ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (6 ต.ค.) หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศขยายมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อบรรเทาภาวะตึงตัวในระบบการเงิน นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของยุโรปจะสามารถบรรลุข้อตกลงการควบคุมปัญหาหนี้ในยุโรป
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.7% ปิดที่ 230.27 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดพุ่งขึ้น 172.22 จุด หรือ 3.15% แตะที่ 5,645.25 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดทะยานขึ้น 101.47 จุด หรือ 3.41% สู่ระดับ 3,075.37 จุด ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 189.09 จุด หรือ 3.71% แตะ 5,291.26 จุด
ตลาดหุ้นยุโรปพุ่งขึ้นหลังจากนายโฮเซ มานุเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) กล่าวว่า อีซีกำลังเสนอมาตรการเพิ่มทุนให้กับธนาคารที่ประสบปัญหาด้านการเงิน ซึ่งจะเป็นมาตรการที่ผู้นำประเทศยุโรปควรจะมีการประสานงานและร่วมมือกันอย่างจริงจัง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศขยายมาตรการ QE อีก 7.5 หมื่นล้านปอนด์ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2552 ที่แบงก์ชาติอังกฤษประกาศขยายมาตรการ QE หลังจากที่ธนาคารได้อัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจไปแล้ว 2 แสนล้านปอนด์ ด้วยการซื้อสินทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล เพื่อที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นแข็งแกร่ง โดยหุ้นเครดิต อกริโคล พุ่งขึ้น 5.3% หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ทะยานขึ้น 8.6% หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด พุ่งขึ้น 8.8% หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สพุ่งขึ้น 8% แต่หุ้นธนาคารเด็กเซียร่วงลง 17%
หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ระดับโลก พุ่งขึ้น 7% หลังจากมีรายงานว่าเอบี อินเบฟ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่อีกแห่งหนึ่งนั้น กำลังเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการเอสเอบีมิลเลอร์