ความร่วมมือลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ริเริ่มโดยญี่ปุ่นเมื่อปี ๒๕๕๑ ประกอบด้วยสมาชิก ๖ ประเทศได้แก่ ไทย เมียนมาร์ สปป. ลาว กัมพูชา เวียดนาม และญี่ปุ่น เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อาเซียน สนับสนุนการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างราบรื่น โดยไทยมีบทบาทเป็นประเทศหุ้นส่วนร่วมกับญี่ปุ่นในการพัฒนาอนุภูมิภาคนี้ และในการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่นครั้งล่าสุด ซึ่งจัดขึ้นระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ ๒๕ ในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ณ กรุงเนปีดอว์ เมียนมาร์ ที่ประชุมฯ ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในลุ่มน้ำโขง การพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การพัฒนาไปพร้อมกัน และการรักษาความมั่นคงของมนุษย์และความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
การเข้าร่วมการประชุมผู้นำลุ่มน้ำโขงกับญี่ปุ่น ครั้งที่ ๗ นี้ เป็นโอกาสสำคัญที่ไทยจะย้ำบทบาทในฐานะหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาร่วมกับญี่ปุ่น และแสดงวิสัยทัศน์เพื่อร่วมกำหนดยุทธศาสตร์ความร่วมมือฉบับใหม่ในการพัฒนาลุ่มน้ำโขง หรือ ยุทธศาสตร์กรุงโตเกียว ค.ศ. ๒๐๑๕ (Tokyo Strategy 2015 for Mekong-Japan Cooperation) ซึ่งผู้นำทั้ง
๖ ประเทศ จะร่วมรับรองในการประชุมครั้งนี้ด้วย ในส่วนของไทย นายกรัฐมนตรีจะย้ำความสำคัญของการเติบโตอย่างมีคุณภาพ ได้แก่ การพัฒนาที่ยั่งยืน มั่นคง ครอบคลุมทุกมิติ และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของไทยในการพัฒนาความเชื่อมโยงและการพัฒนาที่ส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกเติบโตไปพร้อมกัน โดยเน้นการสร้างงาน สร้างรายได้และพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน และการส่งเสริมการลงทุนของญี่ปุ่นในอนุภูมิภาคฯ ภายใต้หลักการ Thailand +1 เพื่อให้ลุ่มน้ำโขงเป็นพลังขับเคลื่อนของอาเซียนที่ยั่งยืน ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่ประเทศสมาชิกทั้ง ๖ ประเทศด้วย
ระหว่างการเยือนครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีและผู้นำลุ่มน้ำโขงยังมีกำหนดการสำคัญอื่น ๆ เพื่อพบปะและเข้าร่วมประชุมกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อการพัฒนาในลุ่มน้ำโขง อาทิ กลุ่มสมาชิกภาพรัฐสภาแม่โขง-ญี่ปุ่น การเข้าร่วมประชุม Mekong-Five Economic Forum ที่จัดโดย JETRO การพบหารือกับประธานรัฐสภาผู้แทนราษฎรญี่ปุ่นและประธานวุฒิสภาญี่ปุ่น การพบปะและร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับผู้นำภาคเอกชนญี่ปุ่น ได้แก่ สมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) และสภาหอการค้าและอุตสาหกรรมญี่ปุ่น (JCCI)
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังมีกำหนดหารือทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามบันทึกแสดงเจตจำนงความร่วมมือโครงการทวายระหว่างไทย – เมียนมาร์ – ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมในกรอบความร่วมมือดังกล่าว
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--