นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.การคลัง กล่าวว่า ผู้ประกอบการเอกชนให้ความสนใจยื่นซองประกวดราคาในโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐไม่ถึง 10 ราย หลังจากที่ได้เปิดให้มายื่นซองประกวดราคาเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ให้ความสนใจพื้นที่ในกรุงเทพฯและเชียงใหม่มากที่สุด โดยเอกชนที่มายื่นซองประกวดราคามีจำนวนน้อยกว่าจำนวนผู้มาซื้อซองประกวดราคาทั้งสิ้น 16 ราย หลังจากนี้จะต้องเข้าสู่ขั้นตอนการคัดเลือกผู้ประกอบการที่จะดำเนินโครงการต่อไป
“ผู้ประกอบการที่สนใจยื่นซองประกวดราคาส่วนใหญ่ให้ความสนใจที่ราชพัสดุที่จะใช้ดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐในพื้นที่กรุงเทพฯ และเชียงใหม่มากที่สุด ส่วนการที่เอกชนมายื่นซองประกวดราคาน้อยกว่าตอนที่ยื่นซื้อซองประกวดราคานั้น ก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ เพราะโครงการนี้เป็นโครงการเพื่อสังคม ไม่ได้เป็นโครงการที่มีกำไร หรือสร้างกำไรมากนัก โดยภาครัฐเองก็ไม่ได้บังคับ เป็นเรื่องของความสมัครใจด้วย"นายวิสุทธิ์ กล่าว
นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า พื้นที่ราชพัสดุที่จะใช้ทำโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ ที่ชะอำ จ.เพชรบุรี และที่จ.เชียงราย ไม่ค่อยได้รับความสนใจจากเอกชนมากนัก เนื่องจากพื้นที่ตั้งอยู่ห่างไกล ซึ่งหากไม่มีเอกชนให้ความสนใจดำเนินโครงการจริง ๆ ก็จะให้กรมธนารักษ์พิจารณานำพื้นที่ดังกล่าวมาพิจารณาเพื่อทำโครงการอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ทดแทนกัน
อย่างไรก็ดี ต้องการให้กรมธนารักษ์เร่งติดตามการดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐอย่างใกล้ชิดมากขึ้น เพราะเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์กับสังคม แต่อาจจะไม่เป็นประโยชน์กับภาคเอกชนมากนัก ดังนั้น หากกรมธนารักษ์เข้าไปหารือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดมากขึ้น ก็เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากภาคเอกชนมากกว่าขณะนี้แน่นอน
อนึ่ง รัฐบาลดำเนินโครงการบ้านธนารักษ์ประชารัฐ เพื่อหวังสร้างโอกาสให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิในที่อยู่อาศัยมาก่อนให้สามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่ไม่สูง โดยได้จัดทำโครงการนำร่อง 6 แปลง ในพื้นที่เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร จำนวน 2 แปลง ,ต.ช้างคลาน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 1 แปลง ,อ.แม่จัน จ.เชียงราย 1 แปลง และอ.ชะอำ จ.เพชรบุรี จำนวน 2 แปลง