อย่างไรก็ตามแม้ผลการดำเนินงานจะปรับลดลงไปบ้าง แต่บริษัทยังสามารถรักษาการเติบโตของกำไรสุทธิให้อยู่ในระดับที่น่าพอใจไว้ได้ เนื่องจากธุรกิจของ บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ น่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบเล็กน้อย และการประมูลงานที่ยังไม่มีออกมา ขณะที่ บมจ.พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ (PMTA)ปลายปีนี้ก็น่าจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต้องรอดูภาพรวมการส่งออกประกอบด้วย
สำหรับปี 59 บริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานโดยรวมน่าจะเติบโตดีกว่าปีนี้ เป็นผลมาจากธุรกิจในเครือ คือ เมอร์เมด มาริไทม์ ที่ยังต้องติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันอย่างต่อเนื่อง แม้ส่วนหนึ่งบริษัทยังมีสัญญาระยะยาว แต่ก็ต้องหางานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก คาดว่าในปีหน้าจะมีการประมูลงานใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาอีกที่นอกเหนือจากงานวิศวกรรมใต้น้ำ ขณะที่ธุรกิจ ของ PMTA ที่คาดจะมียอดขายในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ตัน
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ซึ่งมีความเป็นไปได้ในลักษณะของการเข้าไปร่วมลงทุนหรือการเข้าซื้อกิจการ คาดว่าจะสามารถสรุปความชัดเจนของแผนการลงทุนว่าจะลงทุนหรือไม่ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 59 โดยมีธุรกิจที่สนใจ 3 ประเภท ประกอบด้วย พลังงานทดแทน, อาหารและเครื่องดื่ม และ โครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ขณะที่แหล่งเงินลงทุนจะมาจากการออกหุ้นเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายต่อผู้ลงทุนเฉพาะเจาะจง(PP)ก่อนหน้านี้ 14,000 ล้านบาท บริษัทก็จะนำเงินดังกล่าวมาต่อยอดเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
"ธุรกิจใหม่ เราก็หาดอกาสการลงทุนแบบอื่น เป็นธุรกิจที่ให้ผลกำไร ขณะนี้ก็มีหลายอุตสาหกรรมที่เรามองอยู่ เช่ พลังงานทดแทน Food&Beverrage และ Infarstructure คาดว่าน่าจะชัดเจนได้ในปี 59 ส่วนการลงทุนต่อเนื่องในธุรกิจเดิม เราก็ยังคงต้องระวังการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว ทั้งเมอร์เมด มาริไทม์ หรือชิปปิ้ง ซึ่งต้องดูภาวะตลาดด้วยว่ามัน bottom แล้วหรือยัง โดยปีหน้าเรามองว่าภาวะตลาดดีขึ้น แต่ค่อยเป็นค่อยไป เห็นได้จากเรือต่อใหม่ปรับตัวลดลง"นายวิทวัส กล่าว