ที่มาของการสำรวจ
ปัญหาวัยรุ่นรวมกลุ่มกันแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะ หรือที่เรียกกันว่า “มอเตอร์ไซค์ซิ่ง” เป็นปัญหาที่ก่อความเดือดร้อน สร้าง
ความรำคาญ ให้กับสังคมเมืองมาเป็นเวลานาน ซึ่งนับเป็นการดีที่กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้
แต่แนวทางที่นำมาแก้ปัญหาในเบื้องต้นคือการจัดหาสนามแข่งให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ หวังว่าจะเป็นการดึงคนกลุ่มนี้เข้า
มาแข่งในสนามให้ถูกที่ถูกทาง แต่แนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวางว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
หรือแก้ปัญหาถูกทางหรือไม่ มากไปกว่านั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหากันแน่
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิงสถิติสาสตร์ จากประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่
ตำรวจจราจร ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้านระเบียบวิธีวิจัยทางสังคม
ศาสตร์
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่มีต่อการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง
2. เพื่อสำรวจปัญหาสังคมที่ประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องการให้มีการแก้ไขจัดการ
3. คาดว่าข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมมากยิ่งขึ้น
ระเบียบวิธีวิจัย
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง “ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหามอเตอร์
ไซค์ซิ่ง : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไป และตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 28 — 29 กันยายน
2548
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 15- 65 ปี ที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จราจร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่
ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงในการเข้าถึงตัวอย่างที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,422 ตัวอย่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จำนวน 199 ตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ ข้อมูลงบประมาณเป็น
ของมหาวิทยาลัย
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง กรณีประชาชนทั่วไป พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.0 เป็นหญิง และร้อยละ 50.0 เป็นชาย
ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 27.1 มีอายุอยู่ในช่วง 15-25 ปี รองลงมาร้อยละ 24.5 มีอายุอยู่ในช่วง 36-45 ปี และร้อยละ 24.0 มีอายุอยู่ในช่วง
26-35 ปี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 52.8 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า รองลงมา คือ ร้อยละ 24.5 สำเร็จการ
ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. และ ร้อยละ 14.0 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 31.0 ประกอบอาชีพ
ธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย/อาชีพอิสระ รองลงมาร้อยละ 30.4 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป และ ร้อยละ 12.5 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตามลำดับ
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 94.4 เป็นชาย และร้อยละ 5.6 เป็นหญิง ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 44.2 มีอายุอยู่
ในช่วง 36-45 ปี รองลงมา คือ ร้อยละ 35.5 มีอายุอยู่ในช่วง 26-35 ปี และร้อยละ 15.2 มีอายุอยู่ในช่วง 46-55 ปี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วน
ใหญ่ร้อยละ 55.5 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รองลงมาร้อยละ 26.7 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. และ ร้อยละ 10.5
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
บทสรุปผลการสำรวจ
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ร่วมกับ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย
อัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลการสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง” ในครั้งนี้ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,621 ตัวอย่าง ซึ่งได้ดำเนินการในระหว่างวันที่ 28-29
กันยายน 2548 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจ ดังนี้
คณะผู้วิจัยได้สอบถามถึงการขับขี่มอเตอร์ไซค์ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 53.2 ระบุขับขี่ และตัวอย่างร้อยละ 46.8 ระบุไม่ได้ขับขี่ ผล
สำรวจการเคยมีประสบการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่ง ตัวอย่างร้อยละ 70.5 ระบุไม่เคย และตัวอย่างร้อยละ 29.5 ระบุเคย เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยว
กับการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 90.2 ระบุสร้างคววามเดือดร้อน ตัวอย่างร้อยละ
5.1 ระบุไม่สร้างความเดือดร้อน และตัวอย่างร้อยละ 4.7 ไม่ระบุความเห็น
จากการสำรวจการทราบข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ90.0 ระบุทราบข่าว และร้อยละ
10.0 ระบุไม่ทราบข่าว เมื่อถามถึงข้อดีของแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง โดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.8 ระบุไม่มีข้อ
ดี และตัวอย่างร้อยละ 49.2 ระบุมีข้อดี เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อดีให้เหตุผลว่า ตัวอย่างร้อยละ 49.9 ระบุไม่รบกวนประชาชน รองลงมาร้อยละ 36.7
ระบุมีสนามเป็นที่เป็นทาง และร้อยละ 21.0 ระบุมีความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ตามลำดับ เมื่อถามถึงข้อเสียของแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์
ซิ่งโดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 59.0 ระบุว่ามีข้อเสีย และตัวอย่างร้อยละ 41.0 ระบุไม่มีข้อเสีย เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อเสียให้เหตุผล
ว่า ตัวอย่างร้อยละ 30.5 ระบุเป็นการส่งเสริมเยาวชนในทางที่ผิด ทำให้เยาวชนหลงผิด รองลงมา คือ ร้อยละ 24.9 ระบุเสียงบประมาณ สิ้น
เปลืองน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ และร้อยละ 22.5 ระบุเป็นอันตราย อาจเกิดอุบัติเหตุ ตามลำดับ และเมื่อสอบถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้เปรียบเทียบข้อดี
กับข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.6 ระบุข้อเสียมากกว่า รองลงมา คือ ร้อยละ
28.2 ระบุมีข้อดีและข้อเสียพอๆ กัน และร้อยละ 22.9 ระบุข้อดีมากกว่า ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นต่อการที่นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ออกมาจัดสนามแข่งรถ จะทำให้
เยาวชนมีพฤติกรรมชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.7 ระบุเพิ่มขึ้น รองลงมาร้อยละ 25.1 ระบุเท่า
เดิม และร้อยละ 20.8 ระบุลดลง ตามลำดับ เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ของตำรวจจราจรในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.2 ระบุตำรวจกระทำการไปตามกฎหมายอย่างเหมาะสม รองลงมา คือ ร้อยละ 35.2 ระบุแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
ไม่คงเส้นคงวา และร้อยละ 24.6 ระบุตำรวจปล่อยปละละเลยเกินไป ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นต่อความสามารถในการช่วยแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะโดยการจัดสนามให้
พบว่า ในภาพรวมตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 63.0 ระบุแก้ไขไม่ได้ รองลงมา คือ ร้อยละ 29.2 ระบุแก้ไขได้ ซึ่งตัวอย่างร้อยละ 7.8 ไม่ระบุความ
เห็น เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามวัย พบว่า กลุ่มวัยรุ่น (อายุไม่เกิน 25 ปี) ตัวอย่างร้อยละ 53.9 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 36.5 ระบุแก้ไขได้ และ
ร้อยละ 9.6 ไม่ระบุความเห็น ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 26 ปีขึ้นไป) ตัวอย่างร้อยละ 65.9 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 26.8 ระบุแก้ไขได้ และร้อยละ
7.3 ไม่ระบุความเห็น แต่เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็นประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร พบว่า ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 59.8 ระบุแก้ไขไม่ได้
ร้อยละ 32.0 ระบุแก้ไขได้ โดยร้อยละ 8.2 ไม่ระบุความเห็น ส่วนตำรวจจราจร ร้อยละ 85.4 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 9.0 ระบุแก้ไขได้ โดย
ร้อยละ 5.6 ไม่ระบุความเห็น
เมื่อสอบถามว่า แนวทางแก้ปัญหารถมอเตอร์ไซค์ซิ่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิด
กฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบว่า ในภาพรวมตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 46.3 ระบุเพิ่มขึ้น รองลงมา คือ ร้อยละ 22.2 ระบุเท่าเดิม และร้อยละ
21.3 ระบุลดลง ตามลำดับ เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามวัย พบว่า กลุ่มวัยรุ่น (อายุไม่เกิน 25 ปี) ตัวอย่างร้อยละ 32.6 ระบุลดลง ร้อยละ
30.7 ระบุเพิ่มขึ้น และร้อยละ 28.4 ระบุเท่าเดิม โดยร้อยละ 8.3 ไม่ระบุความเห็น ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 26 ปีขึ้นไป) ตัวอย่างร้อยละ 51.2
ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.2 ระบุเท่าเดิม และร้อยละ 17.7 ระบุลดลง โดยร้อยละ 10.9 ไม่ระบุความเห็น แต่เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น
ประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร พบว่า ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 42.7 ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.5 ระบุลดลง ร้อยละ 23.3 ระบุเท่าเดิม โดยร้อย
ละ 10.5 ไม่ระบุความเห็น ส่วนตำรวจจราจร ร้อยละ 72.1 ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.2 ระบุลดลง ร้อยละ 6.6 ระบุเท่าเดิม โดยร้อยละ 8.1 ไม่
ระบุความเห็น
จากการสำรวจสิ่งที่รัฐบาลควรกระทำเพื่อแก้ไขปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 55.2 ระบุใช้กฎหมาย
บังคับให้เด็ดขาด เพิ่มความเข้มงวด จับกุม ตรวจตรา รองลงมา คือ ร้อยละ 22.7 ระบุจัดสถานที่แข่งขันให้เป็นที่เป็นทาง เปิดให้ลงทะเบียน โดย
เช็คประวัติให้ละเอียด และดำเนินการเป็นกิจจะลักษณะอย่างถูกต้อง และร้อยละ 7.4 ระบุจับร้านดัดแปลงรถ เข้มงวดกับร้านแต่งรถ ตามลำดับ และ
เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อปัญหาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 18.3 ระบุเน้นการศึกษา พัฒนา
เยาวชน โดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรม รองลงมาร้อยละ 17.2 ระบุปัญหายาเสพติด ร้อยละ 16.5 ระบุปัญหาวัยรุ่น เยาวชน อาทิ การมั่วสุม
ทางเพศ การยกพวกตีกัน โดยมีสัดส่วนเท่ากันกับตัวอย่างที่ระบุให้ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการแข่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งให้เข้มงวด/ไม่ให้มีการแข่งขัน
มอเตอร์ไซค์ซิ่ง และร้อยละ 13.9 ระบุพัฒนาสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่/พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
ลำดับที่ การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ
1 ขับขี่ 53.2
2 ไม่ได้ขับขี่ 46.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการเคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การเคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 เคย 29.5
2 ไม่เคย 70.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อการสร้างความเดือดร้อนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การสร้างความเดือดร้อนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 สร้างความเดือดร้อน 90.2
2 ไม่สร้างความเดือดร้อน 5.1
3 ไม่มีความเห็น 4.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการทราบข่าวการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การทราบข่าวการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 ทราบข่าว 90.0
2 ไม่ทราบข่าว 10.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการมีหรือไม่มีข้อดีในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ การมีหรือไม่มีข้อดีในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ไม่มีข้อดี 50.8
2 มีข้อดี 49.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุข้อดีของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อดี และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ข้อดีของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ไม่รบกวนประชาชน 49.9
2 มีสนามเป็นที่เป็นทาง 36.7
3 ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ 21.0
4 ลดปัญหาบนท้องถนน 16.1
5 อื่นๆ อาทิ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไม่มั่วสุมอย่างอื่น เป็นกีฬา สร้างนักแข่งอาชีพ อยู่ภายใต้กฎหมาย 7.4
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการมีหรือไม่มีข้อเสียในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ การมีหรือไม่มีข้อเสียในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 มีข้อเสีย 59.0
2 ไม่มีข้อเสีย 41.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อเสีย และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ส่งเสริมเยาวชนในทางที่ผิด ทำให้เยาวชนหลงผิด 30.5
2 เสียงบประมาณ สิ้นเปลืองน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ 24.9
3 เป็นอันตราย อาจเกิดอุบัติเหตุ 22.5
4 เสียงดัง รบกวนผู้อื่น 14.8
5 เป็นแหล่งมั่วสุม 8.2
6 เสียงาน เสียเวลา เสียการเรียน 7.7
7 วัยรุ่นไม่ไปใช้ในสนามที่จัดให้ 6.4
8 อื่นๆ อาทิ สังคมไม่ยอมรับ ปิดถนน แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ส่งเสริมการพนัน พ่อแม่เดือดร้อน 18.5
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นเปรียบเทียบข้อดีกับข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ เปรียบเทียบข้อดีกับข้อเสียของการแก้ปัญหาโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ข้อเสียมากกว่า 43.6
2 มีข้อดีและข้อเสียพอๆ กัน 28.2
3 ข้อดีมากกว่า 22.9
4 ไม่มีความเห็น 5.3
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นกรณีจัดสนามแข่งรถให้แล้วเยาวชนจะมีพฤติกรรม
ชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อพฤติกรรมชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะของเยาวชน หากจัดสนามแข่งให้แล้ว ร้อยละ
1 เพิ่มขึ้น 45.7
2 เท่าเดิม 25.1
3 ลดลง 20.8
4 ไม่มีความเห็น 8.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งของตำรวจจราจร
ในปัจจุบัน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ความเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งของตำรวจจราจรในปัจจุบัน ร้อยละ
1 ตำรวจกระทำการไปตามกฎหมายอย่างเหมาะสม 70.2
2 แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไม่คงเส้นคงวา 35.2
3 ตำรวจปล่อยปละละเลยเกินไป 24.6
4 ตำรวจเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่จับกุมกลุ่มรถซิ่ง 18.0
5 ตำรวจต้องยอมทำตามแนวทางของนักการเมือง 14.8
6 ตำรวจกระทำการรุนแรงเกิดเหตุ 14.3
7 อื่นๆ อาทิ มีปัญหาด้านกฎหมาย 3.3
8 ไม่มีความเห็น 4.2
ตารางที่ 12 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อความสามารถในการแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่ม
แข่งรถบนถนนสาธารณะ โดยการจัดสนามแข่งรถให้ จำแนกวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
ลำดับที่ ความคิดเห็น วัยรุ่น (ไม่เกิน 25 ปี) วัยผู้ใหญ่(26 ปีขึ้นไป) ภาพรวม
1 แก้ไขไม่ได้ 53.9 65.9 63.0
2 แก้ไขได้ 36.5 26.8 29.2
3 ไม่มีความเห็น 9.6 7.3 7.8
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 13 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อความสามารถในการแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่ม
แข่งรถบนถนนสาธารณะ โดยการจัดสนามแข่งรถให้ จำแนกประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร
ลำดับที่ ความคิดเห็น ประชาชนทั่วไป ตำรวจจราจร ภาพรวม
1 แก้ไขไม่ได้ 59.8 85.4 63.0
2 แก้ไขได้ 32.0 9.0 29.2
3 ไม่มีความเห็น 8.2 5.6 7.8
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 14 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อแนวทางแก้ปัญหาของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลงจำแนกวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
ลำดับที่ ความคิดเห็น วัยรุ่น (ไม่เกิน 25 ปี) วัยผู้ใหญ่(26 ปีขึ้นไป) ภาพรวม
1 เพิ่มขึ้น 30.7 51.2 46.3
2 เท่าเดิม 28.4 20.2 22.2
3 ลดลง 32.6 17.7 21.3
4 ไม่มีความเห็น 8.3 10.9 10.2
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 15 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อแนวทางแก้ปัญหาของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลง จำแนกประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร
ลำดับที่ ความคิดเห็น ประชาชนทั่วไป ตำรวจจราจร ภาพรวม
1 เพิ่มขึ้น 42.7 72.1 46.3
2 เท่าเดิม 23.3 6.6 22.2
3 ลดลง 23.5 13.2 21.3
4 ไม่มีความเห็น 10.5 8.1 10.2
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 16 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่รัฐบาลควรกระทำในการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำในการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 ใช้กฎหมายบังคับให้เด็ดขาด เพิ่มความเข้มงวด จับกุม ตรวจตรา 55.2
2 จัดสถานที่แข่งขันให้เป็นที่เป็นทาง เปิดให้ลงทะเบียน โดยเช็คประวัติให้ละเอียด
และดำเนินการเป็นกิจลักษณะอย่างถูกต้อง 22.7
3 จับร้านดัดแปลงรถ เข้มงวดกับร้านแต่งรถ 7.4
4 เพิ่มโทษปรับผู้ทำผิดกฎหมายจราจร 7.2
5 ไม่ให้มีการจัดสนามแข่งโดยเฉพาะ 7.0
6 อื่นๆ อาทิ เน้นกิจกรรมด้านอื่น จำกัดอายุคนขับ จัดให้แข่งเป็นเวลา 16.1
ตารางที่ 17 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุปัญหาสังคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ปัญหาสังคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ ร้อยละ
1 เน้นการศึกษา พัฒนาเยาวชน โดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรม 18.3
2 ปัญหายาเสพติด 17.2
3 ปัญหาวัยรุ่น เยาวชน อาทิ การมั่วสุมทางเพศ การยกพวกตีกัน 16.5
4 ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการแข่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งให้เข้มงวด/ไม่ให้มีการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ซิ่ง 16.5
5 พัฒนาสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่/พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน 13.9
6 ปัญหาครอบครัว/การเลี้ยงดู อบรมบุตรหลาน 11.8
7 ปัญหาเด็กเร่รอน เด็กจรจัด ผู้ด้อยโอกาส คนชรา 7.2
8 ปัญหาว่างงาน/จัดหางานให้เยาวชนทำ 6.5
9 อื่นๆ อาทิ ค่านิยมไทย โสเภณี ปัญหาสตรี ความยากจน อาชญากรรม มลพิษ พัฒนากีฬา 31.4
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-
ปัญหาวัยรุ่นรวมกลุ่มกันแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะ หรือที่เรียกกันว่า “มอเตอร์ไซค์ซิ่ง” เป็นปัญหาที่ก่อความเดือดร้อน สร้าง
ความรำคาญ ให้กับสังคมเมืองมาเป็นเวลานาน ซึ่งนับเป็นการดีที่กระทรวง การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้ความสำคัญกับปัญหานี้
แต่แนวทางที่นำมาแก้ปัญหาในเบื้องต้นคือการจัดหาสนามแข่งให้กลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง โดยกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ หวังว่าจะเป็นการดึงคนกลุ่มนี้เข้า
มาแข่งในสนามให้ถูกที่ถูกทาง แต่แนวทางการแก้ปัญหาดังกล่าวได้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวางว่ามีความเหมาะสมหรือไม่
หรือแก้ปัญหาถูกทางหรือไม่ มากไปกว่านั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันว่าจะเป็นการแก้ปัญหาหรือเพิ่มปัญหากันแน่
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิงสถิติสาสตร์ จากประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่
ตำรวจจราจร ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้านระเบียบวิธีวิจัยทางสังคม
ศาสตร์
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรที่มีต่อการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง
2. เพื่อสำรวจปัญหาสังคมที่ประชาชนทั่วไปและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องการให้มีการแก้ไขจัดการ
3. คาดว่าข้อมูลที่ได้จากการสำรวจจะเป็นประโยชน์ต่อการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง ให้สอดคล้องกับความต้องการของสังคมมากยิ่งขึ้น
ระเบียบวิธีวิจัย
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง “ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหามอเตอร์
ไซค์ซิ่ง : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไป และตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ซึ่งดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 28 — 29 กันยายน
2548
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุ 15- 65 ปี ที่พักอาศัยในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จราจร ที่ปฏิบัติหน้าที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่
ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจงในการเข้าถึงตัวอย่างที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ ประชาชนทั่วไป จำนวน 1,422 ตัวอย่าง เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร จำนวน 199 ตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ ข้อมูลงบประมาณเป็น
ของมหาวิทยาลัย
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง กรณีประชาชนทั่วไป พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.0 เป็นหญิง และร้อยละ 50.0 เป็นชาย
ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 27.1 มีอายุอยู่ในช่วง 15-25 ปี รองลงมาร้อยละ 24.5 มีอายุอยู่ในช่วง 36-45 ปี และร้อยละ 24.0 มีอายุอยู่ในช่วง
26-35 ปี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 52.8 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า รองลงมา คือ ร้อยละ 24.5 สำเร็จการ
ศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. และ ร้อยละ 14.0 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 31.0 ประกอบอาชีพ
ธุรกิจส่วนตัว/ค้าขาย/อาชีพอิสระ รองลงมาร้อยละ 30.4 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป และ ร้อยละ 12.5 เป็นนักเรียน/นักศึกษา ตามลำดับ
กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 94.4 เป็นชาย และร้อยละ 5.6 เป็นหญิง ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 44.2 มีอายุอยู่
ในช่วง 36-45 ปี รองลงมา คือ ร้อยละ 35.5 มีอายุอยู่ในช่วง 26-35 ปี และร้อยละ 15.2 มีอายุอยู่ในช่วง 46-55 ปี ตามลำดับ ตัวอย่างส่วน
ใหญ่ร้อยละ 55.5 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รองลงมาร้อยละ 26.7 สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย/ปวช. และ ร้อยละ 10.5
สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นหรือต่ำกว่า ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
บทสรุปผลการสำรวจ
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ ร่วมกับ ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัย
อัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลการสำรวจภาคสนาม เรื่อง “ความคิดเห็นเกี่ยวกับการแก้ปัญหามอเตอร์ไซค์ซิ่ง” ในครั้งนี้ ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของ
ประชาชนทั่วไป และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรในเขตกรุงเทพและปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 1,621 ตัวอย่าง ซึ่งได้ดำเนินการในระหว่างวันที่ 28-29
กันยายน 2548 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจ ดังนี้
คณะผู้วิจัยได้สอบถามถึงการขับขี่มอเตอร์ไซค์ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 53.2 ระบุขับขี่ และตัวอย่างร้อยละ 46.8 ระบุไม่ได้ขับขี่ ผล
สำรวจการเคยมีประสบการณ์ขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่ง ตัวอย่างร้อยละ 70.5 ระบุไม่เคย และตัวอย่างร้อยละ 29.5 ระบุเคย เมื่อสอบถามความคิดเห็นเกี่ยว
กับการสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 90.2 ระบุสร้างคววามเดือดร้อน ตัวอย่างร้อยละ
5.1 ระบุไม่สร้างความเดือดร้อน และตัวอย่างร้อยละ 4.7 ไม่ระบุความเห็น
จากการสำรวจการทราบข่าวเกี่ยวกับแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างร้อยละ90.0 ระบุทราบข่าว และร้อยละ
10.0 ระบุไม่ทราบข่าว เมื่อถามถึงข้อดีของแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง โดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 50.8 ระบุไม่มีข้อ
ดี และตัวอย่างร้อยละ 49.2 ระบุมีข้อดี เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อดีให้เหตุผลว่า ตัวอย่างร้อยละ 49.9 ระบุไม่รบกวนประชาชน รองลงมาร้อยละ 36.7
ระบุมีสนามเป็นที่เป็นทาง และร้อยละ 21.0 ระบุมีความปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ ตามลำดับ เมื่อถามถึงข้อเสียของแนวทางแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์
ซิ่งโดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 59.0 ระบุว่ามีข้อเสีย และตัวอย่างร้อยละ 41.0 ระบุไม่มีข้อเสีย เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อเสียให้เหตุผล
ว่า ตัวอย่างร้อยละ 30.5 ระบุเป็นการส่งเสริมเยาวชนในทางที่ผิด ทำให้เยาวชนหลงผิด รองลงมา คือ ร้อยละ 24.9 ระบุเสียงบประมาณ สิ้น
เปลืองน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ และร้อยละ 22.5 ระบุเป็นอันตราย อาจเกิดอุบัติเหตุ ตามลำดับ และเมื่อสอบถามย้ำอีกครั้งเพื่อให้เปรียบเทียบข้อดี
กับข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.6 ระบุข้อเสียมากกว่า รองลงมา คือ ร้อยละ
28.2 ระบุมีข้อดีและข้อเสียพอๆ กัน และร้อยละ 22.9 ระบุข้อดีมากกว่า ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นต่อการที่นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ออกมาจัดสนามแข่งรถ จะทำให้
เยาวชนมีพฤติกรรมชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.7 ระบุเพิ่มขึ้น รองลงมาร้อยละ 25.1 ระบุเท่า
เดิม และร้อยละ 20.8 ระบุลดลง ตามลำดับ เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ของตำรวจจราจรในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง
ส่วนใหญ่ ร้อยละ 70.2 ระบุตำรวจกระทำการไปตามกฎหมายอย่างเหมาะสม รองลงมา คือ ร้อยละ 35.2 ระบุแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ
ไม่คงเส้นคงวา และร้อยละ 24.6 ระบุตำรวจปล่อยปละละเลยเกินไป ตามลำดับ
จากการสำรวจความคิดเห็นต่อความสามารถในการช่วยแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนสาธารณะโดยการจัดสนามให้
พบว่า ในภาพรวมตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 63.0 ระบุแก้ไขไม่ได้ รองลงมา คือ ร้อยละ 29.2 ระบุแก้ไขได้ ซึ่งตัวอย่างร้อยละ 7.8 ไม่ระบุความ
เห็น เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามวัย พบว่า กลุ่มวัยรุ่น (อายุไม่เกิน 25 ปี) ตัวอย่างร้อยละ 53.9 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 36.5 ระบุแก้ไขได้ และ
ร้อยละ 9.6 ไม่ระบุความเห็น ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 26 ปีขึ้นไป) ตัวอย่างร้อยละ 65.9 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 26.8 ระบุแก้ไขได้ และร้อยละ
7.3 ไม่ระบุความเห็น แต่เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็นประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร พบว่า ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 59.8 ระบุแก้ไขไม่ได้
ร้อยละ 32.0 ระบุแก้ไขได้ โดยร้อยละ 8.2 ไม่ระบุความเห็น ส่วนตำรวจจราจร ร้อยละ 85.4 ระบุแก้ไขไม่ได้ ร้อยละ 9.0 ระบุแก้ไขได้ โดย
ร้อยละ 5.6 ไม่ระบุความเห็น
เมื่อสอบถามว่า แนวทางแก้ปัญหารถมอเตอร์ไซค์ซิ่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิด
กฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลง พบว่า ในภาพรวมตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 46.3 ระบุเพิ่มขึ้น รองลงมา คือ ร้อยละ 22.2 ระบุเท่าเดิม และร้อยละ
21.3 ระบุลดลง ตามลำดับ เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างตามวัย พบว่า กลุ่มวัยรุ่น (อายุไม่เกิน 25 ปี) ตัวอย่างร้อยละ 32.6 ระบุลดลง ร้อยละ
30.7 ระบุเพิ่มขึ้น และร้อยละ 28.4 ระบุเท่าเดิม โดยร้อยละ 8.3 ไม่ระบุความเห็น ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่ (อายุ 26 ปีขึ้นไป) ตัวอย่างร้อยละ 51.2
ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 20.2 ระบุเท่าเดิม และร้อยละ 17.7 ระบุลดลง โดยร้อยละ 10.9 ไม่ระบุความเห็น แต่เมื่อจำแนกกลุ่มตัวอย่างออกเป็น
ประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร พบว่า ประชาชนทั่วไป ร้อยละ 42.7 ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 23.5 ระบุลดลง ร้อยละ 23.3 ระบุเท่าเดิม โดยร้อย
ละ 10.5 ไม่ระบุความเห็น ส่วนตำรวจจราจร ร้อยละ 72.1 ระบุเพิ่มขึ้น ร้อยละ 13.2 ระบุลดลง ร้อยละ 6.6 ระบุเท่าเดิม โดยร้อยละ 8.1 ไม่
ระบุความเห็น
จากการสำรวจสิ่งที่รัฐบาลควรกระทำเพื่อแก้ไขปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ ร้อยละ 55.2 ระบุใช้กฎหมาย
บังคับให้เด็ดขาด เพิ่มความเข้มงวด จับกุม ตรวจตรา รองลงมา คือ ร้อยละ 22.7 ระบุจัดสถานที่แข่งขันให้เป็นที่เป็นทาง เปิดให้ลงทะเบียน โดย
เช็คประวัติให้ละเอียด และดำเนินการเป็นกิจจะลักษณะอย่างถูกต้อง และร้อยละ 7.4 ระบุจับร้านดัดแปลงรถ เข้มงวดกับร้านแต่งรถ ตามลำดับ และ
เมื่อสอบถามความคิดเห็นต่อปัญหาที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 18.3 ระบุเน้นการศึกษา พัฒนา
เยาวชน โดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรม รองลงมาร้อยละ 17.2 ระบุปัญหายาเสพติด ร้อยละ 16.5 ระบุปัญหาวัยรุ่น เยาวชน อาทิ การมั่วสุม
ทางเพศ การยกพวกตีกัน โดยมีสัดส่วนเท่ากันกับตัวอย่างที่ระบุให้ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการแข่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งให้เข้มงวด/ไม่ให้มีการแข่งขัน
มอเตอร์ไซค์ซิ่ง และร้อยละ 13.9 ระบุพัฒนาสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่/พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์
ลำดับที่ การขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ ร้อยละ
1 ขับขี่ 53.2
2 ไม่ได้ขับขี่ 46.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการเคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การเคยมีประสบการณ์ขี่รถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 เคย 29.5
2 ไม่เคย 70.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อการสร้างความเดือดร้อนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การสร้างความเดือดร้อนของกลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 สร้างความเดือดร้อน 90.2
2 ไม่สร้างความเดือดร้อน 5.1
3 ไม่มีความเห็น 4.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการทราบข่าวการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
ลำดับที่ การทราบข่าวการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 ทราบข่าว 90.0
2 ไม่ทราบข่าว 10.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการมีหรือไม่มีข้อดีในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ การมีหรือไม่มีข้อดีในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ไม่มีข้อดี 50.8
2 มีข้อดี 49.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุข้อดีของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อดี และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ข้อดีของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ไม่รบกวนประชาชน 49.9
2 มีสนามเป็นที่เป็นทาง 36.7
3 ปลอดภัย ลดอุบัติเหตุ 21.0
4 ลดปัญหาบนท้องถนน 16.1
5 อื่นๆ อาทิ อยู่ในสายตาผู้ใหญ่ ไม่มั่วสุมอย่างอื่น เป็นกีฬา สร้างนักแข่งอาชีพ อยู่ภายใต้กฎหมาย 7.4
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการมีหรือไม่มีข้อเสียในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ การมีหรือไม่มีข้อเสียในการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 มีข้อเสีย 59.0
2 ไม่มีข้อเสีย 41.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ (เฉพาะผู้ที่ตอบว่ามีข้อเสีย และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ส่งเสริมเยาวชนในทางที่ผิด ทำให้เยาวชนหลงผิด 30.5
2 เสียงบประมาณ สิ้นเปลืองน้ำมัน และค่าใช้จ่ายต่างๆ 24.9
3 เป็นอันตราย อาจเกิดอุบัติเหตุ 22.5
4 เสียงดัง รบกวนผู้อื่น 14.8
5 เป็นแหล่งมั่วสุม 8.2
6 เสียงาน เสียเวลา เสียการเรียน 7.7
7 วัยรุ่นไม่ไปใช้ในสนามที่จัดให้ 6.4
8 อื่นๆ อาทิ สังคมไม่ยอมรับ ปิดถนน แก้ปัญหาไม่ถูกจุด ส่งเสริมการพนัน พ่อแม่เดือดร้อน 18.5
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นเปรียบเทียบข้อดีกับข้อเสียของการแก้ปัญหากลุ่มขับรถมอเตอร์ไซค์ซิ่งโดยการจัดสนามให้
ลำดับที่ เปรียบเทียบข้อดีกับข้อเสียของการแก้ปัญหาโดยการจัดสนามให้ ร้อยละ
1 ข้อเสียมากกว่า 43.6
2 มีข้อดีและข้อเสียพอๆ กัน 28.2
3 ข้อดีมากกว่า 22.9
4 ไม่มีความเห็น 5.3
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นกรณีจัดสนามแข่งรถให้แล้วเยาวชนจะมีพฤติกรรม
ชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะเพิ่มขึ้นหรือลดลง
ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อพฤติกรรมชอบแข่งรถบนถนนสาธารณะของเยาวชน หากจัดสนามแข่งให้แล้ว ร้อยละ
1 เพิ่มขึ้น 45.7
2 เท่าเดิม 25.1
3 ลดลง 20.8
4 ไม่มีความเห็น 8.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งของตำรวจจราจร
ในปัจจุบัน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ความเห็นต่อการจับกุมกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่งของตำรวจจราจรในปัจจุบัน ร้อยละ
1 ตำรวจกระทำการไปตามกฎหมายอย่างเหมาะสม 70.2
2 แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจไม่คงเส้นคงวา 35.2
3 ตำรวจปล่อยปละละเลยเกินไป 24.6
4 ตำรวจเสียขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่จับกุมกลุ่มรถซิ่ง 18.0
5 ตำรวจต้องยอมทำตามแนวทางของนักการเมือง 14.8
6 ตำรวจกระทำการรุนแรงเกิดเหตุ 14.3
7 อื่นๆ อาทิ มีปัญหาด้านกฎหมาย 3.3
8 ไม่มีความเห็น 4.2
ตารางที่ 12 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อความสามารถในการแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่ม
แข่งรถบนถนนสาธารณะ โดยการจัดสนามแข่งรถให้ จำแนกวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
ลำดับที่ ความคิดเห็น วัยรุ่น (ไม่เกิน 25 ปี) วัยผู้ใหญ่(26 ปีขึ้นไป) ภาพรวม
1 แก้ไขไม่ได้ 53.9 65.9 63.0
2 แก้ไขได้ 36.5 26.8 29.2
3 ไม่มีความเห็น 9.6 7.3 7.8
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 13 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อความสามารถในการแก้ปัญหาเยาวชนรวมกลุ่ม
แข่งรถบนถนนสาธารณะ โดยการจัดสนามแข่งรถให้ จำแนกประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร
ลำดับที่ ความคิดเห็น ประชาชนทั่วไป ตำรวจจราจร ภาพรวม
1 แก้ไขไม่ได้ 59.8 85.4 63.0
2 แก้ไขได้ 32.0 9.0 29.2
3 ไม่มีความเห็น 8.2 5.6 7.8
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 14 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อแนวทางแก้ปัญหาของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลงจำแนกวัยรุ่นกับวัยผู้ใหญ่
ลำดับที่ ความคิดเห็น วัยรุ่น (ไม่เกิน 25 ปี) วัยผู้ใหญ่(26 ปีขึ้นไป) ภาพรวม
1 เพิ่มขึ้น 30.7 51.2 46.3
2 เท่าเดิม 28.4 20.2 22.2
3 ลดลง 32.6 17.7 21.3
4 ไม่มีความเห็น 8.3 10.9 10.2
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 15 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อแนวทางแก้ปัญหาของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ
เสี่ยงต่อการทำให้เยาวชนกระทำผิดกฎหมายเพิ่มขึ้นหรือลดลง จำแนกประชาชนทั่วไปกับตำรวจจราจร
ลำดับที่ ความคิดเห็น ประชาชนทั่วไป ตำรวจจราจร ภาพรวม
1 เพิ่มขึ้น 42.7 72.1 46.3
2 เท่าเดิม 23.3 6.6 22.2
3 ลดลง 23.5 13.2 21.3
4 ไม่มีความเห็น 10.5 8.1 10.2
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0 100.0
ตารางที่ 16 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่รัฐบาลควรกระทำในการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่รัฐบาลควรกระทำในการแก้ปัญหากลุ่มมอเตอร์ไซค์ซิ่ง ร้อยละ
1 ใช้กฎหมายบังคับให้เด็ดขาด เพิ่มความเข้มงวด จับกุม ตรวจตรา 55.2
2 จัดสถานที่แข่งขันให้เป็นที่เป็นทาง เปิดให้ลงทะเบียน โดยเช็คประวัติให้ละเอียด
และดำเนินการเป็นกิจลักษณะอย่างถูกต้อง 22.7
3 จับร้านดัดแปลงรถ เข้มงวดกับร้านแต่งรถ 7.4
4 เพิ่มโทษปรับผู้ทำผิดกฎหมายจราจร 7.2
5 ไม่ให้มีการจัดสนามแข่งโดยเฉพาะ 7.0
6 อื่นๆ อาทิ เน้นกิจกรรมด้านอื่น จำกัดอายุคนขับ จัดให้แข่งเป็นเวลา 16.1
ตารางที่ 17 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุปัญหาสังคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ปัญหาสังคม ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ควรแก้ไขจัดการ ร้อยละ
1 เน้นการศึกษา พัฒนาเยาวชน โดยเฉพาะด้านคุณธรรม จริยธรรม 18.3
2 ปัญหายาเสพติด 17.2
3 ปัญหาวัยรุ่น เยาวชน อาทิ การมั่วสุมทางเพศ การยกพวกตีกัน 16.5
4 ออกกฎหมายใหม่เกี่ยวกับการแข่งมอเตอร์ไซค์ซิ่งให้เข้มงวด/ไม่ให้มีการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ซิ่ง 16.5
5 พัฒนาสังคม ทำให้สังคมน่าอยู่/พัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชน 13.9
6 ปัญหาครอบครัว/การเลี้ยงดู อบรมบุตรหลาน 11.8
7 ปัญหาเด็กเร่รอน เด็กจรจัด ผู้ด้อยโอกาส คนชรา 7.2
8 ปัญหาว่างงาน/จัดหางานให้เยาวชนทำ 6.5
9 อื่นๆ อาทิ ค่านิยมไทย โสเภณี ปัญหาสตรี ความยากจน อาชญากรรม มลพิษ พัฒนากีฬา 31.4
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-