ดร.อุดม หงส์ชาติกุล ผู้อำนวยการโครงการ ABAC Consumer Index และนายกสมาคมศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ และนักศึกษาด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ ประจำสถาบันคอร์เนล์ลเพื่อภารกิจของรัฐ มหาวิทยาลัยคอร์เนล์ล เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง ธุรกิจรุ่ง ธุรกิจร่วง ในปี 54 กรณีศึกษาตัวอย่างผู้บริหารและเจ้าขอสถานประกอบการทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,437 ราย โดยดำเนินการวิจัยข้อมูลในช่วง 20 ธันวาคม 2553 - 6 มกราคม 2554 ผลการสำรวจพบว่า
กลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.5 คาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยโดยภาพรวมในปี พ.ศ. 2554 จะดี โดยแยกเป็นร้อยละ 40.2 มองว่าจะดีขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 24.3 มองว่าจะดีเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 20.7 คาดว่าจะแย่เหมือนเดิม และร้อยละ 14.8 คาดว่าจะแย่ลง
ดร.นพดล กล่าวว่า ตัวเลขของกลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบการธุรกิจจำนวนมากหรือเกินกว่า 1 ใน 3 ที่ยังคงมองว่า สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจะยังคงแย่เหมือนเดิมและแย่ลงนั้น ในทางสถิติของการพัฒนาประเทศและนโยบายสาธารณะ ถือว่าเป็นตัวเลขที่สามารถส่งผลกระทบในทางลบต่อเสถียรภาพสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยจนทำให้เกิดอาการแกว่งตัวได้ ดังนั้น การก้าวไปข้างหน้าของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ในปี 54 นี้ จึงถือว่ายังไม่น่าไว้วางใจ ข้อเสนอแนะที่เป็นสากลทั่วไปคือ จังหวะของปี 54 นี้น่าจะเป็นช่วงเวลาของการปรับฐานทางเศรษฐกิจทั้งระดับประเทศและระดับบริษัทต่างๆ ให้แข็งแกร่ง “มั่นคง” มากกว่า และทั้งรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ สถาบันวิจัยทางเศรษฐกิจ และภาคเอกชน ต้องตั้งอยู่บนฐานของความเป็นจริงในข้อมูลทางเศรษฐกิจ
ดร.อุดม กล่าวต่อว่า เมื่อถามกลุ่มนักธุรกิจและผู้ประกอบการถึง ธุรกิจที่คาดว่า จะ “รุ่ง” มากที่สุดในปี 54 พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 24.1 ได้แก่ ร้านสะดวกซื้อ สินค้าที่ต้องกิน ต้องใช้ อันดับที่สองหรือร้อยละ 19.2 ได้แก่การทำเกษตร พืชไร่ส่วนผสม เช่น ข้าว ผัก ดอกไม้ ผลไม้ เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ อันดับสามหรือร้อยละ 14.9 ได้แก่ การท่องเที่ยวและบริการ การโรงแรม อันดับที่สี่หรือร้อยละ 14.7 ได้แก่ ธุรกิจแปรรูปต่างๆ เช่น อาหาร ไม้ ยางพารา เนื้อสัตว์ อันดับที่ห้า หรือร้อยละ 6.2 ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ไอที เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ไอแพด ไอพอด และรองๆ ลงไปของธุรกิจที่คาดว่าจะ “รุ่ง” ได้แก่ ร้อยละ 5.8 ระบุเป็นธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ ร้อยละ 2.8 ระบุเป็นรับเหมาก่อสร้าง และที่เหลือระบุเป็น แฟชั่น ความงาม สถาบันการเงินการธนาคาร ธุรกิจพลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า เชื้อเพลิง นำเข้า ส่งออก เคมีภัณฑ์ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่คาดว่าจะ “ร่วง” ในปี 54 พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 28.3 ได้แก่ การทำเกษตรแบบทางเดียว เช่น ปลูกมันสำปะหลังเพียงอย่างเดียว เป็นต้น อันดับที่สองหรือร้อยละ 22.4 ได้แก่ ธุรกิจนำเข้า ส่งออก อันดับที่สามหรือร้อยละ 19.1 ได้แก่ เสื้อผ้า สิ่งทอ อันดับที่สี่หรือร้อยละ 15.6 ได้แก่ ธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง อันดับที่ห้าหรือร้อยละ 9.6 ได้แก่ ร้านโชว์ห่วย และร้อยละ 5.0 ระบุอื่นๆ ตามลำดับ
ดร.นพดล กล่าวว่า มีธุรกิจประเภทหนึ่งที่น่าพิจารณาคือธุรกิจบ้านจัดสรร อสังหาริมทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง ที่กลุ่มผู้บริหารและผู้ประกอบการบางส่วนมองว่าจะ “รุ่ง” ในปีนี้ และบางส่วนมองว่าจะ “ร่วง” ในปีนี้ แต่ตัวเลขที่ค้นพบไม่ได้ขัดกันแต่อย่างไรเนื่องจากร้อยละ 5.8 มองว่าน่าจะ “รุ่ง” แต่ร้อยละ 15.6 มองว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บ้านจัดสรร น่าจะ “ร่วง” ในปี 54 นี้ แต่ถ้าดูงานวิจัยก่อนหน้านี้ค่อนข้างจะเห็นชัดเจนในกลุ่มธุรกิจที่จะ “ร่วง” อย่างต่อเนื่องคือ ร้านโชว์ห่วย ถ้าคนในชุมชนกลุ่มร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ไม่อนุรักษ์หรือไม่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของร้านโชว์ห่วยเอง
ดร.อุดม กล่าวต่อว่า สำหรับธุรกิจที่ผู้ประกอบการตั้งใจจะเปิดหรือขยายเพิ่มในปี 54 พบว่า ร้อยละ 32.3 ระบุเป็นการขายอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าอุปโภค บริโภค รองลงไปหรือร้อยละ 12.0 คือ ธุรกิจยานยนต์ การผลิตเครื่องยนต์ ในขณะที่ร้อยละ 10.4 จะยังคงเปิดหรือขยายธุรกิจเสื้อผ้าและสิ่งทอเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7.8 จะขยายการทำการเกษตรแบบผสมผสาน และร้อยละ 7.8 เท่ากันที่จะขยายส่วนธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมและการบริการ รองๆ ลงไปคือ การก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง การทำเครื่องเรือนจากไม้ ยางพารา เฟอร์นิเจอร์ โรงงานผลิตพลาสติก กระดาษ โรงไฟฟ้า ธุรกิจส่งออก พืชไร่ ข้าว ลำไย เป็นต้น
เมื่อถามถึงระดับความเชื่อมั่นของผู้บริหารและผู้ประกอบการต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พบว่า ร้อยละ 23.7 เชื่อมั่น ร้อยละ 37.1 ค่อนข้างเชื่อมั่น ร้อยละ 28.1 ไม่ค่อยเชื่อมั่น และร้อยละ 11.1 ไม่เชื่อมั่น ตามลำดับ
โปรดพิจารณารายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
ลำดับที่ การคาดการณ์สภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปี พ.ศ. 2554 ค่าร้อยละ 1 จะดีขึ้น 40.2 2 ดีเหมือนเดิม 24.3 3 แย่เหมือนเดิม 20.7 4 แย่ลง 14.8 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจที่คาดว่าจะ “รุ่ง” มากที่สุดในปี พ.ศ. 2554 ลำดับที่ ธุรกิจที่คาดว่าจะ “รุ่ง” มากที่สุดในปี พ.ศ. 2554 ค่าร้อยละ 1 ร้านสะดวกซื้อ สินค้าต้องกิน ต้องใช้ทั่วไป 24.1 2 การเกษตร พืชไร่ส่วนผสม เช่น ข้าว ผัก ดอกไม้ ผลไม้ เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ 19.2 3 การท่องเที่ยวและบริการ/การโรงแรม 14.9 4 ธุรกิจการแปรรูปต่างๆ อาทิ อาหาร ไม้ ยางพารา เนื้อสัตว์ 14.7 5 คอมพิวเตอร์ /อุปกรณ์ไอที/มือถือ เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ไอแพด ไอพอด 6.2 6 ธุรกิจบ้านจัดสรร /อสังหาริมทรัพย์ 5.8 7 รับเหมาก่อสร้าง เช่น การก่อสร้าง ต่อเติม ซ่อม ดัดแปลง รับเหมา 2.8 8 แฟชั่น ความงาม 2.7 9 สถาบันการเงิน การธนาคาร 1.6 10 อื่น ๆ อาทิ พลังงาน เครื่องใช้ไฟฟ้า ธุรกิจเชื้อเพลิง นำเข้า ส่งออก เคมีภัณฑ์ เป็นต้น 8.0 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจที่คาดว่าจะ “ร่วง” ในปี พ.ศ. 2554 ลำดับที่ ธุรกิจที่คาดว่าจะ “ร่วง” ในปี พ.ศ. 2554 ค่าร้อยละ 1 การเกษตรแบบทางเดียว เช่น ปลูกมันสำปะหลัง เพียงอย่างเดียว 28.3 2 ธุรกิจนำเข้า ส่งออก 22.4 3 เสื้อผ้า สิ่งทอ 19.1 4 ธุรกิจบ้านจัดสรร /อสังหาริมทรัพย์/ รับเหมาก่อสร้าง 15.6 5 ร้านโชว์ห่วย 9.6 6 อื่นๆ 5.0 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นเกี่ยวกับธุรกิจที่ตั้งใจจะเปิดหรือขยายเพิ่มในปี พ.ศ. 2554 ลำดับที่ ธุรกิจที่ตั้งใจจะเปิดหรือขยายเพิ่มในปี พ.ศ. 2554 ค่าร้อยละ 1 ขายอาหาร/เครื่องดื่ม/อุปโภค/บริโภค 32.3 2 ยานยนต์/การผลิตเครื่องยนต์/การจัดจำหน่ายยานยนต์ 12.0 3 เสื้อผ้า /ขายเสื้อผ้า 10.4 4 การเกษตรแบบผสมผสาน 7.8 5 การท่องเที่ยว/โรงแรม/บริการ 7.8 6 ก่อสร้าง/รับเหมาก่อสร้าง/วัสดุก่อสร้าง 5.7 7 ทำเครื่องเรือนจากไม้เละรากไม้/ยางพารา/เฟอร์นิเจอร์ 3.3 8 โรงงานผลิตพลาสติก/กระดาษ 2.6 9 โรงงานไฟฟ้า/ติดตั้งไฟฟ้า 2.6 10 ธุรกิจส่งออก อาทิ พืชไร่ /ข้าว/ลำไย 2.4 11 อื่นๆ เช่น ร้านทอง น้ำดื่ม บ้านจัดสรร เสริมสวย สปา โรงสีข้าว เป็นต้น 13.1 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบันของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลำดับที่ ความเชื่อมั่น ค่าร้อยละ 1 เชื่อมั่น 23.7 2 ค่อนข้างเชื่อมั่น 37.1 3 ไม่ค่อยเชื่อมั่น 28.1 4 ไม่เชื่อมั่น 11.1 รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--