ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (31 พ.ค.) หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากแคนาดา, เม็กซิโก และสหภาพยุโรป (EU) ขณะที่ประเทศคู่ค้าเหล่านี้ได้ออกมาตรการตอบโต้สหรัฐทันที ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลว่าอาจจะนำไปสู่การทำสงครามการค้าในไม่ช้านี้ โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ซึ่งรวมถึงหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงเช่นกัน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,415.84 จุด ร่วงลง 251.94 จุด หรือ -1.02% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,705.27 จุด ลดลง 18.74 จุด หรือ -0.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,442.12 จุด ลดลง 20.34 จุด หรือ -0.27%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระลอกใหม่ หลังจากนายวิลเบอร์ รอสส์ รมว.พาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็ก 25% และภาษีนำเข้าอลูมิเนียม 10% จากแคนาดา, เม็กซิโก และ EU โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันนี้เวลา 11.00 น.ตามเวลาไทย หลังจากที่การเจรจาระหว่างสหรัฐและ EU ประสบความล้มเหลว
ทางด้านประเทศคู่ค้าของสหรัฐเหล่านี้ได้ออกมาส่งสัญญาณตอบโต้ทันที โดยรัฐบาลแคนาดาประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้าเหล็กและอลูมิเนียม รวมทั้งสินค้าอื่นๆที่นำเข้าจากสหรัฐ ขณะที่สหภาพยุโรป (EU) และเม็กซิโกประกาศมาตรการตอบโต้สหรัฐเช่นกัน โดย EU ได้ประกาศรายชื่อสินค้าสหรัฐหลายร้อยรายการที่จะถูกเรียกเก็บภาษี นับตั้งแต่เนยถั่วไปจนถึงมอเตอร์ไซค์ ส่วนเม็กซิโกประกาศว่าจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเนื้อสุกร, แอปเปิล, องุ่น, ชีส และเหล็กแผ่น
ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ดิ่งลง 2.3% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.7% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ปรับตัวลง 1.1% หุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 1.7% หุ้นเคแอลเอ็กซ์ ลดลง 0.9% และหุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 1.1%
หุ้นฮาร์เลย์-เดวิดสัน ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์รายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 2.2% หลังจากสหภาพยุโรปประกาศว่าจะตอบโต้สหรัฐด้วยการเรียเก็บภาษีนำเข้าหลายร้อยรายการ ซึ่งรวมถึงมอเตอร์ไซค์
หุ้นเซียร์ส ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐและเป็นเจ้าของห้างเซียร์ส และเคมาร์ท ร่วงลงอย่างหนักถึง 12.5% หลังจากบริษัทประกาศปิดสาขาเพิ่มอีก 72 สาขาในปีนี้ เนื่องจากยอดขายที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลง 1.7% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.3% หุ้นเชฟรอน ปรับตัวลง 0.7% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 0.9% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ปรับตัวลง 0.9% เช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อภาวะการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญ เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 13,000 ราย สู่ระดับ 221,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 228,000 ราย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และยอดขายรถยนต์เดือนพ.ค.