มขึ้นด้วย
นอกจากนี้ การศึกษาเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาคนรุ่นใหม่ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนนโยบายด้าน e-commerce และเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวชื่นชมที่นายหม่า หยุน เสนอจะให้โอกาสแก่เยาวชนไทยในการเข้าไปร่วมงานกับอาลีบาบา กรุ๊ป เป็นเวลา 2 ปี เพื่อเรียนรู้ประสบการณ์ และฝึกอบรมการใช้ประโยชน์จากเศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือเพื่อ ผลิตบุคลากรในด้านต่างๆ อย่างเพียงพอและมีคุณภาพ
ในตอนท้าย นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงหลักการทำงานของรัฐบาลสองประการสำคัญ คือ การต่อยอดธุรกิจที่มีศักยภาพอยู่แล้วของไทยในตลาดโลกด้วยนวัตกรรมและความเชื่อมโยงไปพร้อมกับการเร่งสร้างผู้ประกอบการ SMEs รุ่นใหม่ของไทยให้แข็งแรง ตามแผนพัฒนาโรดแมปทุกๆ 5 ปี ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ภายใต้ความร่วมมืออย่างเป็นหุ้นส่วนระหว่างประชาชน เอกชนและรัฐ ตามแนวทาง “ประชารัฐ” เพราะนี้คือแอพลิเคชั่น (application) ของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อให้ทุกฝ่ายจะได้รับประโยชน์จากการขยายตัวของการค้าผ่านระบบ e-commerce และเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างแท้จริงด้วย
ที่มา: http://www.thaigov.go.th