นายประเสริฐ สมะลาภา อดีตปลัดกรุงเทพมหานคร ชี้แจงกรณีที่ถูกอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 2 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องเป็นจำเลยฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีซื้อที่ดินเพื่อใช้เป็นที่จอดรถขยะ รถน้ำ และรถอื่นๆ ของ กทม.แพงเกินจริงว่า กรณีดังกล่าวอัยการได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาและศาลมีคำสั่งประทับรับฟ้องไปแล้ว
ข้อกล่าวหาดังกล่าวได้ผ่านการตรวจสอบในขั้นตอนความผิดทั้งทางวินัยและทางแพ่งไปแล้ว โดยฐานความผิดทางวินัยนั้นเมื่อปลายปีก่อนคณะกรรมการข้าราชการกรุงเทพมหานครตัดสินไปแล้วว่าไม่ได้กระทำทุจริตและปฏิบัติหน้าที่ของปลัด กทม.ครบถ้วนแล้ว ขณะที่ฐานความผิดทางแพ่งนั้นเมื่อเดือนที่แล้วศาลปกครองตัดสินว่าที่ดินดังกล่าวไม่ได้ซื้อแพงเกินความเป็นจริง และกทม. ก็ไม่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งศาลแพ่งและศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินว่าที่ดินดังกล่าวไม่ใช่ที่ตาบอด และได้ใช้ประโยชน์ตั้งแต่โอนที่มาจนถึงปัจจุบัน
ส่วนฐานความผิดทางอาญาที่ล่าสุดวานนี้ศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องและนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 13 ธ.ค.53 นั้น นายประเสริฐ กล่าวว่า ข้อกล่าวหาแรกที่ว่าเหตุใดจึงใช้วิธีพิเศษในการจัดซื้อที่ดินดังกล่าวนั้น เป็นเพราะตามระเบียบของ กทม. จะต้องซื้อด้วยวิธีพิเศษ เนื่องจากที่ดินแต่ละที่มีลักษณะไม่เหมือนกันทำให้ไม่สามารถใช้วิธีประกวดราคาได้ และที่ผ่านมาในการจัดซื้อที่ดินก็ใช้วิธีพิเศษมาโดยตลอด ซึ่งเรื่องนี้สภา กทม.และสภาผู้แทนราษฎรได้เคยสอบสวนและไม่พบการกระทำความผิดใดๆ
ข้อกล่าวหาที่สอง ที่ดินดังกล่าวไม่มีสิ่งปลูกสร้างแต่เหตุใดราคาจึงสูงเกินจริงนั้น ในความเป็นจริงแล้วที่ดินดังกล่าวมีสิ่งปลูกสร้าง และศาลปกครองก็ได้ตัดสินแล้วว่าไม่ได้ซื้อแพงเกินความเป็นจริง ส่วนข้อกล่าวหาสุดท้ายที่ว่ามีการรับสินบนจากนายหน้าขายที่ดินนั้น ยืนยันว่าไม่มีการรับสินบนดังกล่าว ซึ่งกรณีนี้ทั้งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) และอัยการพิเศษไม่ได้มีการกล่าวหาตนในข้อนี้
"เรื่องทั้งหมดนี้มีการพิจารณาโดยคณะกรรมการหลายคณะ แต่ในฐานะที่ผมเป็นปลัด กทม. เรื่องต่างๆ จึงต้องผ่านผม ซึ่งทำให้ผมถูกกล่าวหาว่ามีส่วนได้เสียกับเรื่องนี้ แต่ผมขอยืนยันในความบริสุทธิ์จะต่อสู้ในชั้นศาลต่อไป" นายประเสริฐ กล่าว