ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 140 จุดเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) หลังจากบริษัท อัลโค อิงค์ และบริษัท ซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป รายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งช่วยให้นักลงทุนเชื่อมั่นว่าผลประกอบการของบริษัทอื่นๆจะออกมาสดใสเช่นกัน โดยตลาดหุ้นนิวยอร์กสามารถปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการ แม้ทางการสหรัฐเปิดเผยยอดขาดดุลการค้าที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน และมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสก็ตาม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 146.75 จุด หรือ 1.44% ปิดที่ 10,363.02 จุด ดัชนี S&P 500 ดีดขึ้น 16.59 จุด หรือ 1.54% ปิดที่ 1,095.34 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้น 43.67 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 2,242.03 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ที่ราว 8.55 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2,644 ต่อ 387 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 9.65 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนเชื่อมั่นว่าฤดูการรายงานผลประกอบการช่วงไตรมาส 2 ปีนี้ ภาคเอกชนจะมีผลประกอบการที่สดใส หลังจากเมื่อวานนี้ อัลโค อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอลูมิเนียมรายใหญ่ของโลก เปิดเผยว่า รายได้สุทธิประจำไตรมาส 2 มีอยู่ทั้งสิ้น 136 ล้านดอลลาร์ หรือ 13 เซนต์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปีที่แล้วที่บริษัทขาดทุน 454 ล้านดอลลาร์ หรือ 47 เซนต์ต่อหุ้น ส่วนตัวเลขกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้น 22% สู่ระดับ 5.2 พันล้านดอลลาร์ จากไตรมาสแรกที่ระดับ 4.24 พันล้านดอลลาร์
ผลประกอบการของอัลโคเป็นปัจจัยบ่งชี้ทิศทางของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา เนื่องจากอัลโคมีฐานลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่อุตสาหกรรมผลิตกระป๋องบรรจุเครื่องดื่มไปจนถึงบริษัทผลิตเครื่องบิน โดยปัจจัยที่ทำให้ผลประกอบการของอัลโคทะยานขึ้นแข็งแกร่งในไตรมาส 2 มาจากยอดขายอลูมิเนียมที่ใช้ในรถยนต์ อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ และอุตสาหกรรมก่อสร้าง
นอกจากนี้ อัลโคได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราการใช้อลูมิเนียมทั่วโลกในปีนี้ว่า จะเพิ่มขึ้น 12% มากกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 10% เนื่องจากตลาดยานยนต์ทั้งในอเมริกาเหนือและจีนต่างก็ต้องการอลูมิเนียมมากขึ้นในปีนี้ แม้ยอดขายรถยนต์ชะลอตัวลงเมื่อไม่นานมานี้ก็ตาม อย่างไรก็ตาม อัลโคคาดว่ายอดขายอลูมิเนียมในตลาดยานยนต์ยุโรปมีแนวโน้มร่วงลงถึง 8% เนื่องจากเศรษฐกิจยุโรปถูกกระทบจากวิกฤตการณ์การเงิน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากบริษัท ซีเอสเอ็กซ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างทางรถไฟรายใหญ่ของสหรัฐ รายงานผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 2 และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2553 ด้วย ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น
ภายหลังจากตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทำการแล้ว บริษัท อินเทล คอร์ป รายงานว่า รายได้สุทธิไตรมาส 2 ปีนี้ อยู่ที่ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ผลกำไรเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ระดับ 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์ และรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 4 พันล้านดอลลาร์
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกัน 6 วันทำการเมื่อคืนนี้ แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขาดดุลการค้าเดือนพ.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้น 4.8% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือนที่ 4.23 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้กระตุ้นดีมานด์การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงรถยนต์ คอมพิวเตอร์ และเสื้อผ้า
นอกจากนี้ ตลาดยังสามารถต้านทานปัจจัยลบจากข่าวที่ว่ามูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลงสู่ระดับ A1 โดยมูดี้ส์ระบุว่า การลดอันดับความน่าเชื่อถือของโปรตุเกสลง 2 ขั้นในครั้งนี้เป็นผลมาจากสถานะทางการเงินของโปรตุเกสมีแนวโน้มอ่อนแอลงในระยะกลาง
หุ้นอัลโคปิดบวก 13 เซนต์ แตะที่ 11 ดอลลาร์ หุ้นซีเอสเอ็กซ์ปิดลบ 74 เซนต์ แตะที่ 51.72 ดอลลาร์ หุ้นอินเทลปิดพุ่ง 44 เซนต์ แตะที่ 21.01 ดอลลาร์ ส่วนหุ้นแอปเปิลปิดร่วง 2.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ โดยวันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.และตัวเลขสต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ค. ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยรายงานการประชุมเมื่อวันที่ 22-23 มิ.ย.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่เฟดสาขานิวยอร์กจะเปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม (Empire State Index) เดือนก.ค.รวมทั้งข้อมูลการผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังการผลิตเดือนมิ.ย. และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมิ.ย.
ส่วนวันศุกร์ กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย.และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนพ.ค.