กรุงเทพฯ--14 ธ.ค.--คลาสสิก โกลด์ ฟิวเจอร์ส
Price Movement
ราคาทองคำในตลาด COMEX ปิดลดลง 5.10 USDต่อออนซ์ ปิดที่ 1,663.10 USDต่อออนซ์ แต่ในช่วงเช้าวันนี้ปรับตัวลดลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 1,637 USDต่อออนซ์ หลังจากที่ขึ้นไปแตะบริเวณแนวต้านบริเวณ 1,680 จากนั้นมีแรงขายทำกำไร เนื่องจากเฟดไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม
Key Points in Gold Market
- ราคาทองคำในตลาด COMEX มีความเคลื่อนไหวระหว่าง 1,625.50 — 1,681.70 USDต่อออนซ์ ราคาทองคำเปิดตลาดบริเวณ 1,664 แล้วขึ้นไปทำ high ระหว่างวันบริเวณ 1,677 จากนั้นมีแรงขายทำกำไร เมื่อเฟดไม่มีมาตรการอัดฉีดสภาพคล่องเพิ่มเติม และยังกล่าวถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ของยูโรโซน หลังจากตลาด COMEX ปิดแล้วราคาได้ปรับตัวลดลงต่อโดยมาทำ low ในช่วงเช้าวันนี้บริเวณ 1,620 จากนั้นได้ rebound ขึ้นมาที่บริเวณ 1,637 คาดว่าราคามีโอกาส rebound ขึ้นต่อโดยมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,655 และถัดไปบริเวณ 1,677 แต่จะมีแรงขายทำกำไรเมื่อถึงแนวต้านอีกครั้ง โดยภาพทางเทคนิคในรายวันแสดงถึงความอ่อนแอของราคา โดย MACD ติดลบเพิ่มขึ้น คาดว่าวันนี้มีแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันบริเวณ 1,617 เป็นแนวรับแรก และถัดไปบริเวณ 1,600 คำแนะนำ นักลงทุนที่มีสถานะ Short ปิดทำกำไร และรอ rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 เปิด Short อีกโดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณ 1,617/1,600
- ภาพการฟทางเทคนิคในระยะกลางดูจาก กราฟในรายสัปดาห์ ราคาหลุดเส้นค่าเฉลี่ย 34 สัปดาห์ แสดงทิศทางการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นขาลงในระยะกลาง โดยมีแนวรับในระยะกลางบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 50 บริเวณ 1,574 และกรอบล่างของเส้น trend line บริเวณ 1,530 แต่ถ้าหากเกิดวิกฤตหนี้ยุโรปรุนแรงและลุกลามไปสู่สถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ สภาพคล่องตึงตัวมาก อาจลงไปทดสอบแนวรับบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย 75 สัปดาห์บริเวณ 1,473 นักลงทุนระยะกลาง เน้นการเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นสู่แนวต้านในแต่ละรอบ ส่วนนักลงทุนระยะยาวปิด Long ป้องกันความเสี่ยง
- ความผันผวนของราคาทองคำในช่วงนี้มีความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับสินทรัพย์เสี่ยง แต่ในช่วงนี้มีการปรับตัวลดลงแรงกว่าตลาดหุ้น คาดว่า นักลงทุนขายทำกำไรทั้งในตลาดหุ้นและตลาดทองคำก่อนช่วงหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ และพักเงินในพันธบัตรสหรัฐและถือเงินสด หรืออาจลงทุนในตลาดน้ำมันแทน
- ปัจจัยลบของราคาทองคำในช่วงนี้ ได้แก่ ตัวเลขยอดค้าปลีกขอวสหรัฐออกมาน่าผิดหวังโดยลดลงมากกว่าคาด และการแถลงการณ์ของเฟดเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตหนี้ยูโรโซน นอกจากนี้นายเดนิส การ์ทแมน Trader ชื่อดังได้กล่าวว่าเขาปิดสถานะการลงทุนในทองคำหมดแล้ว และตลาดทองคำจะเข้าสู่ภาวะ bearish
- ค่าเงินยูโรร่วงลงหนักมาอยู่ที่ระดับ 1.30 USDต่อยูโร ดัชนีค่าเงิน USD แข็งคาขึ้นมาที่ระดับ 80.30 แข็งค่ามากที่สุดในรอบ 11 เดือน
- ราคาน้ำมันดิบ Nymex ปิดเพิ่มขึ้น 2.37 USDต่อบาร์เรลปิดที่ 100.14 USDต่อบาร์เรล จากความตึงเครียดระหว่างชาติตะวันตกกับอิหร่าน เมื่อนักลงทุนกังวลว่ามาตรการรัดเข็มขัด จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตช้าลง
- รายงานตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันพุธ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนพ.ย.ตัวเลขสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันพฤหัสบดี ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย.ดัชนีภาวะธุรกิจโดยรวม(Empire State Index) เดือนธ.ค.ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3/2011จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ เงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของต่างชาติเดือนต.ค. การผลิตในภาคอุตสาหกรรมและอัตราการใช้กำลังผลิตเดือนพ.ย.ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจเดือนธ.ค. วันศุกร์ ดัชนีราคาผู้บริโภค เดือนพ.ย.
- ราคาโลหะเงินปิดเพิ่มขึ้น 0.26USDต่อออนซ์ ปิดที่ 31.26 USDต่อออนซ์ โดยมีความเคลื่อนไหวระหว่าง 30.46 — 32.04 USDต่อออนซ์ ishares silver trust ถือโลหะเงินจำนวนเท่าเดิม 9,769.12ตัน วันนี้คาดว่ามีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.3 / 30.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.0 — 32.0 USDต่อออนซ์
- SPDR ถือทองคำจำนวนเท่าเดิม 1,294.80 ตัน
Technical Analysis:
++ ราคาทองคำมีแนวรับที่ 1,617/1,600 แนวต้านที่ 1,655/1,666 ภาพกราฟรายวัน พบแรงขายต่อเนื่อง จนราคาลงมาแตะเส้น MA 200 วัน คาดว่าราคาจะ rebound กลับขึ้นมาบริเวณแนวต้าน 1,655/1,666 และมีแนวโน้มอ่อนตัวลงต่อ แนะนำเปิด Short เมื่อราคา rebound ขึ้นบริเวณแนวต้าน โดยมีเป้าหมายทำกำไรบริเวณแนวรับ
++ ราคาโลหะเงินมีแนวต้านบริเวณ 31.5/ 32.0 USDต่อออนซ์ และแนวรับบริเวณ 30.3 / 30.0 USDต่อออนซ์ แนะนำ Trading ในกรอบ 30.0 — 32.0 USDต่อออนซ์