เอแบคโพลล์: เสียงสะท้อนของสาธารณชนต่อ การจัดตั้งรัฐบาลและนโยบาย ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี

ข่าวผลสำรวจ Monday July 25, 2011 07:40 —เอแบคโพลล์

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของสาธารณชนต่อ การจัดตั้งรัฐบาลและนโยบาย ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เพชรบุรี สระบุรี นครปฐม ชลบุรี มหาสารคาม ร้อยเอ็ด นครราชสีมา เลย ขอนแก่น อุบลราชธานี สงขลา และนครศรีธรรมราช จำนวนทั้งสิ้น 2,178 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการในช่วง 18 — 23 กรกฎาคม 2554 โดยการสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น สุ่มจังหวัด อำเภอ ตำบล หมู่บ้าน ชุมชน ครัวเรือน และผู้ตอบแบบสอบถาม ที่ช่วงความคลาดเคลื่อนบวกลบร้อยละ 7 ผลการสำรวจพบว่า

5 อันดับแรกของสิ่งที่ “ไม่ชอบ” ต่อกระแสข่าวช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและร่างนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ได้แก่ อันดับแรก ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ระบุเป็นข่าวรัฐบาลจะไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ทันที / มีเงื่อนไขในสิ่งที่จะเป็นนโยบายแต่ไม่บอกชาวบ้านช่วงเลือกตั้ง อันดับที่สองได้แก่ ร้อยละ 72.8 ระบุเป็นข่าวการเอาคนที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี หรือ “ยี้” มาเป็นรัฐมนตรี อันดับที่สาม ได้แก่ ร้อยละ 71.7 ระบุข่าวความวุ่นวายแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี อันดับที่สี่ ได้แก่ ร้อยละ 68.4 ระบุ ข่าวนโยบายต่างประเทศที่จะทำให้ประเทศชาติสูญเสียดินแดน และอันดับที่ห้า ได้แก่ ร้อยละ 63.1 ระบุข่าวนักการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนการเมืองใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ทำตามระเบียบกฎเกณฑ์

อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจยังพบ 5 อันดับแรกของสิ่งที่ “ชอบ” ต่อกระแสข่าว ช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและร่างนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ได้แก่ อันดับแรกหรือร้อยละ 76.9 ระบุชอบท่าทีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต่อปัญหาการเมือง อันดับสอง ได้แก่ ร้อยละ 74.9 ระบุ การร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง อันดับสามได้แก่ ร้อยละ 70.7 ระบุ ชอบท่าทีของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต่อปัญหาการเมือง อันดับสี่ได้แก่ ร้อยละ 64.4 ชอบข่าวตัวแทนต่างชาติเข้าสนับสนุน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอันดับห้า ได้แก่ ร้อยละ 60.8 ชอบข่าวการปรับตัว ปรับปรุงการทำงานการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงพฤติกรรม “ยอดแย่” หรือ “ยี้” ของกลุ่มรัฐมนตรี และที่ปรึกษา ผู้ติดตามรัฐมนตรี ที่ไม่ต้องการให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกมาเป็นรัฐมนตรี ได้แก่ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 86.7 ระบุไม่เอาคนที่ คดโกง เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวและพวกพ้อง รองลงมาคือ ร้อยละ 83.1 ระบุไม่เอาคนที่หลอกลวงชาวบ้าน ไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ ร้อยละ 80.5 ก็ไม่เอาคนที่ใช้เส้น ขี้เบ่ง กร่าง เจ้ายศ เจ้าอย่าง และรองๆ ลงไปคือ ร้อยละ 76.2 ไม่เอาคนที่ข่มขู่ คุกคาม แทรกแซง ร้อยละ 74.9 ไม่เอาคนที่ชอบกลั่นแกล้ง ล้างแค้น ทีใครทีมัน พวกใครพวกมัน ร้อยละ 66.3 ไม่เอาคนที่เลือกปฏิบัติมาเป็นรัฐมนตรี และร้อยละ 34.3 ระบุอื่นๆ เช่น เข้าถึงยาก หาตัวไม่เจอ แย่งชิงอำนาจ มีคดีติดตัว และก้าวร้าว เป็นต้น

นอกจากนี้ จากการวิจัยเชิงคุณภาพด้วยการสัมภาษณ์เจาะลึกกลุ่มคนที่เลือกพรรคเพื่อไทย พบว่า ชาวบ้านบางคนฝากถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่า “ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี ขอให้ลงพื้นที่ทันที อย่าอยู่แต่ในทำเนียบ อยากได้ ครม. สัญจรสู่ท้องถิ่นต่างๆ ของประเทศ” และบางคนเสริมว่า “อยากให้เปิดสำนักงานที่ทำงานของนายกรัฐมนตรีตามภูมิภาคต่างๆ ไม่ใช่อยู่แต่ที่กรุงเทพฯ คอยให้ชาวบ้านเดินทางไปหา” และส่วนใหญ่ฝากข้อความไปถึงนางสาวยิ่งลักษณ์ ว่า “ถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ขอให้ดูแลคนยาก อย่ามองข้ามคนจน”

          ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลชุดใหม่โดยพรรคเพื่อไทยและว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศ นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ต้องแสดงออกให้สาธารณชนเห็นประจักษ์และ “วางใจ” ได้ว่า ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีใน ครม.ยิ่งลักษณ์ 1         จะถูกใจใช่เลยกับความคาดหวังของทั้งผู้ที่ “เลือก” และ “ไม่เลือก” รัฐบาล เพราะ การขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลต้องได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายการเมืองและภาคประชาชนทุกหมู่เหล่าเป็นส่วนใหญ่ของประเทศ จึงจะทำให้นโยบายเหล่านั้นสำเร็จบรรลุตามเป้าหมายในเสถียรภาพทางการเมือง เศรษฐกิจและสังคมโดยรวมได้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลไม่สนใจ “เสียงสะท้อน” ของสาธารณชน เช่น เอาคนที่มีภาพลักษณ์ “ยี้” มาเป็นรัฐมนตรี หรือมีนโยบายต่างประเทศที่จะทำให้ประเทศไทยเสียดินแดน ก็อาจทำให้รัฐบาล             ยิ่งลักษณ์1 เริ่มนับถอยหลังตั้งแต่ยังไม่เริ่มเข้าสู่ตำแหน่งอย่างเป็นทางการ เพราะการเมืองภาคประชาชนก็จะเข้ามามีพลังเป็นแรงเสียดทานต่อเสถียรภาพของรัฐบาลในเวลาอันสั้นและรวดเร็ว ดังนั้น นางสาวยิ่งลักษณ์และรัฐบาลชุดใหม่จึงต้องใช้เวลานี้เลือกเฟ้นคนดี มีฝีมือเห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนรวมของประเทศชาติ สุภาพถ่อมตัว เป็นกันเอง เข้าถึงประชาชนทุกหมู่เหล่าเหมือนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง ผลที่ตามมาก็คือ แรงเชียร์และกำลังใจจากสาธารณชนที่จะให้โอกาสอย่างแท้จริงเพื่อช่วยผลักดันขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลให้สำเร็จลุล่วงตามเจตนารมณ์ของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่ตั้งมั่นเอาไว้

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 49.3 เป็นชาย ร้อยละ 50.7 เป็นหญิง ตัวอย่างร้อยละ 7.6 อายุน้อยกว่า 20 ปี ร้อยละ 20.7 อายุระหว่าง 20—29 ปี ร้อยละ 25.5 อายุระหว่าง 30—39 ปี ร้อยละ 25.5 อายุระหว่าง 40—49 ปี และ ร้อยละ 20.7 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 85.5 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 10.6 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 3.9 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ตัวอย่างร้อยละ 38.4 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 34.0 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว ร้อยละ 6.3 ระบุเป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 4.5 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 7.7 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ ร้อยละ 6.5 ระบุเป็นนักเรียนนักศึกษา ในขณะที่ร้อยละ 2.6 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละ 5 อันดับแรกของตัวอย่างที่ระบุ สิ่งที่ “ไม่ชอบ” ต่อกระแสข่าวช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและการร่างนโยบาย
ของรัฐบาลชุดใหม่ ถ้านางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะได้เป็นนายกรัฐมนตรี (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่          สิ่งที่ “ไม่ชอบ” ต่อกระแสข่าวช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและร่างนโยบาย                                   ค่าร้อยละ
1          ข่าวรัฐบาล จะไม่ทำตามที่หาเสียงไว้ทันที / มีเงื่อนไขในสิ่งที่จะเป็นนโยบายแต่ไม่บอกชาวบ้านช่วงเลือกตั้ง           74.3
2          ข่าวการเอาคนที่มีภาพลักษณ์ไม่ดี หรือ “ยี้” มาเป็นรัฐมนตรี                                              72.8
3          ข่าวความวุ่นวายแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี                                                            71.7
4          ข่าวนโยบายต่างประเทศ ที่จะทำให้ประเทศชาติสูญเสียดินแดน                                            68.4
5          ข่าว นักการเมืองและกลุ่มผู้สนับสนุนใช้กฎหมู่เหนือกฎหมาย ไม่ทำตามระเบียบกฎเกณฑ์                           63.1

ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละ 5 อันดับแรกของตัวอย่างที่ระบุ สิ่งที่ “ชอบ” ช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและร่างนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่          สิ่งที่ “ชอบ” ช่วงการจัดตั้งรัฐบาลและร่างนโยบาย                    ค่าร้อยละ
1          ท่าทีของ นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ต่อปัญหาการเมือง                      76.9
2          การร่วมมือกันจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายรุนแรง                    74.9
3          ท่าทีของนายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ ต่อปัญหาการเมือง                        70.7
4          ตัวแทนต่างชาติเข้าสนับสนุน นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร                      64.4
5          ข่าวการปรับตัว ปรับปรุงการทำงานการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์             60.8

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ พฤติกรรม “ยอดแย่” หรือ ยี้ ของกลุ่มรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ผู้ติดตามรัฐมนตรี
โดยต้องการให้ว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรก นางสาวยิ่งลักษณ์  ชินวัตร และรัฐบาลชุดใหม่เลือกสรรคนดี
มาเป็นรัฐมนตรีที่ไม่มี พฤติกรรมยอดแย่ต่อไปนี้
ลำดับที่          พฤติกรรม “ยอดแย่” ของรัฐมนตรีและที่ปรึกษา ผู้ติดตามรัฐมนตรี ที่ชาวบ้านไม่ต้องการ          ค่าร้อยละ
1          คดโกง เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัวและพวกพ้อง                                   86.7
2          หลอกลวงชาวบ้าน ไม่ทำตามที่หาเสียงไว้                                                 83.1
3          ใช้เส้น ขี้เบ่ง กร่าง เจ้ายศ เจ้าอย่าง                                                  80.5
4          ข่มขู่ คุกคาม แทรกแซง                                                              76.2
5          กลั่นแกล้ง ล้างแค้น ทีใครทีมัน พวกใครพวกมัน                                             74.9
6          เลือกปฏิบัติ                                                                       66.3
7          อื่นๆ เช่น เข้าถึงยาก หาตัวไม่เจอ แย่งชิงอำนาจ มีคดีติดตัว ก้าวร้าว เป็นต้น                     34.3

--เอแบคโพลล์--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ