ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (8 ก.ย.) โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของหุ้นประกันภัย แต่ดัชนี S&P500 และ NASDAQ ปิดปรับตัวลง อันเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับพายุเฮอร์ริเคนเออร์มาที่กำลังจะเคลื่อนถล่มรัฐฟลอริดาและการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,797.79 จุด เพิ่มขึ้น 13.01 จุด หรือ +0.06% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,461.43 จุด ลดลง 3.67 จุด หรือ -0.15% ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 6,360.19 จุด ลดลง 37.68 จุด หรือ -0.59%
หุ้นประกันภัยปรับตัวสูงขึ้น นำโดยหุ้นทราเวลเลอร์ที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดบวกเมื่อวันศุกร์ ภายหลังจากหุ้นกลุ่มนี้ร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนเออร์มา หลังจากที่รัฐเท็กซัส และลุยเซียนาถูกกระหน่ำด้วยพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์ก่อนหน้านี้
ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐ (NHC) แถลงว่า พายุเฮอร์ริเคนเออร์มาได้ลดระดับความรุนแรงลงสู่ระดับ 4 จากระดับ 5 ก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดี NHC เตือนว่าพายุดังกล่าวยังคงมีอันตรายอย่างมาก ขณะที่คาดว่าจะพัดถล่มชายฝั่งรัฐฟลอริดาในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงวิตกกังวลว่า เกาหลีเหนืออาจยิงขีปนาวุธเพื่อเฉลิมฉลองวันชาติในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย.
นายลี นัค ยอน นายกรัฐมนตรีเกาหลีใต้ กล่าวเตือนว่า เกาหลีเหนืออาจทำการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ในวันเสาร์ที่ 9 ก.ย. ซึ่งเป็นวันชาติของเกาหลีเหนือ
"มีการคาดการณ์กันว่าเกาหลีเหนืออาจทำการยั่วยุต่อไปโดยการยิงขีปนาวุธ ICBM ในวันที่ 9 ก.ย." เขากล่าว
ก่อนหน้านี้ เกาหลีเหนือได้ทำการทดลองนิวเคลียร์ในการเฉลิมฉลองวันชาติในวันที่ 9 ก.ย.ปีที่แล้ว
หุ้นประกันภัยปรับตัวขึ้น โดยหุ้นทราเวลเลอร์พุ่งขึ้นกว่า 3%
หุ้นธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ เพิ่มขึ้น 0.63%
หุ้นเทคโนโลยีปรับตัวลง โดยหุ้นแอปเปิลร่วง 1.63%
ขณะที่หุ้นอีควิแฟกซ์ ซึ่งเป็นบริษัทฐานข้อมูลด้านการเงินและสินเชื่อยักษ์ใหญ่ ร่วงลง 13.7% ซึ่งหนักที่สุดในบรรดาหุ้นในดัชนี S&P500 หลังบริษัทระบุว่า ข้อมูลลูกค้า 143 ล้านคนถูกแฮ็ค