ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ คุณพลาย ภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสาร พิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “โครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อมลพิษทางน้ำในประเทศไทย : กรณีศึกษาประชาชนในเขตกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และประชาชนรอบเขตนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง” โดยสำรวจประชาชนอายุ 18-60 ปี เมื่อวันที่ 17 มกราคม—11 มีนาคม 2554 จำนวน 1,550 ตัวอย่าง ผลสำรวจประเด็นสำคัญสรุปได้ดังนี้
ดร.นพดล ได้กล่าวถึงผลการสำรวจที่ค้นพบในครั้งนี้ว่าประชาชนที่ถูกศึกษาร้อยละ 70.6 ระบุว่ามีความรุนแรงของปัญหามลพิษทางน้ำใน ประเทศไทยในระดับมาก-มากที่สุด ร้อยละ 21.2 ระบุปานกลาง ในขณะที่มีเพียงร้อยละ 8.2 เท่านั้นระบุน้อย-ไม่รุนแรงเลย
ทั้งนี้เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางน้ำในประเด็นต่างๆ พบว่า ประชาชนตัวอย่างส่วนใหญ่มากกว่า 2 ใน 3 เห็นด้วยว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาที่เกี่ยวข้องกับมลพิษทางน้ำกับทุกประเด็นที่ทำการสำรวจ โดยร้อยละ 83.8 เห็นด้วยว่ามลพิษทางน้ำเป็นปัญหาสำคัญต่อสิ่ง แวดล้อม และควรเร่งป้องกันแก้ไข ร้อยละ 75.2 เห็นด้วยว่าน้ำเน่าเสีย/มลพิษทางน้ำเป็นปัญหาสำคัญในระดับประเทศ ร้อยละ 75.0 เห็นด้วยว่า มลพิษทางน้ำเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงการดำเนินงานในการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำนั้นพบว่า ร้อยละ 80.2 เห็นว่าควรมีกฎหมายกำหนดให้โรงงาน อุตสาหกรรมเปิดเผยข้อมูล การปลดปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อมและให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ ร้อยละ 79.6 เห็นด้วยว่าโรงงานอุตสาหกรรมควรที่จะใช้ วัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่ไม่เป็นอันตรายและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเท่านั้น ร้อยละ 78.7 ระบุทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยควรเน้น ไปทางด้านอุตสาหกรรมที่สะอาดไม่ก่อมลพิษ ร้อยละ 76.4 เห็นด้วยว่าภาคอุตสาหกรรมควรต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยต้องพัฒนาให้เกิน กว่าข้อบังคับขั้นต่ำของกฎหมาย และร้อยละ 76.4 ระบุประชาชนควรได้รับการเข้าถึงข้อมูลการปลดปล่อยมลพิษจากแหล่งกำเนิดอุตสาหกรรม ซึ่งเป็น สิทธิพื้นฐานที่ประชาชนต้องได้รับ นอกจากนี้ร้อยละ 74.3 เห็นด้วยว่ารัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบยังปฏิบัติไม่เพียงพอต่อการป้องกันและแก้ไข ปัญหามลพิษทางน้ำ ในขณะที่ร้อยละ 69.4 เห็นด้วยว่ากฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยน้ำทิ้งที่มีอยู่ในปัจจุบันหย่อนยาน และไม่เพียงพอในการแก้ปัญหามลพิษ ทางน้ำ ในขณะที่ร้อยละ 67.2 เห็นด้วยว่าหน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบป้องกันมลพิษทางน้ำ หย่อนยาน หรือไม่เคร่งครัดในการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้ก่อ มลพิษ ดร.นพดลกล่าว
ดร.นพดล กล่าวต่อว่าเมื่อคณะผู้วิจัยได้สอบถามความคิดเห็นของประชาชนที่ถูกศึกษากรณีความรู้สึกกังวลต่อปัญหามลพิษทางน้ำในประเด็น ต่างๆ พบว่าปัญหาที่ประชาชนมีความกังวลมาก-มากที่สุด มีดังต่อไปนี้ ร้อยละ 91.5 ระบุปัญหามลพิษทางน้ำรวมกับปัญหาโลกร้อนจะเป็นปัจจัยเร่งให้เกิด การขาดแคลนน้ำสะอาดในอนาคต ร้อยละ 90.3 ระบุปัญหาน้ำเน่าเสียตามคูคลองและแม่น้ำ ร้อยละ 89.9 ปัญหาขยะในแหล่งน้ำ ร้อยละ 84.5 ระบุปัญหาผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากมลพิษทางน้ำ และร้อยละ 84.1 ระบุการปนเปื้อนสารพิษในห่วงโซ่อาหารหรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่าประชาชนมีความกังวลต่อปัญหามลพิษทางน้ำในประเด็นสำคัญอื่นๆ ประกอบด้วย ความกังวลในความอุดมสมบูรณ์และ หลากหลายของสัตว์น้ำและพืชนานาชนิดจะลดลง (ร้อยละ 83.9) ความกังวลต่อโรงงานอุสาหกรรมในการปล่อยมลพิษลงสู่แม่น้ำลำคลอง (ร้อยละ 83.7) การใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองของคนไทย (ร้อยละ 83.5) การขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในอนาคต (ร้อยละ 83.3) การปนเปื้อนของ สารพิษจากน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมสู่แหล่งน้ำดิบสำหรับผลิตอุปโภคและบริโภค (ร้อยละ 79.4) หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบไม่สามารถควบคุมภาค อุตสาหกรรมในการปล่อยมลพิษลงสู่แหล่งน้ำได้ (ร้อยละ 77.7) การขาดแคลนแหล่งน้ำที่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับประกอบอาชีพทางการเกษตร (ร้อย ละ 75.7) การขาดแคลน แหล่งน้ำสำหรับที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ (ร้อยละ 67.6) และความกังวลในประเด็นสำคัญอื่นๆ อาทิ การบริหาร จัดการมลพิษทางน้ำไม่ดี /ไม่มีการพัฒนา รวมทั้งการขาดจิตสำนึกของประชาชนเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางน้ำ เป็นต้น
นอกจากนี้เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกกังวลต่อการประสบปัญหามลพิษของแม่น้ำ 4 สายหลักในภาคกลาง พบว่าส่วนใหญ่ มีความกังวลมาก- มากที่สุด ต่อแม่น้ำเจ้าพระยา คิดเป็นร้อยละ 74.5 รองลงมาคือ แม่น้ำบางปะกง คิดเป็นร้อยละ 58.0 แม่น้ำแม่กลอง คิดเป็นร้อยละ 52.2 และ แม่น้ำท่าจีน คิดเป็นร้อยละ 52.0 ตามลำดับ
สำหรับความคิดเห็นต่อแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำที่เป็นประเภทสารพิษอันตราย นั้นพบว่าประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประชาชนในกลุ่มที่พักอาศัยบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 3 แห่ง กว่าร้อยละ 90 เห็นว่าภาคอุตสาหกรรมเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำที่เป็น ประเภทสารพิษอันตราย นอกเหนือไปจาก บ้านเรือนที่พักอาศัย และภาคเกษตรกรรม ที่ประชาชนบางส่วนเห็นว่าเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษทางน้ำดัง กล่าวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถามถึงความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหามลพิษ ทางน้ำ พบว่า โดยภาพรวมประชาชนที่ถูกศึกษาร้อยละ 32.2 ระบุมีความจริงจังมาก-มากที่สุด ร้อยละ 28.6 ระบุจริงจังปานกลาง และ ร้อยละ 39.2 ระบุจริงจังน้อย-ไม่จริงจังเลย ทั้งนี้เมื่อพิจารณาคะแนนเฉลี่ยความจริงจังของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำนั้นพบว่าได้ คะแนน 4.65 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ผลสำรวจที่กล่าวมาข้างต้นสะท้อนให้เห็นว่าปัญหามลพิษทางน้ำในประเทศไทยอยู่ในระดับรุนแรง และเป็นปัญหาที่ประเทศไทยเผชิญมาอย่าง ยาวนานแล้ว ในขณะที่รัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่มีความจริงจังในการเข้ามาแก้ไขปัญหา นอกจากนี้ยังมีเสียงสะท้อนจากประชาชนว่าการ บังคับใช้กฎหมายเกี่ยวกับปัญหามลพิษทางน้ำยังหย่อนหยานและไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร หน่วยงานที่รับผิดชอบไม่มีความเอาจริงเอาจังมากพอในการ แก้ไขปัญหา ซึ่งหากไม่มีการส่งเสริมหรือรณรงค์รักษาหรือฟื้นฟูสภาพแหล่งน้ำที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์แล้ว แน่นอนว่าในอนาคตจะต้องเกิด ภาวะขาดแคลนน้ำสะอาดในการอุปโภคบริโภคได้
“หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน รวมทั้งองค์กรในการอนุรักษ์ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมควรให้ความจริงจังและ ต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหา รวมทั้งหาแนวทางการป้องกันไม่ให้มีการปล่อยน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ ลงสู่แหล่งน้ำ โดยเฉพาะน้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรมที่ มีความสกปรกสูง ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมเองควรมีความรับผิดชอบมากกว่าข้อบังคับขั้นต่ำของกฎหมาย และยึดหลักเน้นปรับปรุงกระบวนการผลิตไม่ให้ ก่อมลพิษ ไม่ใช้สารเคมีอันตราย และมีความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษ โดยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบได้” ดร.นพ ดล กล่าว
ในขณะที่คุณพลาย ภิรมย์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านสารพิษ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้กล่าว ผลสำรวจได้แสดงให้เห็นว่าชาว ไทยอยากเห็นรัฐบาลลงมือแก้ไขมลพิษจากภาคอุตสาหกรรมอย่างจริงจัง ซึ่งกำลังเป็นปัญหาคุกคามแหล่งน้ำของประเทศ ความโปร่งใสด้านการบริหาร จัดการและการเปิดเผยข้อมูลเป็นแนวทางที่จะสามารถนำสู่การแก้ไขปัญหามลพิษได้ในระยะยาว ทั้งนี้ภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมควรคำนึงถึงสิทธิการรับ รู้ของประชาชนเกี่ยวกับสารพิษอันตรายที่ใช้และปล่อยจากกระบวนการผลิตอุตสาหกรรม โดยควรเร่งออกกฎหมายกำหนดให้อุตสาหกรรมจัดทำทำเนียบ การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ “ทำเนียบการปล่อยมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (Pollutant Release and Transfer Register: PRTR)” ซึ่งใช้หลักการความโปร่งใสด้านการรายงานข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม และสิทธิการเข้าถึงข้อมูลของประชาชนเป็นตัวผลักดันให้เกิดการพัฒนาการลดมลพิษ และควรมีการสร้างจิตสำนึกให้กับประชาชนมีความตระหนักรู้สึกหวงแหนแหล่งน้ำเพื่อช่วยกันรักษาและลดทอนปัญหาที่เกิดขึ้น
“กรีนพีซเชื่อว่าความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลด้านมลพิษนี้จะต้องมาจากความร่วมมือของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและภาคอุตสาหกรรม การปิดบังข้อมูลการใช้และการปล่อยสารพิษอันตรายนั้นจะยิ่งนำไปสู่ความคลุมเครือโดยเฉพาะในยามที่เกิดอุบัติเหตุ เช่นเดียวกับที่เราได้เรียนรู้จาก อุบัติภัยนิวเคลียร์ที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ว่าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงหายนะภัยได้” คุณพลายกล่าวปิดท้าย
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 60.9 เป็นหญิง ร้อยละ 39.1 เป็นชาย เมื่อพิจารณาอายุของ ตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 3.6 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 19.8 อายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 18.7 อายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 21.5 อายุระหว่าง 40-49 ปี และ ร้อยละ 36.4 อายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อพิจารณาการศึกษาที่ตัวอย่างสำเร็จในระดับชั้นสูงสุด พบว่า ตัวอย่างร้อย ละ 29.5 จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้น/ต่ำกว่า รองลงมา ร้อยละ 24.3 จบมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. ร้อยละ 8.6 จบอนุปริญญา/ปวส. ร้อยละ 31.0 จบปริญญาตรี และร้อยละ 6.6 สูงกว่าปริญญาตรี ตามลำดับ ตัวอย่างร้อยละ 31.4 อาชีพค้าขาย/ธรุกิจส่วนตัว รองลงมาร้อยละ 22.6 อาชีพแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณ ร้อยละ 17.0 อาชีพพนักงานบริษัทเอกชน/องค์กรเอกชน ร้อยละ 8.5 อาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 8.3 อาชีพนักเรียน/นักศึกษา ในขณะที่ประกอบวิชาชีพอิสระ เช่น ทนายความ สถาปนิก เกษตรกร/ประมง และรับจ้างทั่วไป/ว่างงาน มีสัด ส่วนไม่มากนักร้อยละ 12.2 และเมื่อพิจารณารายได้ของตัวอย่างร้อยละ 19.9 มีรายได้ส่วนบุคคลเฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท รองลงมาร้อย ละ 30.8 มีรายได้ระหว่าง 5,001 — 10,000 บาท ร้อยละ 14.7 มีรายได้ระหว่าง 10,001-15,000 บาท ร้อยละ 10.0 มีรายได้ระหว่าง 15,001- 20,000 บาท และร้อยละ 24.6 มีรายได้มากกว่า 20,000 บาท
รายละเอียดโปรดติดต่อ....
ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร 0-2719-1550 www.abacpoll.au.edu
หรือ.....กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โทร 0-2357-1921 ต่อ 115 หรือ 08-9487-0678
โปรดพิจารณารายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
ของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและประชาชนที่พักอาศัยบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง
ลำดับที่ ความรุนแรงของปัญหามลพิษทางน้ำในประเทศไทย ประชาชนโดยรอบพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ ภาพรวม นิคมอุตสาหกรรมค่าร้อยละ ปริมณฑลค่าร้อยละ ค่าร้อยละ 1 รุนแรงมาก-มากที่สุด 72.0 70.0 70.6 2 ปานกลาง 21.4 21.2 21.2 3 น้อย-ไม่รุนแรงเลย 6.6 8.8 8.2 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
คะแนนเฉลี่ยความความรุนแรงของปัญหามลพิษทางน้ำ
(คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 7.04 คะแนน 6.96 คะแนน 6.98 คะแนน ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อประเด็นปัญหามลพิษทางน้ำ ลำดับที่ ประเด็นมลพิษทางน้ำ เห็นด้วย ค่อนข้างเห็นด้วย ไม่ค่อยเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่มีความเห็น รวมทั้งสิ้น 1 มลพิษทางน้ำเป็นปัญหาสำคัญต่อสิ่งแวดล้อม และควรเร่งป้องกันแก้ไข 83.8 12.1 2.5 0.7 0.9 100.0 2 น้ำเน่าเสีย/มลพิษทางน้ำเป็นปัญหาสำคัญในระดับประเทศ 75.2 17.8 3.8 1.9 1.3 100.0 3 มลพิษทางน้ำเป็นภัยคุกคามต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต 75.0 17.0 4.5 2.1 1.4 100.0 ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำในปัจจุบัน ลำดับที่ ประเด็นมลพิษทางน้ำ เห็นด้วย ค่อนข้างเห็นด้วย ไม่ค่อยเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่มีความเห็น รวมทั้งสิ้น 1 ควรมีกฎหมายกำหนดให้โรงงานอุตสาหกรรมเปิดเผยข้อมูลการปลดปล่อยมลพิษ (ชนิดและปริมาณ) สู่สิ่งแวดล้อม และให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ 80.2 16.4 1.5 0.8 1.1 100.0 2 โรงงานอุตสาหกรรมควรที่จะใช้วัตถุดิบในการผลิตสินค้าไม่เป็นอันตรายและ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพเท่านั้น 79.6 15.6 2.7 0.9 1.2 100.0 3 ทิศทางการพัฒนาอุตสาหกรรมของไทยควรเน้นไปทางด้านอุตสาหกรรม ที่สะอาดไม่ก่อมลพิษ 78.7 15.7 3.1 1.2 1.3 100.0 4 ภาคอุตสาหกรรมควรต้องมีความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมโดยต้องพัฒนา ให้เกินกว่าข้อบังคับขั้นต่ำของกฎหมาย 76.4 18.7 2.8 1.0 1.1 100.0 5 ประชาชนควรได้รับการเข้าถึงข้อมูลการปลดปล่อยมลพิษ (ชนิดและปริมาณ) จากแหล่งกำเนิดอุตสาหกรรมเป็นสิทธิพื้นฐานที่ประชาชนต้องได้รับ 76.4 18.7 2.8 1.0 1.1 100.0 6 รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบยังปฏิบัติไม่เพียงพอต่อการแก้ไขป้องกัน ปัญหามลพิษทางน้ำ 74.3 18.0 4.0 1.2 2.5 100.0 7 กฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยน้ำทิ้งที่มีในปัจจุบัน หย่อนยาน และไม่เพียงพอ ในการแก้ปัญหามลพิษทางน้ำ 69.4 18.8 4.6 3.7 3.5 100.0 8 หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบป้องกันมลพิษทางน้ำ หย่อนยานในการบังคับ ใช้กฎหมายต่อผู้ก่อมลพิษ 67.2 20.5 5.8 3.0 3.5 100.0 ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุระดับความรู้สึกกังวลต่อมลพิษทางน้ำในด้านต่างๆ โดยภาพรวม ลำดับที่ ประเด็นความกังวลต่อมลพิษทางน้ำในด้านต่างๆ มาก-มากที่สุด ปานกลาง น้อย-น้อยที่สุด รวมทั้งสิ้น ค่าร้อยละ ค่าร้อยละ ค่าร้อยละ 1 ปัญหามลพิษทางน้ำรวมกับปัญหาโลกร้อนจะเป็นปัจจัย- เร่งให้เกิดการขาดแคลนน้ำสะอาดในอนาคต 91.5 6.6 1.9 100.0 2 ปัญหาน้ำเน่าเสียตามคูคลอง และแม่น้ำ 90.3 7.9 1.8 100.0 3 ปัญหาขยะในแหล่งน้ำ 89.9 8.3 1.8 100.0 4 ผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนที่เกิดจากมลพิษทางน้ำ 84.5 13.5 2.0 100.0 5 การปนเปื้อนสารพิษในห่วงโซ่อาหาร หรือสิ่งแวดล้อมรอบตัว 84.1 13.8 2.1 100.0 6 ความอุดมสมบูรณ์และหลากหลายของสัตว์น้ำและพืชนานาชนิดลดลง 83.9 13.6 2.5 100.0 7 โรงงานอุตสาหกรรมปล่อยมลพิษสู่แหล่งน้ำ 83.7 13.0 3.3 100.0 8 การใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองของคนไทย 83.5 14.2 2.3 100.0 9 การขาดแคลนน้ำสำหรับอุปโภคบริโภคในอนาคต 83.3 12.9 3.8 100.0 10 การปนเปื้อนสารพิษจากน้ำทิ้งอุตสาหกรรมในแหล่งน้ำดิบ- สำหรับผลิตน้ำอุปโภคบริโภค 79.4 16.9 3.7 100.0 11 หน่วยงานรัฐที่รับผิดชอบไม่สามารถควบคุม- ภาคอุตสาหกรรมในการปล่อยมลพิษสู่แหล่งน้ำได้ 77.7 17.1 5.2 100.0 12 การขาดแคลนแหล่งน้ำที่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับประกอบอาชีพ- เช่น เลี้ยงปลา และการเกษตร 75.7 18.9 5.4 100.0 13 การขาดแคลนแหล่งน้ำที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ 67.6 25.3 7.1 100.0 14 อื่นๆ อาทิ การบริหารจัดการมลพิษทางน้ำไม่ดี- ไม่มีการพัฒนา ประชาชนขาดจิตสำนึก เป็นต้น 45.1 2.9 52.0 100.0 ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความรู้สึกกังวลต่อแม่น้ำที่ประสบปัญหามลพิษ ลำดับที่ แม่น้ำที่ประสบปัญหามลพิษ มาก-มากที่สุดค่าร้อยละ ปานกลางค่าร้อยละ น้อย-น้อยที่สุดค่าร้อยละ รวมทั้งสิ้น 1 แม่น้ำเจ้าพระยา 74.5 22.6 2.9 100.0 2 แม่น้ำบางปะกง 58.0 34.4 7.6 100.0 4 แม่น้ำแม่กลอง 52.2 39.0 8.8 100.0 3 แม่น้ำท่าจีน 52.0 39.5 8.5 100.0 ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง ที่ระบุความคิดเห็นกรณีแหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำที่เป็นประเภทสารพิษอันตราย เปรียบเทียบ
ความคิดเห็นของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและประชาชนที่พักอาศัยบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง
ลำดับที่ แหล่งกำเนิดมลพิษทางน้ำ ประชาชนโดยรอบพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ ภาพรวมค่าร้อยละ นิคมอุตสาหกรรมค่าร้อยละ ปริมณฑลค่าร้อยละ 1 อุตสาหกรรม 91.9 86.0 87.7 2 บ้านเรือน 3.9 9.1 7.7 3 เกษตรกรรม 2.5 3.1 2.9 4 ไม่ทราบ 1.7 1.8 1.7 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0 ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละที่ระบุระดับความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำของ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบความคิดเห็นของ ประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและประชาชนที่พักอาศัยบริเวณโดยรอบนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง ลำดับที่ ความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหามลพิษ ประชาชนโดยรอบพื้นที่ ประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร/ ภาพรวมค่าร้อยละ ทางน้ำของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นิคมอุตสาหกรรมค่าร้อยละ ปริมณฑลค่าร้อยละ 1 จริงจังมาก-มากที่สุด 32.2 32.2 32.2 2 ปานกลาง 31.2 27.7 28.6 3 น้อย-ไม่จริงจังเลย 36.6 40.1 39.2 รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
คะแนนเฉลี่ยความจริงจังต่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางน้ำ
ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง (คะแนนเต็ม 10 คะแนน) 4.88 คะแนน 4.56 คะแนน 4.65 คะแนน
--เอแบคโพลล์--