นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวถึงกรณีที่ศาลวินิจฉัยว่ารัฐธรรมนูญปี 50 มาจากการลงประชามติของประชาชนหากจะทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องผ่านการลงประชามตินั้น ตนมองว่าไม่ถูกต้อง เพราะพรรคเพื่อไทยมีนโยบายหลักแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่ช่วงหาเสียง และประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศเลือกพรรคเพื่อไทยเข้ามาบริหารประเทศ
"หากจะทำประชามติถามประชาชนในการทำประชามติไม่ใช่ถามว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ควรถามว่าวันนี้ประชาชนยังต้องการมีศาลรัฐธรรมนูญต่อไปอีกหรือไม่"
ส่วนที่นายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาระบุว่าผู้ลงมติพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ต้องรับผิดชอบนั้นเป็นลักษณะที่ข่มขู่กดดันรัฐสภา แต่หากรัฐสภาเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างแท้จริงแล้วก็ควรเดินหน้าลงมติวาระ 3 ต่อไป
“นายจรัญเคยออกมาระบุเองว่าให้รับรัฐธรรมนูญ 50 ไปก่อน และสามารถแก้ไขภายหลังได้ รวมถึงคำพูดของนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่เคยกล่าวว่าการจัดตั้ง ส.ส.ร.สามารถกระทำได้นั้นอยากถามว่าทั้งสองคนลืมแล้วหรือว่าเป็นเจตนารมณ์ของใคร" นายณัฐวุฒิ กล่าว