ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.ย.) โดยดาวโจนส์เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 7 หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยและเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับการปรับลดงบดุล ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ว่า นอกจากนี้ เฟดยังส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะมีขึ้นในการประชุมเดือนธ.ค.
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 22,412.59 จุด เพิ่มขึ้น 41.79 จุด หรือ +0.19% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,508.24 จุด เพิ่มขึ้น 1.59 จุด หรือ +0.06% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 6,456.04 จุด ลดลง 5.28 จุด หรือ -0.08%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมกับส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้
นอกจากนี้ เฟดยังได้ประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือนต.ค. จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยภายใต้นโยบายปรับลดงบดุลของเฟดนั้น เฟดจะกำหนดวงเงินพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และ MBS ที่เฟดจะปล่อยให้ครบกำหนดอายุโดยไม่มีการนำเม็ดเงินไปลงทุนใหม่ และจะเพิ่มเพดานตามเป้าหมายที่เฟดกำหนด โดยในเบื้องต้น เฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองตราสารเหล่านี้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองตราสารอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส จนกระทั่งแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนในเดือนต.ค.2018
ขณะเดียวกัน กรรมการเฟดจำนวน 12 จาก 16 รายยังคงคาดการณ์ว่า เฟดจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการปรับขึ้นเป็นครั้งที่ 3 หลังจากปรับขึ้นในเดือนมี.ค. และมิ.ย.
ทั้งนี้ หลังจากที่เฟดแถลงมติการประชุม CME Group ระบุว่า จากการใช้เครื่องมือ FedWatch วิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยสหรัฐ พบว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาสสูงถึง 67% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค.นี้
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ทีดี อเมริเทรด ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า การตัดสินใจตรึงอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมครั้งนี้เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนมองว่า การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หรือการประกาศแผนปรับลดงบดุลในเดือนต.ค. ถือเป็นการดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป และก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่เฟดก็ได้ออกมาส่งสัญญาณให้ตลาดได้รับรู้เป็นระยะๆ
การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับ 2.27% จากระดับ 2.23% และช่วยหนุนหุ้นกลุ่มการเงินดีดตัวขึ้น โดยดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้น 0.6% ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวขึ้นเป็นเวลา 8 วัน ในระยะเวลา 9 วันทำการที่ผ่านมา
หุ้นเฟดเอ็กซ์ พุ่งขึ้น 2.1% แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดการณ์ อันเนื่องมาจากผลกระทบของพายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์
หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.7% หลังจากบริษัทแอปเปิล อิงค์ ได้ออกมายอมว่า ผลิตภัณฑ์สมาร์ทวอชมีปัญหาเกี่ยวกับการเชื่อมต่อ ขณะที่หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.7% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ่ายเงินปันผลเป็น 42 เซนต์ต่อหุ้น
หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ดิ่งลงเกือบ 16% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายในระหว่างวันนั้น สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองร่วงลง 1.7% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 5.35 ล้านยูนิต ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี เนื่องจากผลกระทบจากการที่พายุเฮอร์ริเคนฮาร์วีย์พัดกระหน่ำเมืองฮุสตัน รวมทั้งการเกิดภาวะขาดแคลนบ้านในตลาด
นักลงทุนรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย. โดยเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนก.ย.จากมาร์กิต