ที่มาของโครงการ
วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมคือวันสำคัญที่สังคมไทยได้ยกให้เป็นวันที่ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับเด็กๆ ซึ่งที่ผ่านมาเกือบทุกปีภาพที่ปรากฎต่อสาธารณชนคือการที่ผู้ใหญ่ได้พาเด็กๆ ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความบันเทิงและความสนุกสนานแก่เด็กๆ
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวันเด็กเช่นกัน และคาดหวังว่าสังคมไทยจะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ และเยาวชนทุกวันและทุกโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติของเด็กๆ ที่อาจมีผลต่อพฤติกรรมที่เด็กๆ แสดงออกมาให้พบเห็นซึ่งผู้ใหญ่ควรจะคำนึงถึงลักษณะต่างๆ เหล่านี้ของเด็กๆ และช่วยกันชี้นำสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ ถูกต้องตามหลักศีลธรรมและระเบียบของสังคมเพื่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญค้ำจุนความอยู่รอดของสังคม
อย่างไรก็ตาม หลายๆ ครั้งผู้ใหญ่มักจะอบรมสั่งสอนเด็กๆ ในลักษณะทางเดียว คือกระทำเหมือนกับว่าเด็กๆ เป็นเพียงแต่ผู้รับคำแนะนำสั่งสอนจากผู้ใหญ่เท่านั้น สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ และเยาวชนต่อแง่มุมต่างๆ ของผู้ใหญ่ในวันนี้เพื่อสะท้อนข้อมูลเชิงสถิติศาสตร์และสังคมไปยังผู้ใหญ่ได้นำไปประกอบการพิจารณาใคร่ครวญถึงความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ ต่อไป
วัตถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อสำรวจความต้องการของเด็กๆ ต่อสิ่งต่างๆ ที่อยากได้ในวันเด็กปีนี้
2. เพื่อสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ ต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในวันนี้
3. เพื่อสำรวจอาชีพที่เด็กๆ อยากจะเป็นในอนาคต
4. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในหัวข้อเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง “เด็กๆ คิดอย่างไรต่อผู้ใหญ่ในวันนี้: กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 2 - 6 มกราคม 2548
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กๆ และเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปีในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ในการเข้าถึงตัวอย่าง
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ คือ 1,144 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณเป็นของมหาวิทยาลัย
ผลสำรวจที่ค้นพบ
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่างร้อยละ 55.9 ระบุเป็นหญิง
ในขณะที่ ร้อยละ 44.1 ระบุเป็นชาย
ที่มีอายุระหว่าง 11 — 17 ปี
ซึ่งร้อยละ 53.9 พักอาศัยอยู่กับทั้งบิดา-มารดา
ร้อยละ 21.3 พักอาศัยกับบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่ง
ร้อยละ 24.8 ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับบิดาหรือมารดา
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ทราบหรือไม่ว่าวันเด็กตรงกับวันที่เท่าไหร่ของปีนี้
ลำดับที่ การรับรู้วันเด็กของตัวอย่าง ร้อยละ
1 ทราบและระบุวันถูกต้องคือวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 53.7
2 บอกว่าทราบแต่ระบุวันไม่ถูกต้อง 24.8
3 บอกว่าไม่ทราบ 21.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ วันเด็กปีนี้ถ้าขอได้อยากได้อะไรบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้ ร้อยละ
1 อยากได้ของเล่น /เกมส์คอมพิวเตอร์ /ตุ๊กตา /ของขวัญ 57.2
2 เงิน 52.9
3 อยากไปเที่ยวสวนสนุก/ สวนสัตว์ 51.8
4 อยากไปเที่ยวดูการแสดงโชว์ต่างๆ ของรายการโทรทัศน์ 47.6
5 ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว 43.7
6 คุณครูใจดี 30.4
7 พ่อกับแม่เลิกทะเลาะกัน/ คืนดีกัน /อยู่ด้วยกัน 22.8
8 สัตว์เลี้ยง เช่น /สุนัข/ แมว /ปลา 16.2
9 อยากให้พ่อ/แม่ เลิกเหล้า-บุหรี่ 14.9
10 อื่นๆ อาทิ อยากให้พ่อหรือแม่ไปรับส่งที่โรงเรียน/
โทรศัพท์มือถือ / คอมพิวเตอร์ / อยากอยู่โรงเรียน
เพราะไม่อยากอยู่บ้าน เป็นต้น 11.3
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในทุกวันนี้
ลำดับที่ ความคิดเห็นของเด็กกลุ่มตัวอย่างต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ร้อยละ
1 ใจร้อน เร่งรีบ 50.5
2 เอาแต่ใจตัวเอง 44.9
3 ชอบใช้ความรุนแรง ดุดัน ชอบด่าว่า 41.1
4 ขยันทำงาน 40.3
5 พูดมาก 38.7
6 ใจดี อ่อนโยน 36.4
7 เป็นคนเก่ง มีความสามารถ 34.2
8 ชอบโอ้อวด อวดมั่งอวดมี 30.7
9 ใจเย็น 21.8
10 ชอบดูหนังโป๊ 12.9
11 อื่นๆ อาทิ ช่วยเหลือสังคม /ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า /
อารมณ์ขัน ตลก เป็นต้น 17.3
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ อาชีพในอนาคตที่อยากเป็นมากที่สุด (ตอบเพียงข้อเดียว)
ลำดับที่ อาชีพที่อยากเป็นในอนาคตของเด็กๆ ร้อยละ
1 นักบิน แอร์โฮสเตส 13.8
2 แพทย์ พยาบาล 10.2
3 ครูอาจารย์ 8.9
4 ดารา นักร้อง นักแสดง 6.7
5 นักข่าว พิธีกร 6.0
6 ทหาร ตำรวจ 5.4
7 นายกรัฐมนตรี 4.8
8 นักธุรกิจ 4.2
9 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 3.6
10 อื่นๆ อาทิ นักการทูต นักบินอวกาศ
และนักการเมือง เป็นต้น 2.1
11 ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรในอนาคต 34.3
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวม
ลำดับที่ ความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวม ร้อยละ
1 พอใจ 56.3
2 ไม่พอใจ เพราะ โดนดุว่า โดนขัดใจ ไม่ได้สิ่งที่อยากได้
โดนตี พ่อแม่ทะเลาะกัน คุณครูดุ จราจรติดขัด เป็นต้น 34.5
3 ไม่มีความเห็น 9.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
บทสรุปผลสำรวจ
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยว่า ผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “เด็กๆ คิดอย่างไรต่อผู้ใหญ่ในวันนี้: กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปี ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ในครั้งนี้ ได้ทำสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเด็กๆ โดยมีขนาดตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,144 ตัวอย่าง โดยได้ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 2 — 6 มกราคม 2548 พบประเด็นสำคัญดังนี้
เด็กๆ เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.7 บอกว่าทราบและระบุ “วันเด็ก” ในปีนี้ได้ถูกต้องว่าตรงกับ วันเสาร์ที่ 8 มกราคม ในขณะที่ร้อยละ 24.8 บอกว่าทราบแต่ระบุวันไม่ถูกต้อง และร้อยละ 21.5 บอกว่า ไม่ทราบ
สำหรับสิ่งที่เด็กๆ ในปีนี้อยากได้ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุว่าอยากได้ของเล่น เกมส์คอมพิวเตอร์ ตุ๊กตา และของขวัญ รองลงมาคือร้อยละ 52.9 ระบุว่าอยากได้เงิน ร้อยละ 51.8 ระบุว่าอยากไปเที่ยวสวนสนุก สวนสัตว์ ร้อยละ 47.6 ระบุว่าอยากไปเที่ยวดูการแสดงโชว์ต่างๆ ของรายการโทรทัศน์ ร้อยละ 43.7 ระบุว่าอยากได้ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว ร้อยละ 30.4 ระบุว่าอยากได้คุณครูที่ใจดี ร้อยละ 22.8 ระบุว่าอยากให้พ่อแม่เลิกทะเลาะกัน คืนดีกัน อยู่ด้วยกัน ร้อยละ 16.2 ระบุอยากได้สัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว ปลา เป็นต้น ร้อยละ 14.9 ระบุอยากให้พ่อแม่เลิกเหล้า-บุหรี่ และร้อยละ 11.3 ระบุอื่นๆ อาทิ อยากให้พ่อหรือแม่ไปรับส่งที่โรงเรียน / อยากได้โทรศัพท์มือถือ / อยากได้คอมพิวเตอร์ / อยากอยู่ โรงเรียนเพราะไม่อยากอยู่บ้าน เป็นต้น
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ประเด็นสำรวจเกี่ยวกับความคิดเห็นของเด็กๆ ต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 ระบุผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ใจร้อน เร่งรีบ รองลงมาคือร้อยละ 44.9 ระบุว่าผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ร้อยละ 41.1 ระบุชอบใช้ความรุนแรง ดุดัน ชอบด่าว่า ร้อยละ 40.3 ระบุขยันทำงาน ร้อยละ 38.7 ระบุพูดมาก ร้อยละ 36.4 ระบุใจดี อ่อนโยน ร้อยละ 34.2 ระบุเป็นคนเก่ง มีความสามารถ ร้อยละ 30.7 ระบุชอบโอ้อวด อวดมั่งอวดมี ร้อยละ 21.8 ระบุผู้ใหญ่ทุกวันนี้ใจเย็น ร้อยละ 12.9 ระบุผู้ใหญ่ทุกวันนี้ชอบดูหนังโป๊ และร้อยละ 17.3 ระบุอื่นๆ อาทิ ช่วยเหลือสังคม ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า อารมณ์ขัน ตลก เป็นต้น
สำหรับอาชีพในอนาคตที่เด็กๆ อยากเป็นมากที่สุด เมื่อตอบได้เพียงข้อเดียว ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ เกินกว่า 1 ใน 3 ยังไม่รู้ว่าอยากจะเป็นอะไรดีในอนาคต ในขณะที่อาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพรั้งท้ายสุดที่เด็กๆ อยากเป็น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่เด็กๆ อยากเป็นในอันดับที่ 7
ส่วนรายละเอียดของผลสำรวจที่ค้นพบในประเด็นนี้คือ อันดับที่หนึ่ง เด็กๆ ร้อยละ 13.8 อยากเป็น นักบิน แอร์โฮสเตส รองลงมาอันดับที่สอง คือร้อยละ 10.2 ระบุอยากเป็นแพทย์ พยาบาล อันดับที่สาม ร้อยละ 8.9 ระบุอยากเป็นครูอาจารย์ อันดับที่สี่ ร้อยละ 6.7 อยากเป็นดารา นักร้องนักแสดง อันดับที่ห้า ร้อยละ 6.0 อยากเป็นนักข่าว พิธีกร อันดับที่หก ร้อยละ 5.4 อยากเป็นทหารตำรวจ อันดับที่เจ็ด ร้อยละ 4.8 อยากเป็นนายกรัฐมนตรี อันดับที่แปด ร้อยละ 4.2 อยากเป็นนักธุรกิจ อันดับที่เก้า ร้อยละ 3.6 อยากเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย อันดับที่สิบ ร้อยละ 2.1 ระบุอื่นๆ อาทิ นักการทูต นักบินอวกาศ และนักการเมือง เป็นต้น
สำหรับประเด็นสำคัญสุดท้ายคือ เมื่อสอบถามถึงความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวมของเด็กๆ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.3 ระบุพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ในขณะที่ร้อยละ 34.5 ระบุยังไม่พอใจเพราะ โดนดุว่า โดนขัดใจ ไม่ได้สิ่งที่อยากได้ โดนตี พ่อแม่ทะเลาะกัน คุณครูดุ และจราจรติดขัด เป็นต้น ส่วนร้อยละ 9.2 ไม่มีความเห็นว่าพอใจหรือไม่พอใจ ตามลำดับ
--เอแบคโพลล์--
-พห-
วันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคมคือวันสำคัญที่สังคมไทยได้ยกให้เป็นวันที่ผู้ใหญ่ควรให้ความสำคัญกับเด็กๆ ซึ่งที่ผ่านมาเกือบทุกปีภาพที่ปรากฎต่อสาธารณชนคือการที่ผู้ใหญ่ได้พาเด็กๆ ไปเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพื่อเป็นการให้ความบันเทิงและความสนุกสนานแก่เด็กๆ
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของวันเด็กเช่นกัน และคาดหวังว่าสังคมไทยจะให้ความสำคัญแก่เด็กๆ และเยาวชนทุกวันและทุกโอกาส โดยเฉพาะอย่างยิ่งความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติของเด็กๆ ที่อาจมีผลต่อพฤติกรรมที่เด็กๆ แสดงออกมาให้พบเห็นซึ่งผู้ใหญ่ควรจะคำนึงถึงลักษณะต่างๆ เหล่านี้ของเด็กๆ และช่วยกันชี้นำสร้างสรรค์สิ่งที่ดีๆ ถูกต้องตามหลักศีลธรรมและระเบียบของสังคมเพื่อความรู้สึกนึกคิด ทัศนคติและพฤติกรรมของเด็กๆ จะเป็นปัจจัยสำคัญค้ำจุนความอยู่รอดของสังคม
อย่างไรก็ตาม หลายๆ ครั้งผู้ใหญ่มักจะอบรมสั่งสอนเด็กๆ ในลักษณะทางเดียว คือกระทำเหมือนกับว่าเด็กๆ เป็นเพียงแต่ผู้รับคำแนะนำสั่งสอนจากผู้ใหญ่เท่านั้น สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ และเยาวชนต่อแง่มุมต่างๆ ของผู้ใหญ่ในวันนี้เพื่อสะท้อนข้อมูลเชิงสถิติศาสตร์และสังคมไปยังผู้ใหญ่ได้นำไปประกอบการพิจารณาใคร่ครวญถึงความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ ต่อไป
วัตถุประสงค์ในการวิจัย
1. เพื่อสำรวจความต้องการของเด็กๆ ต่อสิ่งต่างๆ ที่อยากได้ในวันเด็กปีนี้
2. เพื่อสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ ต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในวันนี้
3. เพื่อสำรวจอาชีพที่เด็กๆ อยากจะเป็นในอนาคต
4. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในหัวข้อเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง “เด็กๆ คิดอย่างไรต่อผู้ใหญ่ในวันนี้: กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปีในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 2 - 6 มกราคม 2548
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กๆ และเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปีในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ในการเข้าถึงตัวอย่าง
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ คือ 1,144 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณเป็นของมหาวิทยาลัย
ผลสำรวจที่ค้นพบ
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่างร้อยละ 55.9 ระบุเป็นหญิง
ในขณะที่ ร้อยละ 44.1 ระบุเป็นชาย
ที่มีอายุระหว่าง 11 — 17 ปี
ซึ่งร้อยละ 53.9 พักอาศัยอยู่กับทั้งบิดา-มารดา
ร้อยละ 21.3 พักอาศัยกับบิดาหรือมารดาคนใดคนหนึ่ง
ร้อยละ 24.8 ไม่ได้พักอาศัยอยู่กับบิดาหรือมารดา
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ทราบหรือไม่ว่าวันเด็กตรงกับวันที่เท่าไหร่ของปีนี้
ลำดับที่ การรับรู้วันเด็กของตัวอย่าง ร้อยละ
1 ทราบและระบุวันถูกต้องคือวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 53.7
2 บอกว่าทราบแต่ระบุวันไม่ถูกต้อง 24.8
3 บอกว่าไม่ทราบ 21.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ วันเด็กปีนี้ถ้าขอได้อยากได้อะไรบ้าง (ตอบได้มากกว่า 1ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้ ร้อยละ
1 อยากได้ของเล่น /เกมส์คอมพิวเตอร์ /ตุ๊กตา /ของขวัญ 57.2
2 เงิน 52.9
3 อยากไปเที่ยวสวนสนุก/ สวนสัตว์ 51.8
4 อยากไปเที่ยวดูการแสดงโชว์ต่างๆ ของรายการโทรทัศน์ 47.6
5 ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว 43.7
6 คุณครูใจดี 30.4
7 พ่อกับแม่เลิกทะเลาะกัน/ คืนดีกัน /อยู่ด้วยกัน 22.8
8 สัตว์เลี้ยง เช่น /สุนัข/ แมว /ปลา 16.2
9 อยากให้พ่อ/แม่ เลิกเหล้า-บุหรี่ 14.9
10 อื่นๆ อาทิ อยากให้พ่อหรือแม่ไปรับส่งที่โรงเรียน/
โทรศัพท์มือถือ / คอมพิวเตอร์ / อยากอยู่โรงเรียน
เพราะไม่อยากอยู่บ้าน เป็นต้น 11.3
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในทุกวันนี้
ลำดับที่ ความคิดเห็นของเด็กกลุ่มตัวอย่างต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ ร้อยละ
1 ใจร้อน เร่งรีบ 50.5
2 เอาแต่ใจตัวเอง 44.9
3 ชอบใช้ความรุนแรง ดุดัน ชอบด่าว่า 41.1
4 ขยันทำงาน 40.3
5 พูดมาก 38.7
6 ใจดี อ่อนโยน 36.4
7 เป็นคนเก่ง มีความสามารถ 34.2
8 ชอบโอ้อวด อวดมั่งอวดมี 30.7
9 ใจเย็น 21.8
10 ชอบดูหนังโป๊ 12.9
11 อื่นๆ อาทิ ช่วยเหลือสังคม /ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า /
อารมณ์ขัน ตลก เป็นต้น 17.3
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ อาชีพในอนาคตที่อยากเป็นมากที่สุด (ตอบเพียงข้อเดียว)
ลำดับที่ อาชีพที่อยากเป็นในอนาคตของเด็กๆ ร้อยละ
1 นักบิน แอร์โฮสเตส 13.8
2 แพทย์ พยาบาล 10.2
3 ครูอาจารย์ 8.9
4 ดารา นักร้อง นักแสดง 6.7
5 นักข่าว พิธีกร 6.0
6 ทหาร ตำรวจ 5.4
7 นายกรัฐมนตรี 4.8
8 นักธุรกิจ 4.2
9 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย 3.6
10 อื่นๆ อาทิ นักการทูต นักบินอวกาศ
และนักการเมือง เป็นต้น 2.1
11 ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรในอนาคต 34.3
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวม
ลำดับที่ ความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวม ร้อยละ
1 พอใจ 56.3
2 ไม่พอใจ เพราะ โดนดุว่า โดนขัดใจ ไม่ได้สิ่งที่อยากได้
โดนตี พ่อแม่ทะเลาะกัน คุณครูดุ จราจรติดขัด เป็นต้น 34.5
3 ไม่มีความเห็น 9.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
บทสรุปผลสำรวจ
ศ.ดร.ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยว่า ผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง “เด็กๆ คิดอย่างไรต่อผู้ใหญ่ในวันนี้: กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุระหว่าง 11 — 17 ปี ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล” ในครั้งนี้ ได้ทำสำรวจความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเด็กๆ โดยมีขนาดตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,144 ตัวอย่าง โดยได้ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 2 — 6 มกราคม 2548 พบประเด็นสำคัญดังนี้
เด็กๆ เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.7 บอกว่าทราบและระบุ “วันเด็ก” ในปีนี้ได้ถูกต้องว่าตรงกับ วันเสาร์ที่ 8 มกราคม ในขณะที่ร้อยละ 24.8 บอกว่าทราบแต่ระบุวันไม่ถูกต้อง และร้อยละ 21.5 บอกว่า ไม่ทราบ
สำหรับสิ่งที่เด็กๆ ในปีนี้อยากได้ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.2 ระบุว่าอยากได้ของเล่น เกมส์คอมพิวเตอร์ ตุ๊กตา และของขวัญ รองลงมาคือร้อยละ 52.9 ระบุว่าอยากได้เงิน ร้อยละ 51.8 ระบุว่าอยากไปเที่ยวสวนสนุก สวนสัตว์ ร้อยละ 47.6 ระบุว่าอยากไปเที่ยวดูการแสดงโชว์ต่างๆ ของรายการโทรทัศน์ ร้อยละ 43.7 ระบุว่าอยากได้ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นในครอบครัว ร้อยละ 30.4 ระบุว่าอยากได้คุณครูที่ใจดี ร้อยละ 22.8 ระบุว่าอยากให้พ่อแม่เลิกทะเลาะกัน คืนดีกัน อยู่ด้วยกัน ร้อยละ 16.2 ระบุอยากได้สัตว์เลี้ยงเช่นสุนัข แมว ปลา เป็นต้น ร้อยละ 14.9 ระบุอยากให้พ่อแม่เลิกเหล้า-บุหรี่ และร้อยละ 11.3 ระบุอื่นๆ อาทิ อยากให้พ่อหรือแม่ไปรับส่งที่โรงเรียน / อยากได้โทรศัพท์มือถือ / อยากได้คอมพิวเตอร์ / อยากอยู่ โรงเรียนเพราะไม่อยากอยู่บ้าน เป็นต้น
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ ประเด็นสำรวจเกี่ยวกับความคิดเห็นของเด็กๆ ต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.5 ระบุผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ใจร้อน เร่งรีบ รองลงมาคือร้อยละ 44.9 ระบุว่าผู้ใหญ่ในทุกวันนี้ชอบเอาแต่ใจตัวเอง ร้อยละ 41.1 ระบุชอบใช้ความรุนแรง ดุดัน ชอบด่าว่า ร้อยละ 40.3 ระบุขยันทำงาน ร้อยละ 38.7 ระบุพูดมาก ร้อยละ 36.4 ระบุใจดี อ่อนโยน ร้อยละ 34.2 ระบุเป็นคนเก่ง มีความสามารถ ร้อยละ 30.7 ระบุชอบโอ้อวด อวดมั่งอวดมี ร้อยละ 21.8 ระบุผู้ใหญ่ทุกวันนี้ใจเย็น ร้อยละ 12.9 ระบุผู้ใหญ่ทุกวันนี้ชอบดูหนังโป๊ และร้อยละ 17.3 ระบุอื่นๆ อาทิ ช่วยเหลือสังคม ชอบสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า อารมณ์ขัน ตลก เป็นต้น
สำหรับอาชีพในอนาคตที่เด็กๆ อยากเป็นมากที่สุด เมื่อตอบได้เพียงข้อเดียว ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ เกินกว่า 1 ใน 3 ยังไม่รู้ว่าอยากจะเป็นอะไรดีในอนาคต ในขณะที่อาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพรั้งท้ายสุดที่เด็กๆ อยากเป็น อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสิ่งที่เด็กๆ อยากเป็นในอันดับที่ 7
ส่วนรายละเอียดของผลสำรวจที่ค้นพบในประเด็นนี้คือ อันดับที่หนึ่ง เด็กๆ ร้อยละ 13.8 อยากเป็น นักบิน แอร์โฮสเตส รองลงมาอันดับที่สอง คือร้อยละ 10.2 ระบุอยากเป็นแพทย์ พยาบาล อันดับที่สาม ร้อยละ 8.9 ระบุอยากเป็นครูอาจารย์ อันดับที่สี่ ร้อยละ 6.7 อยากเป็นดารา นักร้องนักแสดง อันดับที่ห้า ร้อยละ 6.0 อยากเป็นนักข่าว พิธีกร อันดับที่หก ร้อยละ 5.4 อยากเป็นทหารตำรวจ อันดับที่เจ็ด ร้อยละ 4.8 อยากเป็นนายกรัฐมนตรี อันดับที่แปด ร้อยละ 4.2 อยากเป็นนักธุรกิจ อันดับที่เก้า ร้อยละ 3.6 อยากเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย อันดับที่สิบ ร้อยละ 2.1 ระบุอื่นๆ อาทิ นักการทูต นักบินอวกาศ และนักการเมือง เป็นต้น
สำหรับประเด็นสำคัญสุดท้ายคือ เมื่อสอบถามถึงความพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่โดยภาพรวมของเด็กๆ ผลสำรวจพบว่า เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.3 ระบุพอใจต่อชีวิตความเป็นอยู่ของตนเอง ในขณะที่ร้อยละ 34.5 ระบุยังไม่พอใจเพราะ โดนดุว่า โดนขัดใจ ไม่ได้สิ่งที่อยากได้ โดนตี พ่อแม่ทะเลาะกัน คุณครูดุ และจราจรติดขัด เป็นต้น ส่วนร้อยละ 9.2 ไม่มีความเห็นว่าพอใจหรือไม่พอใจ ตามลำดับ
--เอแบคโพลล์--
-พห-