นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงผลการหารือร่วมกับสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมแห่งสหภาพพม่า(UMFCC) ว่า ภาคธุรกิจของไทยและพม่ามีความเห็นตรงกันที่จะเพิ่มมูลค่าการค้า การลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นในอนาคต โดยฝ่ายไทยมีแนวคิดที่จะจัดทำ Business Matching กับพม่าให้มากขึ้นเพื่อขยายฐานการผลิตและการลงทุนระหว่างสองประเทศ
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคาดว่าจะเริ่มจากกลุ่มธุรกิจด้านการเกษตรก่อนเป็นลำดับแรก เนื่องจากเห็นว่าประเทศพม่ามีความอุดมสมบูรณ์ในด้านพืชผลทางการเกษตร เหมาะที่ไทยจะใช้เป็นอุตสาหกรรมต้นน้ำสำหรับการผลิตสินค้าเกษตรแปรรูป และสินค้าอาหารเพื่อการส่งออกของไทย ประกอบกับพม่ายังมีแรงงานที่เพียงพอ
แนวทางนี้นอกจากจะช่วยหนุนเรื่องการทำคอนแทรกฟาร์มมิ่งแล้ว ยังสอดคล้องกับนโยบายที่ทั้งสองประเทศต้องการจะเดินหน้านโยบายเศรษฐกิจบนพื้นฐานทางการเกษตรด้วย อันจะเป็นการช่วยผลักดันเศรษฐกิจภาคอุตสาหกรรมตามแนวชายแดนให้เติบโตได้ดีขึ้นในอนาคต
"เราจะทำการตลาดเชิงรุก และจะทำ Business Matching กับพม่าให้มากขึ้นเพื่อขยายฐานการผลิต และการลงทุนโดยเฉพาะด้านการเกษตรเพราะถือว่าเป็นต้นน้ำของอุตสาหกรรมแปรรูปเกษตร กับอุตสาหกรรมอาหารให้ไทยได้" ประธาน ส.อ.ท.ระบุ
พร้อมกันนี้ ส.อ.ท.และ UMFCC ยังได้ตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อผลักดันการดำเนินงานใน 4 ด้าน ประกอบด้วย ด้านเขตการค้าชายแดน, ด้านการพัฒนาโลจิสติกท์, ด้านการส่งเสริมและพัฒนาแรงงานบุคลากร และการจัดตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นการหารือในเชิงลึกมากขึ้น และเชื่อว่าปัญหาอุปสรรคที่มีอยู่จะได้รับการแก้ไขให้ลดน้อยลง และช่วยอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจให้แก่เอกชนของสองประเทศได้ดียิ่งขึ้น