ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน (ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง สำรวจสถานการณ์ทางเพศของเยาวชนไทยในวันวาเลนไทน์ กรณีศึกษาตัวอย่างเยาวชนอายุ 12-24 ปีที่พักอาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 1,256 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 8 — 9 กุมภาพันธ์ 2554 ผลการสำรวจ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 97.3 ทราบว่าวันวาเลนไทน์ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ร้อยละ 2.7 ไม่ทราบ ทั้งนี้กลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 60.5 คิดว่าวันวาเลนไทน์ไม่ได้เป็นวันพิเศษอะไร ร้อยละ 39.5 คิดว่าเป็นวันพิเศษสำหรับตัวเอง
ที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 29.4 ระบุเคยมีประสบการณ์ในการมีเพศสัมพันธ์ร่วมหลับนอนกับคนอื่น ในขณะที่ ร้อยละ 70.6 ระบุยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์
ประเด็นที่น่าสนใจคือเมื่อทำการวิเคราะห์จำแนกตัวอย่างออกตามการตกเป็นกลุ่มเสี่ยง/ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์นั้น พบว่าร้อยละ 80.3 ของตัวอย่างที่เคยมีเพศสัมพันธ์ มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เพราะสวมถุงยางอนามัยบางครั้งหรือไม่สวมเลย ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 19.7 เท่านั้นที่ไม่ตกเป็นกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว
และผลสำรวจยังพบอีกว่า ร้อยละ 16.9 ระบุมีโอกาสมาก-มากที่สุดที่จะมีเพศสัมพันธ์ในวันวาเลนไทน์ (อาทิ กับคนรู้จัก คู่รัก แฟน สามี/ภรรยา เป็นต้น) ร้อยละ 70.4 ระบุน้อย-เป็นไปไม่ได้เลย และร้อยละ 12.7 ระบุปานกลาง
สำหรับกลุ่มตัวอย่างที่ระบุการให้คำแนะนำเพื่อน หากทราบว่าเพื่อนถูกแฟนชักชวนให้มีเพศสัมพันธ์ด้วยนั้น พบว่า ร้อยละ 36.2 แนะนำว่าควรรักนวลสงวนตัว เป็นแค่แฟนยังไง ๆ ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน รองลงมาร้อยละ 34.8 แนะนำว่าเป็นแฟนกันแล้ว อาจมีเพศสัมพันธ์กันได้ แต่ต้องรู้จักป้องกันตนเอง (ยาคุมกำเนิด ถุงยางอนามัย) ร้อยละ 18.0 แนะนำว่าการมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ (เป็นสิทธิส่วนตัว) ร้อยละ 7.0 ให้ปฏิเสธ และควรเลิกคบกับแฟน และร้อยละ 4.0 ระบุอื่น ๆ อาทิ ปฏิเสธ และเป็นเพื่อนกันดีกว่า ตามลำดับ
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า สำหรับในโอกาส "วันวาเลนไทน์" หรือวันแห่งความรักที่กำลังจะมาถึงนี้ จึงเสนอวิธีรักษาบุตรหลาน 9 ประการให้คุณพ่อ คุณแม่ และผู้ปกครอง ไว้พิจารณาในโอกาสที่มีบุตรหลานในวัยเจริญพันธุ์ เพราะครอบครัวเป็นหน่วยทางสังคมที่มีความสำคัญต่อการถ่ายทอดค่านิยม ทัศนคติ และแบบแผนทางพฤติกรรมที่สอดคล้องกับบรรทัดฐานของสังคมให้กับเด็กและเยาวชน ค่านิยมทางเพศและพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ย่อมขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์กับบรรยากาศการเลี้ยงดูและสัมพันธภาพของครอบครัว
1) คุณพ่อคุณแม่ และผู้ปกครอง ควรปลูกฝัง “ความซื่อสัตย์” และ “ความรักแท้” ที่คงอยู่ได้ในทุกจังหวะอารมณ์ความรู้สึกต่อกันและกัน ไม่ว่าจะอยู่ในความตึงเครียดต่อกันเพียงใด ก็จะสามารถรักและซื่อสัตย์ต่อกันได้ในทุกสถานการณ์ ดังนั้น การทอดเวลาในการทำความรู้จักต่อกัน และการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ก่อนที่จะตกลงมีเพศสัมพันธ์กันและแต่งงานอยู่กันเป็นครอบครัวจึงเป็นเรื่องจำเป็น
2) ครอบครัวหรือผู้ปกครองต้องให้ความรักและความอบอุ่นแก่ลูกหลาน ความรักของพ่อแม่ การเลี้ยงดูของพ่อแม่ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวของพ่อแม่ มีส่วนสร้างบุคลิกภาพและค่านิยมรวมถึงแบบแผนพฤติกรรมในเรื่องเพศให้แก่เด็ก
3) พ่อแม่ ผู้ปกครองทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี ทั้งนี้เพราะเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มที่จะรับแบบต่าง ๆ จากพฤติกรรมของพ่อแม่ เยาวชนจะอยู่ในวัยที่ต้องมีตัวแบบเพื่อเขาจะได้เลียนแบบพฤติกรรม เช่น ในเรื่องการวางตัวต่อเพศตรงข้าม ความมั่นคงทางอารมณ์ ความซื่อสัตย์ต่อกัน การให้เกียรติซึ่งกันและกันในการใช้ชีวิตคู่ของพ่อแม่
4) การปลูกฝังค่านิยมเรื่องเพศที่ถูกต้องให้แก่ลูกหลาน ปลูกฝังค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณีในเรื่องเพศ เช่น ผู้หญิงให้รักนวลสงวนตัว ผู้ชายให้เกียรติผู้หญิง รู้จักความรับผิดชอบ อดได้รอได้ เป็นต้น
5) เข้าใจลักษณะทางธรรมชาติและความต้องการของวัยรุ่น พ่อแม่ควรมีการศึกษาพัฒนาการในช่วงวัยต่าง ๆ ของลูกหลาน เช่น พ่อแม่ต้องเข้าใจว่าวัยรุ่นต้องการอิสระ ความเป็นส่วนตัว การตัดสินใจด้วยตนเอง เป็นต้น พ่อแม่จึงต้องทำการศึกษาเพื่อลดช่องว่างระหว่างวัยระหว่างพ่อแม่กับลูก
6) ครอบครัวมีการเลี้ยงดูแบบประชาธิปไตย ช่วยให้วัยรุ่นแสดงลักษณะความเป็นตัวของตัวเอง มีการปรับตัวทางสังคมที่ดี เด็กและเยาวชนที่มีสัมพันธภาพและปรองดองกับพ่อแม่ของเขาจะมีปัญหานอกบ้านน้อยกว่าวัยรุ่นที่มาจากครอบครัวที่มีการเลี้ยงดูแบบเข้มงวด
7) เลือกหรือคัดกรองสื่อต่าง ๆ เช่น โทรทัศน์ วิทยุ อินเทอร์เน็ต เป็นต้น ให้อยู่ในขอบข่ายที่เหมาะสมไม่ล่อแหลมจนเกินไป ถ้าสื่อใด ๆ ที่ออกมาเห็นว่าไม่สมควร พ่อแม่ควรให้ข้อมูลย้อนกลับ ให้ความรู้ คำอธิบาย ชี้ให้เห็นคุณและโทษของข้อมูลจากสื่อนั้น ๆ
8) การสนับสนุนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ การให้รู้จักใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เช่น การอ่านหนังสือ การออกกำลังกาย การเล่นดนตรี เป็นต้น
9) กลุ่มเพื่อนเป็นกลุ่มที่มีอิทธิต่อวัยรุ่นมาก พ่อแม่ ผู้ปกครอง จึงควรทำความรู้จักสนิทสนมกับกลุ่มเพื่อนของลูกหลาน และคอยสอนให้เยาวชนเลือกคบเพื่อนที่มีลักษณะเป็นกัลยาณมิตร
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 50.1 เป็นชาย
ร้อยละ 49.9 เป็นหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 27.0 อายุระหว่าง 12-15 ปี
ร้อยละ 22.5 อายุระหว่าง 16-18 ปี
ร้อยละ 30.0 อายุระหว่าง 19-21 ปี
และร้อยละ 20.5 อายุระหว่าง 22-24 ปี
และกลุ่มตัวอย่าง ร้อยละ 1.0 ระบุไม่ได้เรียนหนังสือเลย
ร้อยละ 1.1 ระบุเคยเรียนแต่เลิกเรียนแล้ว
ร้อยละ 5.9 ระบุเป็นนักเรียน แต่ตอนนี้ถูกพักการเรียน
ร้อยละ 82.7 ระบุเป็นนักเรียนกำลังเรียนอยู่
และร้อยละ 9.3 ระบุเรียนจบแล้วตามลำดับ
ลำดับที่ การรับรู้/รับทราบ ค่าร้อยละ 1 ทราบ และระบุได้ถูกต้องว่าตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี 97.3 2 ไม่ทราบ 2.7 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นเกี่ยวกับวันวาเลนไทน์ ลำดับที่ ความคิดเห็น ค่าร้อยละ 1 คิดว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันพิเศษ 39.5 2 คิดว่าไม่ใช่ 60.5 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุประสบการณ์ในการมีเพศสัมพันธ์ (อาทิ กับคนรู้จัก คู่รัก แฟน สามี/ภรรยา เป็นต้น) ลำดับที่ ประสบการณ์ในการมีเพศสัมพันธ์ ค่าร้อยละ 1 เคย 29.4 2 ไม่เคย 70.6 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ตกเป็นกลุ่มเสี่ยง/ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (ค่าร้อยละเฉพาะผู้ที่เคยมีเพศสัมพันธ์) ลำดับที่ กลุ่มเสี่ยง/ไม่เสี่ยงต่อการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ค่าร้อยละ 1 เป็นกลุ่มเสี่ยง เพราะ......สวมถุงยางอนามัยบางครั้ง หรือไม่สวมเลย 80.3 2 ไม่เสี่ยง 19.7 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุโอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์ (อาทิ คู่รัก แฟน สามี/ภรรยา คนรู้จักเป็นต้น) ในวันวาเลนไทน์ ลำดับที่ โอกาสที่จะมีเพศสัมพันธ์ในวันลาเวนไทน์ ค่าร้อยละ 1 น้อย-เป็นไปไม่ได้เลย 70.4 2 ปานกลาง 12.7 3 มาก-มากที่สุด 16.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุคำแนะนำที่จะให้เพื่อนหากทราบว่าเพื่อนถูกแฟนชักชวนให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย ลำดับที่ คำแนะนำ ค่าร้อยละ 1 ควรรักนวลสงวนตัว เป็นแค่แฟน ยังไง ๆ ก็ไม่ควรมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน 36.2 2 เป็นแฟนกันแล้ว อาจมีเพศสัมพันธ์กันได้ แต่ต้องรู้จักป้องกันตนเอง (ยาคุม ถุงยาง) 34.8 3 การมีเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องปกติ (เป็นสิทธิส่วนตัว) 18.0 4 ให้ปฏิเสธ และควรจะเลิกคบกับแฟน 7.0 5 อื่น ๆ อาทิ ปฏิเสธ และเป็นเพื่อนกันดีกว่า เป็นต้น 4.0 รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--