นายธงชัย บุศราพันธ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โนเบิล ดีวอลลอปเมนท์ (NOBLE) กล่าวว่า บริษัทจะพิจารณาปรับขึ้นราคาขายโครงการ"โนเบิล เพลินจิต"อีกครั้ง หากยอดจองเพิ่มขึ้นเป็น 70% ตามเป้าหมายของปีนี้ โดยขณะนี้ยอดจองสูงขึ้นเป็น 55% แล้ว แม้ว่าก่อนหน้าปรับราคาขึ้นไป 5% เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.
“ในอนาคตก็มีโอกาสปรับขึ้นราคาขายอีกรอบ ถ้ายอดขายถึง 70% ก่อนหน้านี้ก็ปรับขึ้นไปแล้ว 5% เมื่อวันจันทร์ ถัดจากวันที่เปิดขายวันแรก ถ้าถึง 70% ก็ถือว่าคุ้มทุนแล้ว"นายธงชัย กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
โครงการคอนโดมิเนียม“โนเบิล เพลินจิต"ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 7 พันกว่าล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5% จากยอดขายวันแรก 19 มิ.ย.ที่ทำได้ 50% จากจำนวนยูนิตทั้งหมด 1,442 ยูนิต โครงการดังกล่าวมีมูลค่าทั้งหมดกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน(Backlog)แล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท และคาดว่าในสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท
และในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนเปิดโครงการคอนโดมิเนียมใหม่อีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 3 พันกว่าล้านบาท เน้นทำเลติดรถไฟฟ้า โดยบริษัทยังมั่นใจว่ารายได้ปี 54 จะเป็นไปตามเป้าที่ 2.5-3 พันล้านบาท
“ครึ่งปีหลัง แนวโน้มจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องรอดูเรื่องการเมืองเป็นหลัก ถ้าไม่มีอะไรรุนแรง ทุกอย่างก็คงเป็นไปตามเป้า รายได้เราก็ยังมั่นใจว่าจะเข้าเป้า"นายธงชัย กล่าว
ล่าสุด กลุ่ม“เพลินจิต ซิตี้" ซึ่งประกอบไปด้วย โครงการโนเบิล เพลินจิต บริหารงานโดย NOBLE, โครงการปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ ออน วิทยุ บริหารงานโดยบมจ.ยูนิเวนเจอร์ (UV), โครงการเซ็นทรัล เอ็มบาสซี ภายใต้การบริหารงานโดยบริษัท เซ็นทรัลรีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด, ธนาคารกรุงศรีอยุธยา และ นายเลิศ กรุ๊ป ได้ตั้งงบลงทุนรวมกัน 300 กว่าล้านบาท เพื่อใช้ในการปรับปรุงภูมิทัศน์และสร้างทางเดินเชื่อมระหว่างแต่ละโครงการ
โครงการแรกที่จะเริ่มทำคือ การปรับปรุงภูมิทัศน์เกาะกลางถนน ด้วยการจัดทำสวนแนวตั้งรอบเสาตอม่อรถไฟฟ้า ระยะทางรวมประมาณ 300 เมตร ตั้งแต่โครงการ“โนเบิล เพลินจิต"ไปจนถึงโครงการ“เซ็นทรัล เอ็มบาสซี"คาดใช้เงินลงทุนประมาณ 4 ล้านบาท ซี่งถือเป็นหนึ่งในโครงการ “84 สายถวายในหลวง" ของกรุงเทพมหานคร