สมาคมนายหน้าค้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านมือสองประจำเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 7.2% แตะระดับ 5.24 ล้านยูนิตต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นติดต่อกัน 4 เดือน และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 ปี หลังจากปรับตัวขึ้นที่ระดับ 4.89 ล้านยูนิตต่อปีในเดือนมิ.ย.
ก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์จากโพลล์ของบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า ยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐจะเพิ่มขึ้น 2.1% ต่อปี แตะที่ 5 ล้านหลัง โดยคาดว่าราคาบ้านที่ลดลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากอัตราการยึดบ้านหลุดจำนองที่มากขึ้น ประกอบกับการปล่อยเงินกู้ของรัฐบาลสำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรก และอัตราเงินกู้จำนองบ้านที่ลดลงใกล้ระดับต่ำเป็นประวัติการณ์ อาจช่วยกระตุ้นดีมานด์ในประเทศและช่วยให้เศรษฐกิจรอดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ปี 1930 อย่างไรก็ตาม ตัวเลขว่างงานในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ชาวอเมริกันถูกยึดบ้านหลุดจำนองเช่นกัน
บลูมเบิร์รายงานว่า คณะทำงานของโอบามาได้พยายามกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ด้วยการใช้นโยบายช่วยเหลือผู้ซื้อบ้านหลังแรกที่ทำธุรกรรมซื้อขายก่อนวันที่ 1 ธ.ค. นอกจากนี้ รัฐบาลยังเพิ่มแรงจูงใจให้กับผู้ออกเงินกู้ด้วยการปรับเงื่อนไขการชำระหนี้เงินกู้ ส่วนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าซื้อหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีกทางหนึ่ง