นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ อสพป. นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า ร่วมเดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรธน.50 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้อย่างพร้อมเพรียงกัน
รัฐบาลจัดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” พร้อมกันทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ
วันนี้ตั้งแต่เวลา 07.50 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า จากกรุงเทพมหานครและ 17 จังหวัดภาคกลาง นับแสนคนมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเดินรณรงค์ในงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน โดยในส่วนของจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ทั่วประเทศ ได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นพร้อมกันกับส่วนกลางด้วย
หลังเคารพธงชาติแล้ว ขบวนรณรงค์ได้เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางผ่านเทเวศร์ บางลำพู ไปยังปรำพิธีบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อทำพิธีปักธงรวมพลังประชาธิปไตย จากนั้นนายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวรายงานสรุปว่า กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์ขับเคลื่อนการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 เพราะการลงประชามติดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น จึงได้จัดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” โดยการรวมพลังอาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย หรือ อสพป. ข้าราชการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน กลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า เดินรณรงค์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเกิดความตระหนักและไปใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติว่าจะ “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปีพุทธศักราช 2550 โดยกิจกรรมวันนี้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปราศรัยกับกลุ่มพลังมวลชน โดยได้แสดงความยินดีที่ได้มาร่วมงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจไปลงประชามติ” ที่กระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยในระยะเวลาต่อไป รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ คนไทยทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และอนาคตของประเทศก็ขึ้นอยู่กับการไปลงประชามติของพี่น้องคนไทย แต่ไม่ว่าผลของการลงประชามติจะเป็นอย่างไร ก็ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริงของคนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 ได้มีความพยายามที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และได้ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จนเรียกได้ว่าตกผลึกมาจากความ คิดที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้ก้าวหน้าต่อไปด้วยความมั่นคง และแก้ไขปัญหา ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา ทั้งนี้ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้มีหลักการสำคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น สนับสนุนให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการปกครองและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ กำหนดกลไกสถาบันทางการเมืองให้มีดุลยภาพ สร้างเสริมสถาบันศาลและองค์กรอิสระอื่น ๆ ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสุจริตเที่ยงธรรม รวมทั้งได้เน้นย้ำคุณค่าและความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม และแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอันเป็นหลักจรรโลงชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาไปพอสมควรแล้ว จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีสิทธิออกเสียงประชามติทุกคนให้ไปใช้สิทธิในสถานที่ที่กำหนด ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จนถึงเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงสิทธิอันชอบธรรมของทุกคน และร่วมกันแสดงออกให้เห็นถึงความรัก ความหวงแหน ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน และร่วมกันกำหนดอนาคตของชาติโดยใช้วิจารณญาณของตนเอง ไม่หลงเชื่อผู้ไม่หวังดีที่พยายามใช้อำนาจเงินหรือความพยายามอื่น ๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้การออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต ยุติธรรม
จากนั้น นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ ได้มอบธงชาติไทย ธงปฏิญญา และธง อสพป. ให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปปักลงบนแท่นพิธี เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีนำผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ว่า “ข้าพเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า จะจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ จะตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง และจะร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตย ให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมและเป็นไทยตลอดไป” เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--
รัฐบาลจัดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” พร้อมกันทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เดินรณรงค์เชิญชวนประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ พร้อมกันทั่วประเทศ
วันนี้ตั้งแต่เวลา 07.50 น. พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี ข้าราชการ อาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า จากกรุงเทพมหานครและ 17 จังหวัดภาคกลาง นับแสนคนมารวมตัวกันที่ลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อเดินรณรงค์ในงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” ร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ในวันที่ 19 สิงหาคมนี้ ไปยังอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน โดยในส่วนของจังหวัด อำเภอ กิ่งอำเภอ ทั่วประเทศ ได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นพร้อมกันกับส่วนกลางด้วย
หลังเคารพธงชาติแล้ว ขบวนรณรงค์ได้เคลื่อนตัวไปตามเส้นทางผ่านเทเวศร์ บางลำพู ไปยังปรำพิธีบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เพื่อทำพิธีปักธงรวมพลังประชาธิปไตย จากนั้นนายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้กล่าวรายงานสรุปว่า กระทรวงมหาดไทยในฐานะที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลเป็นหน่วยงานหลักในการรณรงค์ขับเคลื่อนการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ได้ตระหนักถึงความสำคัญของการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 เพราะการลงประชามติดังกล่าว ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะนำไปสู่การพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ดังนั้น จึงได้จัดงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจลงประชามติ” โดยการรวมพลังอาสาสมัครพัฒนาประชาธิปไตย หรือ อสพป. ข้าราชการ นักเรียน นิสิต นักศึกษา พ่อค้า ประชาชน กลุ่มพลังมวลชนทุกหมู่เหล่า เดินรณรงค์ ประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้ประชาชนที่มีสิทธิออกเสียงเกิดความตระหนักและไปใช้สิทธิออกเสียงลงประชามติว่าจะ “เห็นชอบ” หรือ “ไม่เห็นชอบ” ร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับปีพุทธศักราช 2550 โดยกิจกรรมวันนี้จัดขึ้นพร้อมกันทั่วประเทศ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวปราศรัยกับกลุ่มพลังมวลชน โดยได้แสดงความยินดีที่ได้มาร่วมงาน “มหกรรมรวมพลังประชาธิปไตย พร้อมใจไปลงประชามติ” ที่กระทรวงมหาดไทยจัดขึ้น เพื่อรณรงค์ส่งเสริมให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญ ในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ที่กำลังจะถึงนี้ ซึ่งการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ มีความสำคัญอย่างมากต่อการพัฒนาการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขของประเทศไทยในระยะเวลาต่อไป รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ คนไทยทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญ และอนาคตของประเทศก็ขึ้นอยู่กับการไปลงประชามติของพี่น้องคนไทย แต่ไม่ว่าผลของการลงประชามติจะเป็นอย่างไร ก็ถือได้ว่าเป็นการแสดงออกถึงความต้องการที่แท้จริงของคนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปีพุทธศักราช 2550 ได้มีความพยายามที่จะเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และได้ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง จนเรียกได้ว่าตกผลึกมาจากความ คิดที่หลากหลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนระบอบประชาธิปไตยให้ก้าวหน้าต่อไปด้วยความมั่นคง และแก้ไขปัญหา ต่างๆ ที่เคยเกิดขึ้นจากการใช้รัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมา ทั้งนี้ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดให้มีหลักการสำคัญเพื่อส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากขึ้น สนับสนุนให้ประชาชนมีบทบาทและมีส่วนร่วมในการปกครองและการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ กำหนดกลไกสถาบันทางการเมืองให้มีดุลยภาพ สร้างเสริมสถาบันศาลและองค์กรอิสระอื่น ๆ ให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้โดยสุจริตเที่ยงธรรม รวมทั้งได้เน้นย้ำคุณค่าและความสำคัญของคุณธรรม จริยธรรม และแนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีอันเป็นหลักจรรโลงชาติด้วย
อย่างไรก็ตาม สภาร่างรัฐธรรมนูญได้ดำเนินการประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาไปพอสมควรแล้ว จึงขอเชิญชวนผู้ที่มีสิทธิออกเสียงประชามติทุกคนให้ไปใช้สิทธิในสถานที่ที่กำหนด ซึ่งได้จัดให้มีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม ที่จะถึงนี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป จนถึงเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน เพื่อร่วมกันแสดงออกถึงสิทธิอันชอบธรรมของทุกคน และร่วมกันแสดงออกให้เห็นถึงความรัก ความหวงแหน ในการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน และร่วมกันกำหนดอนาคตของชาติโดยใช้วิจารณญาณของตนเอง ไม่หลงเชื่อผู้ไม่หวังดีที่พยายามใช้อำนาจเงินหรือความพยายามอื่น ๆ เพื่อขัดขวางไม่ให้การออกเสียงประชามติเป็นไปโดยสุจริต ยุติธรรม
จากนั้น นายอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายบัญญัติ จันทน์เสนะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และพลตำรวจโท ธีรวุฒิ บุตรศรีภูมิ ได้มอบธงชาติไทย ธงปฏิญญา และธง อสพป. ให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อนำไปปักลงบนแท่นพิธี เสร็จแล้วนายกรัฐมนตรีนำผู้เข้าร่วมพิธีกล่าวคำสัตย์ปฏิญาณ ว่า “ข้าพเจ้า พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี ขอให้คำสัตย์ปฏิญาณว่า จะจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ จะตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง และจะร่วมกันพัฒนาประชาธิปไตย ให้เกิดความถูกต้องเป็นธรรมและเป็นไทยตลอดไป” เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี
--กลุ่มยุทธศาสตร์และแผนการประชาสัมพันธ์ สำนักโฆษก--