ที่ประชุมคณะกรรมการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) มีมติอนุมัติต่ออายุสัญญาสัมปทานผู้ประกอบการบริหารจัดการสถานีบรรจุและแยกสินค้ากล่อง หรือไอซีดี ลาดกระบัง ให้ผู้ประกอบการจำนวน 6 รายเดิมที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบันต่อไปอีก 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.54 ถึงวันที่ 5 มี.ค.55 โดยใช้อัตราค่าธรรมเนียมสัญญาสัมปทานสุดท้ายที่เรียกเก็บประมาณเดือนละ 40 ล้านบาท หรือปีละ 499 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ ยังเห็นชอบให้รฟท.เปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารจัดการไอซีดีใหม่ โดยรฟท.เป็นผู้ประกอบการไอซีดีเอง ซึ่งการดำเนินงานนั้นรฟท.อาจจะจ้างผู้ประกอบการเอกชนเป็นผู้ดำเนินการบริหาร เนื่องจากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พบว่า รฟท.จะได้รับประโยชน์มากกว่าการให้สัมปทานเอกชน คาดว่าจะมีรายได้จากการบริหารประมาณปีละ 13,000 ล้านบาท หลังจากนี้จะได้เสนอเรื่องให้ครม.พิจารณาอนุมัติต่อไป
“เดิมรฟท.มีรายได้จากค่าสัมปทานบริหารไอซีดีน้อยมากปีละกว่า 400 ล้านบาท ซึ่งเป็นรายได้จากค่าเช่าเนื้อที่ประมาณ 600 ไร่ แต่เมื่อรฟท.ดำเนินการบริหารเองจะมีรายได้จากการบริหารตู้สินค้าภายในไอซีดี ซึ่งคาดว่าปริมาณตู้สินค้าในไอซีดีจะเพิ่มขึ้นเป็น 8 แสนทีอียู จากปัจจุบัน 4 แสนทีอียู เนื่องจากมีการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร และมีอุปกรณ์เครื่องมือที่ทันสมัย ส่งผลให้รายได้เพิ่มขึ้นถึง 13,000 ล้านบาทได้" นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานบอร์ดรฟท.กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมติอนุมัติให้รฟท.ประกวดราคางานจ้างเหมาก่อสร้างรั้วสองข้างทางตามแนวเขตทางรถไฟ โดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ รวม 9 เส้นทาง วงเงินประมาณ 1,929 ล้านบาท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเดินรถไฟ และป้องกันปัญหาจุดตัด โดยรฟท.จะแบ่งดำเนินการออกเป็น 32 สัญญา เพื่อให้งานก่อสร้างแล้วเสร็จโดยเร็ว คาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 1 ปี