นายเชวง อยู่วิมลชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทย เคเค กรุ๊ป จำกัด (Thai KK) เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทเตรียมพร้อมจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างภายในเพื่อให้เป็นโฮลดิ้งคอมพานี ซึ่งบริษัทได้มีการหารือกับที่ปรึกษาทางการเงินหลายราย คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนในไม่ช้า
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมนำบริษัทลูก คือ บริษัท อัลเฟรโดร เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ประกอบธุรกิจอาหารแช่แข็ง เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 2-3 ปีเช่นกัน โดยปัจจุบันบริษัทดังกล่าวมีการเติบโตได้ค่อนข้างดี ซึ่งในปี 60 ที่ผ่านมามีรายได้ราว 500-600 ล้านบาท โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเตรียมตัว และคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน
ทั้งนี้ Thai KK เป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมประเภท ลาเบล เทปกาว และเมลามีน รายใหญ่ซึ่งมีหลายสาขากระจายอยู่ในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม
นายเชวง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาบริษัทมีผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยประมาณปีละ 15-20% และบริษัทมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศมากขึ้น หลังจากที่ได้ขยายไปยังประเทศเพื่อนบ้านคือมาเลเซีย และเวียดนาม ขณะที่บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านระบบเพื่อช่วยในการบริหารงานช่วยลดขั้นตอนการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ซึ่งเป็นส่วนช่วยในการขยายขีดความสามารถในการขยายธุรกิจ
ล่าสุด Thai KK ได้ลงนามติดตั้งระบบ SAP Business ByDesign Arabica กับบริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) ในฐานะที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ ERP (Enterprise Resource Planning) เชื่อว่าจะช่วยให้ Thai KK มีการบริหารจัดการธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ และยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการขยายธุรกิจได้มากขึ้นในรูปแบบที่ซอฟท์แวร์เดิมไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีขีดความสามารถจำกัด
"คาดว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถและผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตขึ้นอย่างน่าสนใจ อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงระบบในครั้งนี้จะทำให้บริษัทมีความเป็นมาตรฐานสากล และสามารถต่อยอดขยายธุรกิจของ Thai KK ทั้งการติดต่อกับบริษัทชั้นนำของไทย และของต่างชาติ"นายเชวง กล่าว
สำหรับระบบดังกล่าว Netizen และ SAP ได้ร่วมกันพัฒนาในการปฏิวัติวงการซอฟต์แวร์ ERP ที่เป็นระบบ Real Cloud ERP ที่แท้จริง ด้วย SAP Business ByDesign โดย Netizen ได้นำเสนอซอฟต์แวร์บริหารจัดการทั้งองค์กร ในเวอร์ชั่น "Netizen ByDesign Arabica" ที่ Netizen ได้นำระบบของ SAP มาพัฒนาให้กับลูกค้าแต่ละราย ซึ่งถือเป็นการให้บริการที่มีการพัฒนาต่อยอดเพียงรายเดียวในประเทศไทย
ยระบบนี้ สามารถเชื่อมโยงการทำงานได้แบบ Real time ซึ่งผู้ใช้งานระบบสามารถเข้าถึงการทำงานได้อย่างรวดเร็ว และทันท่วงที อีกทั้ง SAP Business ByDesign version Netizen ByDesign Arabica จะเป็นการปฏิวัติวงการ SAP ERP ที่ได้มีการรับรองจากกรมสรรพากร เป็นครั้งแรก (หมายเลข 0550) ซึ่งจะทำให้สามารถเชื่อมโยงระบบการจ่ายภาษีกับสรรพากรได้อย่างถูกต้อง ช่วยเพิ่มความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือสำหรับองค์กรที่ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และยังช่วยตอบสนอง Lifestyle การดำเนินธุรกิจในยุคของ Cloud ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการทางธุรกิจได้อย่าง รวดเร็ว คล่องตัว รองรับการขยายตัวทางธุรกิจไปยังสาขา ทั้งใน และต่างประเทศ ได้ง่าย และทันสมัยมากยิ่งขึ้น รวมถึง Netizen ByDesign Arabica สามารถตอบโจทย์กระบวนการบริหารจัดการองค์กรได้อย่างเหมาะสมในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมากที่สุดในเรื่องของการรองรับรายงานการจัดการทางภาษี ให้กับองค์กรได้อย่างครบถ้วน
ด้านนายกฤษดา สาธุกิจชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เนทติเซนท์ จำกัด (Netizen) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมตัวเพื่อที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เช่นกัน ภายในระยะเวลา 2-3 ปี หรือรายได้ไม่ต่ำกว่า 500-600 ล้านบาท
ปัจจุบันบริษัทประกอบกิจการที่ปรึกษาการวางระบบซอฟต์แวร์การบริหารจัดการทางธุรกิจ ERP (Enterprise Resource Planning) ซึ่งที่ผ่านมามีความต้องการใช้ และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสินค้าของบริษัทฯช่วยบริหารจัดการระบบต่างๆของบริษัท และทำให้บริษัทมีประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้นด้วย