สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 40 เซนต์ หรือ 0.03% ปิดที่ 1,313.70 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 2.3 เซนต์ หรือ 0.14% ปิดที่ 16.472 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 1.2 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 912.10 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.30 ดอลลาร์ หรือ 0.1% ปิดที่ 963.40 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาทองคำปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากภาวะการซื้อขายในตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.28% แตะระดับ 92.855 เมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่แข็งค่า จะลดความน่าดึงดูดของสัญญาทองคำ โดยทำให้สัญญามีราคาสูงขึ้นสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น
นอกจากนี้ การที่ดัชนีดาวโจนส์ยังคงเคลื่อนไหวในแดนบวก ทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม หลังจากตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการแล้ว สัญญาทองคำดีดตัวขึ้นในการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แถลงที่ทำเนียบขาวว่า สหรัฐจะถอนตัวจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ซึ่งเป็นข้อตกลงที่ลงนามในปี 2558 ระหว่างอิหร่าน และกลุ่มประเทศ P5+1 ได้แก่ จีน รัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส สหรัฐ และเยอรมนี
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจที่รุนแรงต่ออิหร่านอีกครั้ง พร้อมกับย้ำว่า ข้อตกลงนิวเคลียร์ที่อิหร่านทำร่วมกับกลุ่มประเทศ P5+1 นั้น ไม่สามารถทำให้อิหร่านยุติการพัฒนาอาวุธนิเคลียร์หรือการสนับสนุนผู้ก่อการร้ายในภูมิภาคได้