"อาฟเตอร์ ยู"ยื่นไฟลิ่งขาย IPO 240 ล้านหุ้น ใช้ขยายธุรกิจของบริษัท-คืนเงินกู้ยืม-เป็นเงินทุนหมุนเวียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 20, 2016 10:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ. อาฟเตอร์ ยู ได้ยื่น Filing version แรก เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2559 เนื่องจากบริษัทฯมีความต้องการจะเสอขายหุ้นเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 240 ล้านหุ้น และมีความประสงค์จะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบล.บัวหลวง เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน

รายละเอียดการเสนอขายดังนี้ 1. หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 236,500,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชน (IPO) อนึ่งการจัดสรรดังกล่าวให้รวมถึงการเสนอขายให้แก่ นายธีรพงษ์ จันศิริ และนายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ ผู้ให้กู้ของบริษัทฯ และ/หรือบุคคลอื่นที่นายธีรพงษ์ จันศิริ และนายฤทธิรงค์ บุญมีโชติ มอบสิทธิให้ ซึ่งเป็นไปตามเงื่อนไขในสัญญากู้เงิน

2. หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 1,500,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่กรรมการของบริษัทฯ โดยราคาเสนอขายจะเป็นราคาเดียวกันกับราคาที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชน

3. หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้บริหารและ/หรือพนักงานของบริษัทฯ ตามโครงการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ให้แก่ผู้บริหาร และ/หรือพนักงานของบริษัทฯ (ESOP)

วัตถุประสงค์การใช้เงิน เพื่อใช้ขยายธุรกิจของบริษัท เช่น ขยายสาขาในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดตามแผนงานที่ได้ตั้งไว้ เพื่อให้สอดคล้องกับการเติบโตของภาวะอุตสาหกรรม, ขยายกำลังการผลิต พร้อมกับขยายสายการผลิตในกลุ่มขนมหวาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพิ่มมาตรฐานและประสิทธิภาพในการผลิต, ลดต้นทุนการผลิตโดยนำเครื่องจักรและอุปกรณ์มาใช้ในโรงงานผลิตแห่งใหม่มากขึ้น เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มความแม่นยำในการผลิตสินค้า, ติดตั้งและปรับปรุงระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้ทันสมัย รวมทั้งการติดตั้งและพัฒนาระบบจัดการบัญชีแบบครบวงจร เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นและสามารถรองรับการขยายตัวของบริษัทฯในอนาคต, สร้างศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้า เนื่องจากศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน มีความจำเป็นต่อการขยายธุรกิจ และสร้างมาตรฐานให้กับงานบริการเป็นอย่างมาก และศูนย์กระจายสินค้า สามารถลดต้นทุนในการบริหารจัดการ วัตถุดิบในอีกหลายส่วน

นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน

บมจ. อาฟเตอร์ ยู ประกอบธุรกิจจำหน่ายขนมหวาน โดยสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ร้านขนมหวาน และบริการจัดงานนอกสถานที่และรับจ้างผลิต และมีบริษัทย่อย 1 บริษัท คือ บริษัท ออรั่ม แอนด์ ออรั่ม จำกัด ดำเนินธุรกิจซื้อขาย นำเข้าวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการผลิต ทั้งนี้ ธุรกิจร้านขนมหวาน มีร้านอาฟเตอร์ ยู และร้านเมโกริ

โครงการในอนาคตของบริษัทฯในช่วงระยะเวลา 1-3 ปี มีดังนี้ 1.โครงการขยายสาขาร้านขนมหวานสู่หัวเมืองหลักของไทย โดยบริษัทฯจะดำเนินการคัดเลือกทำเล และพื้นที่อย่างรอบคอบ เพื่อขยายสาขาร้านขนมหวานของบริษัทฯ โดยมีเป้าหมายให้บริการแก่ผู้บริโภคในประเทศไทยทั้งในเขตกรุงเทพฯ ปริมณฑล และหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัดที่มีศักยภาพและมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งสิ้น 25-30 สาขาภายในปี 2561

2. โครงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าและขยายสายผลิตภัณฑ์สินค้า รวมถึงการขยายธุรกิจสู่ประเทศอื่นในภูมิภาค บริษัทฯได้เตรียมความพร้อมโดยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่มีคุณภาพ ประสิทธิภาพ และกำลังการผลิตที่เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายสาขาของบริษัทฯในอนาคต โดยบริษัทไม่เพียงแต่จะขยายธุรกิจเพียงแต่ในประเทศไทยเท่านั้น ยังแสวงหาโอกาสในการขยายธุรกิจไปยังประเทศต่าง ๆ ทีมีศักยภาพ ทั้งนี้บริษัทฯจะประเมินโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ

3. โครงการก่อสร้างสำนักงานใหม่และศูนย์กระจายสินค้า บริษัทฯมีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในการดำเนินธุรกิจขนมหวานและเบเกอรี่แบบครบวงจร โดยบริษัทฯมีแผนที่จะก่อสร้างสำนักงานแห่งใหม่ ที่เขตสวนหลวง ใช้เป็นสำนักงานของบริษัทฯ สถานที่ฝึกอบรมพนักงาน และศูนย์กระจายสินค้า คาดว่าจะใช้งบประมาณก่อสร้าง 60-70 ล้านบาท คาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จ มิ.ย.2560

4.โครงการลดต้นทุนการผลิตและดำเนินงาน และพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพและรองรับการเติบโตของบริษัทฯ โดยบริษัทฯมีแผนจะลงทุนเพิ่มเติมในเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการผลิตในโรงงานผลิต ซึ่งตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร จังหวัดสมุทรสาคร

ผลการดำเนินงานงวด 3 เดือนสิ้นสุด 31 มี.ค.2559 มีสินทรัพย์รวม 386 ล้านบาท หนี้สินรวม 299.4 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้น 86.6 ล้านบาท โดยมีรายได้รวม 138.8 ล้านบาท และกำไร 26.1 ล้านบาท

ณ วันที่ 25 เม.ย.2559 บริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านหุ้น โดยมีทุนชำระแล้ว 56 ล้านบาท แบ่งเป็น 560 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.1 บาท ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้ว บริษัทฯจะมีทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้ว 80 ล้านบาท แบ่งเป็น 800 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.1 บาท

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ ณ วันที่ 31 พ.ค.2559 คือ กลุ่มนางสาวกุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ ถือหุ้น 308 ล้านหุ้น คิดเป็น 55% ภายหลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 38.5% รองลงมาเป็นกลุ่มนายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ถือหุ้น 252 ล้านหุ้น คิดเป็น 45% ภายหลังเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 31.5%

บริษัทฯมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฏหมายและข้อบังคับของบรัทฯ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ