ที่มาของโครงการ
ภายหลังจากมีกระแสข่าวที่ค่อนข้างชัดเจนปรากฎในสื่อมวลชนเกี่ยวกับความสนใจของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ สิ่งที่ตามมาคือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในความสนใจของนายกรัฐมนตรีต่อประเด็นดังกล่าวสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิงสถิติศาสตร์ จากประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาประเภทฟุตบอลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีสนใจในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้านระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1.เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาประเภทฟุตบอลต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีที่จะซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ
2.เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในหัวข้อเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีวิจัย
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไป เปรียบเทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 9 - 10 พฤษภาคม 2547
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป และกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ที่มีอายุ 15-24 ปี
ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ในการเข้าถึงตัวอย่าง
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ คือ 1,253 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณเป็นของมหาวิทยาลัย
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างร้อยละ 56.2 เป็นชาย ในขณะที่ร้อยละ 43.8 เป็นหญิง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.8 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 34.7 อายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 27.1 อายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 14.6 อายุระหว่าง 40-49 ปี และร้อยละ 15.8 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 74.8 ระบุสำเร็จการศึกษาต่ำกว่าระดับ ปริญญาตรี ร้อยละ 23.6 ระบุสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 1.6 ระบุสำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.2 ระบุอาชีพค้าขายส่วนตัว ร้อยละ 21.3 เป็นนักศึกษา ร้อยละ 19.5 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 18.0 เป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 9.5 รับราชการ/ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ระบุอื่นๆ อาทิ แม่บ้าน เกียษณอายุ และไม่ได้ประกอบอาชีพ เป็นต้น
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ การรับรู้ข่าวที่นายกรัฐมนตรีสนใจซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล"
ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ จำแนกระหว่างตัวอย่างประชาชนทั่วไปกับวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล
ลำดับที่ การรับรู้ต่อข่าวซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 ทราบ 41.9 84.5
2 ไม่ทราบ 58.1 15.5
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า การซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดัง
ของประเทศอังกฤษ จะสามารถพัฒนาการกีฬาฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 เห็นด้วย 47.8 83.2
2 ไม่เห็นด้วย 20.8 7.9
3 ไม่มีความเห็น 31.4 8.9
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอลไทย
หลังจากการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ จะทำให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 เห็นด้วย 62.5 86.1
2 ไม่เห็นด้วย 25.1 9.2
3 ไม่มีความเห็น 12.4 4.7
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความกังวลต่อการเล่นพนันฟุตบอลในกลุ่มวัยรุ่น หลังจากการซื้อหุ้น
ลำดับที่ ความกังวลของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 กังวลว่าจะมีปัญหาพนันบอลระบาดมากขึ้น 57.8 52.6
2 ไม่กังวล 23.9 35.7
3 ไม่มีความเห็น 18.3 11.7
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า ถ้า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ จะลงทุนซื้อหุ้น
"ลิเวอร์พูล" ควรจะเป็นการลงทุนซื้อโดยรัฐบาล หรือ ใช้เงินส่วนตัวซื้อ
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 รัฐบาลควรลงทุนซื้อเอง 12.8 14.9
2 ใช้เงินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อ 63.7 60.1
3 ไม่มีความเห็น 23.5 25.0
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
เหตุผลที่กลุ่มตัวอย่างระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรใช้เงินส่วนตัวซื้อหุ้น ไม่ควรใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อเพราะ
1)เศรษฐกิจของประเทศยังไม่มีเสถียรภาพดีเพียงพอ ประชาชนยังเดือดร้อนกับปัญหาค่าครองชีพ
2)ประเทศไทยยังมีความจำเป็นใช้งบประมาณแผ่นดินใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่จำเป็นกว่า เช่น การพัฒนาชนบท การสร้างงานให้ประชาชน การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระบบประกันสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้านอื่นๆ เป็นต้น
3)นายกรัฐมนตรี ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีฐานะร่ำรวย น่าจะลงทุนด้วยเงินส่วนตัวเพื่อประโยชน์ด้านการกีฬาของสาธารณะและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
4)ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ในฐานะยากจน
5)น่าจะใช้งบประมาณของประเทศช่วยเหลือด้านการศึกษาของประชาชนมากกว่า
6)ควรนำงบประมาณไปสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ดีให้กับประชาชน
7)การใช้งบประมาณของประเทศไปซื้อหุ้นจะนำพาประเทศไปผูกพันกับข้อได้เปรียบเสียเปรียบในข้อสัญญาทางธุรกิจกับต่างชาติ
8)เหตุผลอื่นๆ อาทิ การพัฒนากีฬาประเภทฟุตบอลไม่จำเป็นต้องไปซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" และเกรงว่าจะไม่มีความโปร่งใสในการแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความต้องการให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่าย
งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 ต้องการ 69.2 43.6
2 ไม่ต้องการ 18.5 16.1
3 ไม่มีความเห็น 12.3 40.3
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
บทสรุปผลสำรวจ
ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยว่าผลสำรวจ ภาคสนาม เรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปเปรียบเทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" ในครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 9 - 10 พฤษภาคม 2547 โดยมีขนาดตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,253 ตัวอย่าง ซึ่งผลการสำรวจค้นพบประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.5 ทราบข่าวที่นายกรัฐมนตรีสนใจซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.1 ยังไม่ทราบข่าว และเมื่อสอบถามความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่ต่อประเด็นที่ว่า การซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" จะสามารถพัฒนาการกีฬาฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ผลสำรวจพบว่า กลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.2 เห็นด้วย ในขณะที่กลุ่มประชาชนทั่วไป ร้อยละ 47.8 เห็นด้วย
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล คือร้อยละ 62.5 และร้อยละ 86.1 ตามลำดับเห็นด้วยว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยหลังจากการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของอังกฤษจะช่วยให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติดได้ อย่างไรก็ตามประชาชนทั่วไปประมาณหนึ่งในสี่หรือร้อยละ 25.1 ไม่เห็นด้วย
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่งทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล กล่าวคือร้อยละ 57.8 และร้อยละ 52.6 ตามลำดับ กังวลว่าจะมีปัญหาพนันบอลระบาดมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ ร้อยละ 23.9 ของกลุ่มประชาชนทั่วไปและร้อยละ 35.7 ของกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลไม่กังวลต่อปัญหาดังกล่าว
เอแบคโพลล์ยังสำรวจประเด็นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันคือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีควรใช้ งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล หรืองบส่วนตัวในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ซึ่งผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล กล่าวคือร้อยละ 63.7 และร้อยละ 60.1 ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" แต่ควรใช้เงินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อเอง โดยให้เหตุผลว่า
1)เศรษฐกิจของประเทศยังไม่มีเสถียรภาพดีเพียงพอ ประชาชนยังเดือดร้อนกับปัญหาค่าครองชีพ
2)ประเทศไทยยังมีความจำเป็นใช้งบประมาณแผ่นดินใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่จำเป็นกว่า เช่น การพัฒนาชนบท การสร้างงานให้ประชาชน การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระบบประกันสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้านอื่นๆ เป็นต้น
3)นายกรัฐมนตรี ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีฐานะร่ำรวย น่าจะลงทุนด้วยเงินส่วนตัวเพื่อประโยชน์ด้านการกีฬาของสาธารณะและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
4)ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ในฐานะยากจน
5)น่าจะใช้งบประมาณของประเทศช่วยเหลือด้านการศึกษาของประชาชนมากกว่า
6)ควรนำงบประมาณไปสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ดีให้กับประชาชน
7)การใช้งบประมาณของประเทศไปซื้อหุ้นจะนำพาประเทศไปผูกพันกับข้อได้เปรียบเสียเปรียบในข้อสัญญาทางธุรกิจกับต่างชาติ
8)เหตุผลอื่นๆ อาทิ การพัฒนากีฬาประเภทฟุตบอลไม่จำเป็นต้องไปซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" และเกรงว่าจะไม่มีความโปร่งใสในการแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น
ประเด็นสำคัญสุดท้ายคือ กลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.2 ต้องการให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นร้อยละ 43.6 ต้องการเช่นกัน อย่างไรก็ตามร้อยละ 40.3 ของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลไม่มีความเห็นต่อประเด็นสำรวจดังกล่าว
--เอแบคโพลล์--
-ลจ-
ภายหลังจากมีกระแสข่าวที่ค่อนข้างชัดเจนปรากฎในสื่อมวลชนเกี่ยวกับความสนใจของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ สิ่งที่ตามมาคือการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมในความสนใจของนายกรัฐมนตรีต่อประเด็นดังกล่าวสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิงสถิติศาสตร์ จากประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาประเภทฟุตบอลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีสนใจในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่ และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้านระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1.เพื่อสำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาประเภทฟุตบอลต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีที่จะซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ
2.เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในหัวข้อเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีวิจัย
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้ เรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไป เปรียบเทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 9 - 10 พฤษภาคม 2547
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ ประชาชนทั่วไป และกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ที่มีอายุ 15-24 ปี
ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างแบบเฉพาะเจาะจง (purposive sampling) ในการเข้าถึงตัวอย่าง
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ คือ 1,253 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณเป็นของมหาวิทยาลัย
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างร้อยละ 56.2 เป็นชาย ในขณะที่ร้อยละ 43.8 เป็นหญิง ซึ่งกลุ่มตัวอย่างร้อยละ 7.8 อายุต่ำกว่า 20 ปี ร้อยละ 34.7 อายุระหว่าง 20-29 ปี ร้อยละ 27.1 อายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 14.6 อายุระหว่าง 40-49 ปี และร้อยละ 15.8 อายุ 50 ปีขึ้นไป ตัวอย่างร้อยละ 74.8 ระบุสำเร็จการศึกษาต่ำกว่าระดับ ปริญญาตรี ร้อยละ 23.6 ระบุสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และร้อยละ 1.6 ระบุสำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 26.2 ระบุอาชีพค้าขายส่วนตัว ร้อยละ 21.3 เป็นนักศึกษา ร้อยละ 19.5 รับจ้างทั่วไป ร้อยละ 18.0 เป็นพนักงานเอกชน ร้อยละ 9.5 รับราชการ/ พนักงานรัฐวิสาหกิจ ในขณะที่ร้อยละ 5.5 ระบุอื่นๆ อาทิ แม่บ้าน เกียษณอายุ และไม่ได้ประกอบอาชีพ เป็นต้น
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ การรับรู้ข่าวที่นายกรัฐมนตรีสนใจซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล"
ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ จำแนกระหว่างตัวอย่างประชาชนทั่วไปกับวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล
ลำดับที่ การรับรู้ต่อข่าวซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 ทราบ 41.9 84.5
2 ไม่ทราบ 58.1 15.5
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า การซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดัง
ของประเทศอังกฤษ จะสามารถพัฒนาการกีฬาฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 เห็นด้วย 47.8 83.2
2 ไม่เห็นด้วย 20.8 7.9
3 ไม่มีความเห็น 31.4 8.9
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอลไทย
หลังจากการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ จะทำให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติด
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 เห็นด้วย 62.5 86.1
2 ไม่เห็นด้วย 25.1 9.2
3 ไม่มีความเห็น 12.4 4.7
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความกังวลต่อการเล่นพนันฟุตบอลในกลุ่มวัยรุ่น หลังจากการซื้อหุ้น
ลำดับที่ ความกังวลของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 กังวลว่าจะมีปัญหาพนันบอลระบาดมากขึ้น 57.8 52.6
2 ไม่กังวล 23.9 35.7
3 ไม่มีความเห็น 18.3 11.7
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นที่ว่า ถ้า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ จะลงทุนซื้อหุ้น
"ลิเวอร์พูล" ควรจะเป็นการลงทุนซื้อโดยรัฐบาล หรือ ใช้เงินส่วนตัวซื้อ
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 รัฐบาลควรลงทุนซื้อเอง 12.8 14.9
2 ใช้เงินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อ 63.7 60.1
3 ไม่มีความเห็น 23.5 25.0
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
เหตุผลที่กลุ่มตัวอย่างระบุว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ควรใช้เงินส่วนตัวซื้อหุ้น ไม่ควรใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อเพราะ
1)เศรษฐกิจของประเทศยังไม่มีเสถียรภาพดีเพียงพอ ประชาชนยังเดือดร้อนกับปัญหาค่าครองชีพ
2)ประเทศไทยยังมีความจำเป็นใช้งบประมาณแผ่นดินใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่จำเป็นกว่า เช่น การพัฒนาชนบท การสร้างงานให้ประชาชน การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระบบประกันสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้านอื่นๆ เป็นต้น
3)นายกรัฐมนตรี ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีฐานะร่ำรวย น่าจะลงทุนด้วยเงินส่วนตัวเพื่อประโยชน์ด้านการกีฬาของสาธารณะและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
4)ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ในฐานะยากจน
5)น่าจะใช้งบประมาณของประเทศช่วยเหลือด้านการศึกษาของประชาชนมากกว่า
6)ควรนำงบประมาณไปสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ดีให้กับประชาชน
7)การใช้งบประมาณของประเทศไปซื้อหุ้นจะนำพาประเทศไปผูกพันกับข้อได้เปรียบเสียเปรียบในข้อสัญญาทางธุรกิจกับต่างชาติ
8)เหตุผลอื่นๆ อาทิ การพัฒนากีฬาประเภทฟุตบอลไม่จำเป็นต้องไปซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" และเกรงว่าจะไม่มีความโปร่งใสในการแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความต้องการให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่าย
งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น
ลำดับที่ ความเห็นของตัวอย่าง ประชาชนทั่วไป วัยรุ่น
1 ต้องการ 69.2 43.6
2 ไม่ต้องการ 18.5 16.1
3 ไม่มีความเห็น 12.3 40.3
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
บทสรุปผลสำรวจ
ศ.ดร. ศรีศักดิ์ จามรมาน ประธานสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยว่าผลสำรวจ ภาคสนาม เรื่อง "ประชาชนคิดอย่างไรต่อความสนใจของนายกรัฐมนตรีในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังจากอังกฤษ : กรณีศึกษาประชาชนทั่วไปเปรียบเทียบกับกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" ในครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลจากประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระหว่างวันที่ 9 - 10 พฤษภาคม 2547 โดยมีขนาดตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,253 ตัวอย่าง ซึ่งผลการสำรวจค้นพบประเด็นสำคัญที่น่าพิจารณาดังต่อไปนี้
กลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.5 ทราบข่าวที่นายกรัฐมนตรีสนใจซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของประเทศอังกฤษ ในขณะที่ประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.1 ยังไม่ทราบข่าว และเมื่อสอบถามความคิดเห็นว่าเห็นด้วยหรือไม่ต่อประเด็นที่ว่า การซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" จะสามารถพัฒนาการกีฬาฟุตบอลไทยให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ผลสำรวจพบว่า กลุ่มวัยรุ่นส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.2 เห็นด้วย ในขณะที่กลุ่มประชาชนทั่วไป ร้อยละ 47.8 เห็นด้วย
นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทั้งกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล คือร้อยละ 62.5 และร้อยละ 86.1 ตามลำดับเห็นด้วยว่า การพัฒนากีฬาฟุตบอลไทยหลังจากการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ทีมฟุตบอลดังของอังกฤษจะช่วยให้เยาวชนห่างไกลยาเสพติดได้ อย่างไรก็ตามประชาชนทั่วไปประมาณหนึ่งในสี่หรือร้อยละ 25.1 ไม่เห็นด้วย
ประเด็นที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มตัวอย่างเกินกว่าครึ่งหนึ่งทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล กล่าวคือร้อยละ 57.8 และร้อยละ 52.6 ตามลำดับ กังวลว่าจะมีปัญหาพนันบอลระบาดมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ ร้อยละ 23.9 ของกลุ่มประชาชนทั่วไปและร้อยละ 35.7 ของกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลไม่กังวลต่อปัญหาดังกล่าว
เอแบคโพลล์ยังสำรวจประเด็นที่กำลังวิพากษ์วิจารณ์กันคือ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีควรใช้ งบประมาณแผ่นดินของรัฐบาล หรืองบส่วนตัวในการซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" ซึ่งผลสำรวจพบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ทั้งในกลุ่มประชาชนทั่วไปและกลุ่มวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอล กล่าวคือร้อยละ 63.7 และร้อยละ 60.1 ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่จะใช้งบประมาณแผ่นดินซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" แต่ควรใช้เงินส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซื้อเอง โดยให้เหตุผลว่า
1)เศรษฐกิจของประเทศยังไม่มีเสถียรภาพดีเพียงพอ ประชาชนยังเดือดร้อนกับปัญหาค่าครองชีพ
2)ประเทศไทยยังมีความจำเป็นใช้งบประมาณแผ่นดินใช้จ่ายด้านอื่นๆ ที่จำเป็นกว่า เช่น การพัฒนาชนบท การสร้างงานให้ประชาชน การสร้างความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ระบบประกันสุขภาพ และชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นด้านอื่นๆ เป็นต้น
3)นายกรัฐมนตรี ครอบครัวและคนใกล้ชิดมีฐานะร่ำรวย น่าจะลงทุนด้วยเงินส่วนตัวเพื่อประโยชน์ด้านการกีฬาของสาธารณะและประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ
4)ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศยังอยู่ในฐานะยากจน
5)น่าจะใช้งบประมาณของประเทศช่วยเหลือด้านการศึกษาของประชาชนมากกว่า
6)ควรนำงบประมาณไปสร้างระบบสาธารณูปโภคที่ดีให้กับประชาชน
7)การใช้งบประมาณของประเทศไปซื้อหุ้นจะนำพาประเทศไปผูกพันกับข้อได้เปรียบเสียเปรียบในข้อสัญญาทางธุรกิจกับต่างชาติ
8)เหตุผลอื่นๆ อาทิ การพัฒนากีฬาประเภทฟุตบอลไม่จำเป็นต้องไปซื้อหุ้น "ลิเวอร์พูล" และเกรงว่าจะไม่มีความโปร่งใสในการแสวงหาผลประโยชน์จากการใช้งบประมาณแผ่นดิน เป็นต้น
ประเด็นสำคัญสุดท้ายคือ กลุ่มตัวอย่างประชาชนทั่วไปส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.2 ต้องการให้องค์กรอิสระทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินของรัฐบาลให้เข้มข้นมากยิ่งขึ้น ในขณะที่กลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นร้อยละ 43.6 ต้องการเช่นกัน อย่างไรก็ตามร้อยละ 40.3 ของกลุ่มตัวอย่างวัยรุ่นที่สนใจกีฬาฟุตบอลไม่มีความเห็นต่อประเด็นสำรวจดังกล่าว
--เอแบคโพลล์--
-ลจ-