ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (1 ส.ค.) โดยดาวโจนส์ทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 และเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 22,000 จุด เนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน และจากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มการเงิน โดยปัจจัยบวกเหล่านี้สามารถสกัดแรงลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ ซึ่งรวมถึงตัวเลขการใช้จ่ายในภาคการก่อสร้างที่ร่วงลงในเดือนมิ.ย.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,963.92 จุด เพิ่มขึ้น 72.80 จุด หรือ +0.33% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,476.35 จุด เพิ่มขึ้น 6.05 จุด หรือ +0.24% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,362.94 จุด เพิ่มขึ้น 14.81 จุด หรือ +0.23%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เมื่อคืนนี้ เพราะได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทราว 73% ในดัชนี S&P 500 ซึ่งได้ประกาศผลประกอบการจนถึงสัปดาห์ที่แล้ว มีผลประกอบการสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ ขณะที่ค่าเฉลี่ยในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมาพบว่า มีบริษัทราว 71% ที่มีผลประกอบการสูงกว่าคาด
CME Group Inc ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทมีกำไร 1.23 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.21 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม และการชำระบัญชี
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น และเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดในแดนบวกเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 1.34% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวขึ้น 0.74%
หุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.89% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดการแล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า รายได้ของแอปเปิลจะปรับตัวขึ้นราว 6%
หุ้นโบอิ้ง ซึ่งเป็นหุ้นที่มีน้ำหนักมาในดัชนีดาวโจนส์ พุ่งขึ้นราว 2.5% หลังจากโบอิ้งคาดการณ์ว่า สายการบินในอินเดียจะสั่งซื้อเครื่องบินใหม่จากโบอิ้งราว 2,100 ลำ ในวงเงิน 2.90 แสนล้านดอลลาร์ในช่วง 20 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นการประเมินคำสั่งซื้อเครื่องบินที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์สำหรับสายการบินในอินเดีย
หุ้นสปรินท์ คอร์ป ทะยานขึ้น 11.2% หลังจากบริษัทสื่อสารรายใหญ่แห่งนี้เปิดเผยตัวเลขกำไรเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี
หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ พุ่งขึ้น 3.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด และยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2560
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มรถยนต์ปรับตัวลง โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ดิ่งลง 3.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยยอดขายลดลงในเดือนก.ค.
หุ้นไฟเซอร์ ขยับลง 0.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรต่อหุ้นในไตรมาส 2 อยู่ที่ 67 เซนต์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 66 เซนต์/หุ้น แต่รายได้อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.308 หมื่นล้านดอลลาร์
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างของสหรัฐดิ่งลง 1.3% ในเดือนมิ.ย. สู่ระดับ 1.21 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2016 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างจะเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมิ.ย.
ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐ ขยับขึ้น 0.1% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ค. ขณะที่ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของ ISM ปรับตัวสู่ระดับ 56.3 ในเดือนก.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 56.5
นักลงทุนจับตาข้อมูลด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.ค.จาก ADP, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนก.ค. จากมาร์กิต, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิ.ย., ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.ค. และดุลการค้าเดือนมิ.ย.