นายพิษฐ สิทธิอำนวย กรรมการอำนวยการ บล.บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายขอ AU เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (book building) ของนักลงทุนสถาบัน เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีช่วงราคาเสนอขายหุ้นอยู่ที่ 4.30-4.50 บาท/หุ้น โดยพบว่านักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อที่ราคาสูงสุดที่ 4.50 บาท สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของธุรกิจและแนวโน้มการเติบโตที่ดีในอนาคต ดังนั้น จึงกำหนดราคาขาย IPO ที่หุ้นละ 4.50 บาท
AU จะเสนอขายหุ้น IPO รวมทั้งสิ้นจำนวนไม่เกิน 165 ล้านหุ้น จากมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท หรือคิดเป็น 22.8% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยแบ่งการจัดสรรหุ้น IPO เป็น 3 ส่วน ได้แก่ การจัดสรรให้กับประชาชนทั่วไป 161.5 ล้านหุ้น จัดสรรให้แก่กรรมการบริษัทจำนวน 1.5 ล้านหุ้น และเสนอขายให้แก้ผู้บริหารและ/หรือพนักงานจำนวน 2 ล้านหุ้น
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้บริษัทจะนำไปใช้ขยายสาขาร้านอาฟเตอร์ ยู ใช้ลงทุนติดตั้งเครื่องจักรในโรงงานเพิ่มขึ้นและก่อสร้างศูนย์ฝึกอบรมพนักงาน ศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนนำไปชำระคืนเงินกู้และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
นอกจากนี้ในการเข้าทำการซื้อขายวันแรกของ AU ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมอาจจะเสนอขายหุ้นสามัญที่ตนถืออยู่ต่อบุคคลในวงจำกัด (PP) จำนวนไม่เกิน 50 ราย จำนวน 52.5 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 7% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด โดยจะเสนอขายที่ราคา IPO โดยการขายหุ้นให้กับ PP ในวันเข้าซื้อขายวันแรกนั้นบริษัทต้องการเพิ่มสภาพคล่องของหุ้นในกระดานและยังสะท้อนมุมมองของนักลงทุนที่ต้องการเข้าถือหุ้น AU จากความเชื่อมั่นในผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ที่ไม่ปรับลดลงซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นในอนาคตอีกด้วย
นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ กรรมการผู้จัดการ ของ AU กล่าวว่า บริษัทยังได้วางแผนการขยายธุรกิจทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจขนมหวานและเบเกอรี่ครบวงจร ได้แก่ การขยายร้านขนมหวานในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและหัวเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น 30 สาขา ภายในปี 61 รวมถึงการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าให้แก่พันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังมีแผนก่อสร้างสำนักงานใหม่ สถานที่ฝึกอบรมพนักงานและศูนย์กระจายสินค้า ตลอดจนพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงานใหทันสมัยและมีประสิทธิภาพเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต พร้อมวางแผนลดต้นทุนการผลิตโดยการลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ในการผลิตภายในโรงงานเพิ่มเติมรวมถึงปรับระบบการเช่าพื้นที่ขยายสาขา จากการเช่าแบบระยะสั้นเป็นระยะยาวซึ่งส่งผลดีต่ออัตราการทำกำไรในอนาคต
ปัจจุบัน บริษัทมีจำนวนสาขาทั้งหมด 20 สาขา แบ่งเป็น ร้านอาฟเตอร์ ยู 18 สาขา และร้านเมโกริ 2 สาขา และมีผลการดำเนินงาน 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย. 59) มีรายได้รวมอยู่ที่ 440.9 ล้านบาท เติบโต 54.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 101.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตขึ้นตามความนิยมในเมนูน้ำแข็งใสคากิโกริ การออกเมนูใหม่และเปิดสาขาเพิ่ม