ม.ล.จันทรจุฑา จันทรทัต ประธานและ กรรมการผู้จัดการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA)เปิดเผยว่า บริษัทได้นำหลักฐานที่เป็นภาพจากกล้องวงจรปิด และเทปบันทึกเสียงการสนทนากับ นายวิจิตร สุพินิจ อดีตประธานกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นายบี เตชะอุบล และนายวีระ มานะคงตรีชีพ ที่ยื่นข้อเสนอการเข้าร่วมบริหาร โดยอ้างว่ารวบรวมกลุ่มผู้ถือหุ้น TTA แล้ว 30% ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ตรวจสอบแล้ว
ม.ล.จันทรจุฑา ระบุว่า การแถลงข้อเท็จจริง พร้อมนำหลักฐานมาเผยแพร่ต่อสาธารณชน และส่งข้อมูลบางส่วนให้สำนักงาน ก.ล.ต.ให้ดำเนินการตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น เพื่อรปกป้องบริษัทและผู้ถือหุ้น เนื่องจากมีข้อสงสัยว่าบุคคลที่เกี่ยวข้องอาจมีการนำเสนอข้อมูลที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและการถือครองหุ้น
สำหรับกรณีที่มีหนังสือจากตัวแทนผู้ถือหุ้น 75 ราย เมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่กล่าวอ้างว่าถือหุ้นรวมกันเกิน 10% และร้องขอให้คณะกรรมการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นนั้น ขณะนี้ฝ่ายบริหารอยู่ระหว่างตรวจสอบรายชื่อผู้ถือหุ้น หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)ได้ส่งสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุดมาให้
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการบริษัทยืนยันว่าพร้อมดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย หากตรวจสอบข้อมูลว่าผู้ถือหุ้น 75 รายที่อ้างว่าถือหุ้นรวมกันเกิน 10% เป็นเรื่องที่ถูกต้อง โดยบริษัทจะดำเนินการโดยเร็ว และคาดว่าจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริษัทได้ภายในเดือนนี้
ม.ล.จันทรจุฑา กล่าววว่า แม้จะเกิดกรณีนี้ขึ้น แต่ยืนยันว่าไม่มีแนวคิดที่จะซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อแก้ปัญหาโครงการสร้างการถือหุ้น เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมาก และหวังในอนาคตว่าจะมีจำนวนผู้ถือหุ้นน้อยลง
*เปิดเทปเสียง"บี"อ้างถือหุ้น 30% ขอปรับโครงสร้างบริหาร-ดัน"วิจิตร"เป็นประธาน
ม.ล.จันทรจุฑา เปิดเสียงการสนทนากับนายบีให้กับผู้สื่อข่าวฟัง โดยกล่าวว่าต้องการชี้ให้เห็นว่าการเจรจาติดต่อของกลุ่มนายบี ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎระเบียบหรือกฎหมาย และยังเป็นการละเมิดสิทธิอันชอบธรรมของผู้ถือหุ้นโดยรวม โดยตั้งข้อสังเกตวัตถุประสงค์และความต้องการที่แท้จริงของคนกลุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นผู้ถือหุ้น แต่มีอาชีพเป็นนายหน้าขายเรือ มีความเกี่ยวโยงกับเรื่องนี้อย่างไร และกลุ่มนายบีถือหุ้น TTA อยู่มากน้อยแค่ไหน
สำหรับหลักฐานจากการเทปบันทึกเสียงการสนทนาระหว่าง ม.ล.จันทรจุฑา นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายบัญชีและการเงิน TTA และนายบี เมื่อวันที่ 16 พ.ค.54 เป็นเสียงสนทนาที่ ม.ล.จันทรจุฑา ระบุว่าเป็นของนายบีอ้างว่าได้ถือหุ้น 30% ใน TTA พร้อมยกตัวอย่างว่ากระทำเช่นเดียวกับการเข้าถือหุ้น บลจ.เอ็มเอฟซี (MFC)เป็นการค่อยๆทยอยซื้อจนมีมี voting share 48% แต่ในทะเบียนมีแค่ 24% ซึ่ง ม.ล.จันทรจุฑา เชื่อว่ากรณีดังกล่าวอาจถือว่าเข้าข่าย Acting in Concert ตามกฎ ก.ล.ต. และไม่มีการแจ้งต่อ ก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ในการเข้าถือหุ้นทุก 5% และไม่มีการทำเทนเดอร์ ออฟเฟอร์ เมื่อถือเกิน 25%
ทั้งนี้ กรณี TTA ในทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นไม่พบว่ามีผู้ถือหุ้นรายใดถือหุ้นเกิน 5% แต่นายบีอ้างว่าถือหุ้นได้ 30% และกรณี TTA เกิดกรณีซ้ำรอยกับ MFC หรือไม่
ส่วนวิธีการได้มาของหุ้น เสียงที่ถูกระบุว่าเป็นของนายบีอ้างว่าทำธุรกิจโบรกเกอร์ คือ บล.คันทรี่ กรุ๊ป และเข้าซื้อหุ้น TTA ตั้งแต่ราคา 18.70 บาทเป็นการ ทยอยเก็บ เนื่องจากมีรายย่อยเป็นลูกค้าจำนวนมาก ทั้งยังมีเครือข่ายโบรกเกอร์ 13 แห่งที่ให้ทำบทวิเคราะห์ใหม่ แนะ"ซื้อลงทุน"หุ้น TTA มี target 26 บาทและ 32 บาท พร้อมเสนอให้บริษัทปรับเปลี่ยนคณะกรรมการและผู้บริหาร แต่ไม่ต้องการให้เป็นข่าวว่าเป็นการ takeover โดยให้ชี้แจงว่าเป็นการ restructuring และเสนอให้นายวิจิตร เป็นประธานกรรมการ TTA
"ถ้าผมไม่มีหุ้น ผมไม่กล้าหน้าด้านมานั่งพูดอย่างนี้หรอก" เสียงในคลิปที่ระบุว่าเป็นของนายบี
ม.ล.จันทรทจุฑา ตั้งข้อสังเกตว่า การไล่เก็บหุ้นถึง 30% และขอเปลี่ยนกรรมการจะไม่ถือว่าเป็นเจตนา takeover ได้อย่างไร รวมถึงการจัดการให้มีการทำบท research ที่ไม่เป็นอิสระ เป็นการดำเนินการที่ถือเป็น marker manipulation หรือไม่ และเป็นการกระทำที่รักษาผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้นรายย่อยจริงหรือไม่
ส่วนกรณี Atlas Holdings ได้ปรากฎเป็นชื่อผู้ถือหุ้น TTA ครั้งแรก เมื่อวันปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น 2 มิ.ย. 54 โดยถือหุ้น 10,000 หุ้น และเป็น 1 ใน 75 ผู้ถือหุ้นที่ขอเรียกประชุมผู้ถือหุ้น และพบว่า Atlas Holdings มอบอำนาจให้บุคคลที่มีประสบการณ์เป็นนายหน้าธุรกิจเรือบรรทุกน้ำมันและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน เป็นผู้กระทำการแทน
Atlas Holdings สัญชาติฮ่องกง มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 2 เหรียญฮ่องกง มีกรรมการ 2 ราย มีที่อยู่ในไซปรัส และมีผู้ถือหุ้น 2 รายมีที่อยู่ในประเทศ Gibraltar ส่วน Atlas Advisors สัญชาติสิงคโปร์ มีทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้ว 3 แสนเหรียญสิงคโปร์ และมีขาดทุนสะสม 562,259 เหรียญสิงคโปร์ ทั้งสองบริษัทใช้ที่อยู่ของสำนักงานบริหารเลขานุการบริษัทเป็นที่อยู่ในการจัดตั้งบริษัท