กรุงเทพฯ--10 ส.ค.--ซอฟต์แวร์พาร์ค
ซอฟต์แวร์พาร์คเซ็นเอ็มโอเอกับเอไอที ประเดิมสอนหลักสูตรสร้างมือโปรธุรกิจซอฟต์แวร์ เผยเป็นหลักสูตรระดับโลก แก้ปัญหาคนซอฟต์แวร์ไทยเข้าสู่ยุคแรงงานราคาถูก ชี้ปัญหาสร้างมือดีไม่ได้เพราะขนาดตลาดไทยเล็กเกิน เอไอทียันมาตรฐานเทียบเท่า ม. Carnegie Mellon พร้อมเปิดตั้งแต่สิงหานี้
ศาสตราจารย์ ดร. ชัชนาถ เทพธรานนท์ รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช) และผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี เปิดเผยว่า เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ ซอฟต์แวร์พาร์คได้ทำบันทึกข้อตกลง หรือ MOA ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย หรือ AIT ในการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านไอทีในระดับสูงด้วยหลักสูตรปริญญาโททางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์สำหรับนักวิชาชีพหรือ Professional Master’s in Software Engineering (PMSE) ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทย และถือเป็นหลักสูตรใหม่ในระดับโลกอีกด้วย
ปัจจุบันมีการประเมินว่า มีบุคลากรซอฟต์แวร์ในประเทศไทยประมาณ 50,000 คน ซึ่งขณะนี้ถือว่ายังอยู่ในสภาพขาดแคลน เนื่องจากอุตสาหกรรมทางด้านไอซีทียังเติบโตต่อเนื่อง มากกว่า 10% ต่อปี แต่ปัญหาของอุตสาหกรรมไอซีทีของประเทศ กำลังวนอยู่กับปัญหาเดิมๆ ที่อุตสาหกรรมอื่นๆ ประสบมา นั่นคือการรับจ้างทำงานราคาถูก โดยเน้นแข่งขันเรื่องต้นทุนแรงงานเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายจะต้องไปแข่งขันกับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ที่กำลังสร้างคนไอทีใหม่ที่มีแรงงานราคาถูกเข้าสู่ตลาดจะยากขึ้นทุกที การปรับตัวรับปัญหานี้จึงต้องเร่งสร้างคนไอทีระดับบน ที่มีความเชี่ยวชาญระดับสูง เช่น Software Architecture เข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับประเทศ
จากการคาดคะเนของซอฟต์แวร์พาร์ค คนที่ทำงานในระดับสูงของไทยปัจจุบันมีปริมาณไม่มากนัก เนื่องจากหนึ่ง ขนาดแอพพลิเคชันที่รองรับตลาดในประเทศไทยส่วนใหญ่เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก ไม่ต้องการลักษณะงานที่สลับซ้อนต้องวางโครงสร้างขนาดใหญ่ ทำให้ความจำเป็นที่จะต้องมีคนระดับนี้มาวางแผนมีน้อยมาก ขณะเดียวกันคนที่มีความสามารถระดับนี้ก็จะถูกระบบปรับให้ไปรับตำแหน่งบริหาร หรือแผนกทางด้านการขายแทน อีกทั้งมีหลักสูตรเพื่อสร้างคนจากสถาบันการศึกษาในระดับนี้มีน้อยมาก
จากปัญหาการสร้างคนในกลุ่มซอฟต์แวร์ระดับบนขาดแคลน ส่งผลให้แผนการลงทุนจากต่างประเทศในด้าน ศูนย์วิจัยและพัฒนาเกิดขึ้นได้ยาก เนื่องจากบริษัทต่างชาติจะพิจารณาเรื่องจำนวนคนที่อยู่ในระดับบนเป็นหลักก่อน ยิ่งปัจจุบันเทคโนโลยีใหม่ๆ เริ่มเป็นไปในลักษณะการต่อเชื่อมและต่อยอด เช่น SOA ซึ่งต้องใช้บุคลากรที่มีความรู้ด้านการออกแบบระบบมากขึ้น ทำให้ความรู้ความสามารถในด้าน Software Architect ยิ่งมีความจำเป็น ดังนั้นทางซอฟต์แวร์พาร์คจึงต้องการสนับสนุนและผลักดันการสร้างบุคลากรที่มีความรู้ด้านนี้อย่างสูง
ที่ผ่านมาซอฟต์แวร์พาร์คได้จัดหลักสูตรเพื่อสร้างคนซอฟต์แวร์ระดับสูง แต่ก็มีความสามารถสร้างได้เพียงจำนวนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นนโยบายของซอฟต์แวร์พาร์คต่อไปคือจะเน้น การเป็นตัวเชื่อมโยง Linkage หรือเป็น Bridge เชื่อมต่อกับหน่วยงานการศึกษาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างผู้เชี่ยวชาญระดับสูงให้มากขึ้น
หน้าที่หลักของซอฟต์แวร์พาร์คในการเซ็นสัญญาครั้งนี้คือ เข้ามาบริหารแผนการตลาด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของโครงการนี้คือผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของซอฟต์แวร์พาร์ค ไม่ว่าจะเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ สถาบันการเงิน บริษัทโทรคมนาคม องค์กรธุรกิจขนาดกลาง และ ใหญ่ต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ทางซอฟต์แวร์พาร์คเก็บข้อมูล และสำรวจความต้องการ ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ตรงจุด
หลักสูตรนี้ทางซอฟต์แวร์พาร์คกับ AIT เป็นผู้ร่วมกำหนดหลักสูตรด้วยกัน พร้อมทั้งสะท้อนปัญหาและแนวทางแก้ไข เพื่อทำให้โครงการนี้เหมาะสมกับสภาพของสังคมไทยมากที่สุด แผนการสนับสนุนอื่นๆ นั้น ทางซอฟต์แวร์พาร์คพร้อมจะให้โครงการเข้ามาใช้สถานที่ และสาธารณูปโภคต่างๆ ของซอฟต์แวร์พาร์คอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอุปกรณ์หรือเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ที่ใช้กับการเรียนซอฟต์แวร์ระดับสูง นอกจากนั้นซอฟต์แวร์พาร์คจะช่วยด้านการติดต่อ และแนะนำผู้เชี่ยวชาญจากในวงการอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยตามที่ร้องขอ
สำหรับหลักสูตรภาษาอังกฤษที่ซอฟต์แวร์พาร์คมีการอบรมอยู่ หากผู้เรียนต้องการที่จะเข้าสู่โครงการนี้ สามารถเทียบโอน และโอนย้ายหน่วยกิตเพื่อเรียนต่อยัง AIT โดยได้รับยกเว้นค่าโอน ทำให้เกิดระบบการเรียนแบบต่อเนื่อง หลักสูตรของซอฟต์แวร์พาร์คที่เน้นเฉพาะทางก็จะมีประโยชน์กับผู้อบรมมากขึ้น
จากแผนการส่งเสริมการสร้างบุคลากรซอฟต์แวร์ระดับสูงในปัจจุบัน นอกจากในส่วนของซอฟต์แวร์พาร์คเองที่มีการอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง และการสร้างหลักสูตรกับสถาบันการศึกษาแล้ว ยังต้องเร่งสร้างความรู้จากผู้มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม ดังนั้นทางซอฟต์แวร์พาร์คจึงได้เข้าไปร่วมบริหารชมรมสถาปนิกซอฟต์แวร์ประเทศไทย หรือ IASA Thailand เพื่อเร่งสร้างบุคลากรผ่านชุมชนนักพัฒนา และให้คนกลุ่มนี้สามารถเชื่อมโยงกับนักพัฒนาในระดับโลก
ศาสตราจารย์ ดร.วรศักดิ์ กนกนุกุลชัย คณบดีสำนักวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยี สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เปิดเผยว่า หลักสูตรปริญญาโททางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์สำหรับนักวิชาชีพหรือ Professional Master’s in Software Engineering (PMSE) ซึ่งเป็นหลักสูตรแรกของประเทศไทยจะเปิดสอนในเดือนสิงหาคมนี้ โดยหลักสูตรประกอบด้วยนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น Software Development Studio ซึ่งจัดทำขึ้นตามหลักสูตรมหาบัณฑิตของมหาวิทยาลัย Carnegie Mellon ในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยประยุกต์ให้เหมาะกับอุตสาหกรรมไอทีของไทย กลุ่มเป้าหมายของหลักสูตรใหม่นี้คือเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีที่มีประสบการณ์การทำงานแต่ยังขาดพื้นฐานทางด้านวิชาการที่มีแบบแผนทางวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งกำลังมองหาการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มคุณสมบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่สนใจด้านสถาปัตยกรรมซอฟต์แวร์และมีเป้าหมายที่จะผลักดันตัวเองขึ้นไปสู่ตำแหน่งผู้บริหาร, สถาปนิกด้านซอฟต์แวร์ หรือนักวิเคราะห์ระบบระดับบริหารในองค์กรต่างๆ ทางด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์
ความร่วมมือระยะเวลา 3 ปี ครั้งนี้มีการกำหนดลักษณะพิเศษของหลักสูตรคือ ขอบเขตต้องครอบคลุมความรู้ด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ทุกแขนง, มุ่งเน้นผู้สำเร็จหลักสูตรเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคและสถาปนิกทางซอฟต์แวร์ และให้ความสำคัญกับการพัฒนา soft skills เช่น การสื่อสาร, การทำงานเป็นหมู่คณะ และความเป็นผู้นำเป็นต้น
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้หลักสูตร PMSE มีเอกลักษณ์คือ เนื้อหาการเรียนการสอนทั้งหมดจะเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งสอนโดยอาจารย์จากสถาบันนานาชาติทางด้านวิศวกรรมของเอเชีย นักศึกษาจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเพื่อนร่วมชั้นที่เป็นนักวิชาชีพเหมือนกัน และได้เพิ่มพูนจากประสบการณ์การทำโครงการจริงๆ ภายใต้คำแนะนำจากที่ปรึกษามากประสบการณ์ที่ถูกคัดสรรมาจากอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย การเรียนการสอนในวันธรรมดาทั้งหมดจะอยู่ในช่วงเย็นในใจกลางเมือง ทำให้สะดวกต่อนักศึกษาที่ทำงานอยู่ในเขตธุรกิจกลางเมืองกรุงเทพฯ ยิ่งไปกว่านั้นนักศึกษายังสามารถสำเร็จการศึกษาได้ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี
นอกจากนั้นในความร่วมมือยังเตรียมแนวทางให้บางวิชาในหลักสูตร PMSE ที่ได้รับการคัดเลือกตามความเหมาะสม จะมีการเปิดสอนในรูปแบบคอร์สอบรมระยะสั้นระยะเวลา 2-3 วัน ที่ซอฟต์แวร์พาร์ค ซึ่งวิชาเหล่านี้จะได้รับการยอมรับจากสำนักวิชาวิศวกรรมและเทคโนโลยีของสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติแห่งเอเชียให้สามารถโอนถ่ายหน่วยกิตได้ โดยมีขอบเขตที่ไม่เกิน 6 หน่วยกิต หากนักศึกษาเคยลงทะเบียนเรียนวิชานั้นๆ ไว้จากเขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์โดยไม่เสียค่าธรรมเนียมการโอนถ่ายหน่วยกิต
ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย ในฐานะองค์กรอิสระที่ให้การศึกษานานาชาติระดับสูงด้านเทคโนโลยี จะเข้ามามีบทบาทผู้นำในการให้การศึกษาด้านเทคโนโลยีขั้นสูงแก่แรงงานทางด้านไอที เพื่อให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้ ในขณะเดียวกัน หน่วยปฏิบัติการกึ่งภาครัฐอย่างซอฟต์แวร์พาร์คก็ทุ่มเทให้กับการยกระดับคุณภาพ, การถ่ายทอดเทคโนโลยี, การเสริมสร้างขีดความสามารถ, การเผยแพร่ความรู้ในระดับนานาชาติ และฟูมฟักนักลงทุนเพื่อประโยชน์สูงสุดต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่:
ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาด
เขตอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ประเทศไทย
คุณพูลสิริ จันทร์เสวี
โทร 0-2583-9992 ต่อ 1485
อีเมล์ poolsiri@swpark.org