สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เตรียมทบทวนการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ผู้ขอรับส่งเสริมการลงทุนใหม่ เน้นสาขาอุตสาหกรรมที่สร้างมูลค่าในการผลิต โดยมั่นใจปี 55 จะสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติได้มากกว่า 4 แสนล้านบาท
"บีโอไอจะยังคงให้สิทธิประโยชน์ในการยกเว้นภาษีนิติบุคคลกับนักลงทุนต่างประเทศเป็นเวลา 8 ปี แต่จะทบทวนสิทธิประโยชน์ในด้านอื่น เช่น ประเภทของอุตสาหกรรมที่จะเข้ามาลงทุน โดยจะเน้นอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าในการผลิต และจะพิจารณาปรับลดสิทธิประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมที่ไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับประเทศ เพื่อให้สอดคล้องกับการปรับลดภาษีนิติบุคคลในปี 2555" นายสมศักดิ์ ลิมบานเย็น รองเลขาธิการ BOI กล่าว
อย่างไรก็ตาม การทบทวนเรื่องการให้สิทธิประโยชน์ของบีโอไอ ยังมุ่งเน้นที่จะดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุนในปีหน้าจะมากกว่าเป้าหมายในปีนี้ที่ตั้งไว้ 4 แสนล้านบาท
ด้านนายธนิต โสรัตน์ รองประธานสภาอุตสาหกรรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) กล่าวว่า ในภาพรวมการลดภาษีนิติบุคคลจะส่งผลดีต่อไทย แต่การปรับลดภาษีจะต้องมองทั้งระบบ เพราะหากรัฐบาลมีนโยบายในการแข่งขันด้านการดึงเม็ดเงินลงทุนเมื่อเทียบประเทศสิงคโปร์ที่มีการจัดเก็บภาษีนิติบุคคลในอัตรา 20% ไทยก็จะต้องปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์ในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ในภูมิภาค(ROH) โดยเฉพาะเรื่องการให้วีซ่ากับแรงงานต่างชาติ ซึ่งประเทศสิงคโปร์มีเงื่อนไขที่ผ่อนคลายมากกว่าไทย
และหากไทยจะเน้นการลงทุนทางตรงเพื่อแข่งขันกับประเทศเวียดนาม กัมพูชา และพม่า รัฐบาลจะต้องปรับมาตรการส่งเสริมการลงทุน โดยเน้นการยกเว้นภาษีในอุตสาหกรรมที่ลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตมากกว่าอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานอย่างเดียว
รองประธาน ส.อ.ท.กล่าวว่า บีโอไอจะต้องส่งเสริมให้นักลงทุนไทยไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อขยายฐานการลงทุนในประเทศเพื่อนบ้านที่มีแรงงานราคาต่ำกว่า เนื่องจากปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมไทยยังมีปัญหาขาดแคลนแรงงานสูงถึง 3-4 ล้านคน