การระดมประชาชนออกมาบนท้องถนนและการทำรัฐประหารเพื่อโค่นล้มรัฐบาลหรือรักษาอำนาจของรัฐบาลไว้ไม่ได้ช่วยทำให้ประเทศไทยพ้นความชั่วร้ายของปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและความเดือดร้อนของประชาชนทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่จะทำให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและประเทศไทยกลับมามีเสถียรภาพอย่างมั่นคงได้ถ้าทุกฝ่ายลองพิจารณารับหลักแนวคิดและแนวปฏิบัติต่อไปนี้ไปดำเนินการ ผ่าน หลักของความโปร่งใส หลักของหุ้นส่วนประเทศไทย และหลักของการประเมินผลงาน เพื่อความมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และความคุ้มค่าคุ้มทุนในการบริหารราชการแผ่นดิน ได้แก่
๑) รัฐบาลติดประกาศการใช้จ่ายงบประมาณในรายละเอียดจนทำให้สาธารณชนสามารถแกะรอยการใช้จ่ายได้ทุกเม็ดเงินว่ากระจายไปทางไหนบ้าง อยู่ที่หน่วยงาน สถาบัน องค์กร บริษัท คณะบุคคลใดเท่าไหร่และไปถึงมือประชาชนเท่าไหร่ ใช้ในการพัฒนา “พื้นที่” เท่าไหร่
๒) รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐทำให้คำว่า “ทุกภาคส่วน” กลายมาเป็น “หุ้นส่วนประเทศไทย” เพราะการเป็นหุ้นส่วนกันต้องทราบรายละเอียดของการบริหารราชการแผ่นดินทั้งโดยภาพรวมและรายพื้นที่
๓) รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐเปิดให้ “หุ้นส่วนประเทศไทย” ได้แก่ รัฐบาล หน่วยงานรัฐ และสาธารณชน มีส่วนร่วมในการประเมินผลงานการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐระดับพื้นที่โดยตรงจนทำให้เกิดผลต่อการพิจารณาการจัดสรรงบประมาณและการแต่งตั้งโยกย้ายเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานให้กับสาธารณชนในพื้นที่ไม่ใช้วิธี “แต่ตั้ง” ประชาชนบางคนมาเป็นกรรมการเพราะรูปแบบคณะกรรมการเปิดโอกาสให้จัดตั้งและตอบสนองบุญคุณเอื้อประโยชน์ให้กับผู้แต่งตั้ง
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ประการแรก รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับจะต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และด้วยความคุ้มค่าคุ้มทุนตกอยู่ภายใต้การจับตามองของสื่อมวลชนและสาธารณชนอย่างใกล้ชิดจึงทำให้คนทำงานไม่เป็น ไม่มีความรู้ความสามารถ เป็นคนฉ้อราษฎร์บังหลวง คดโกงจะถูกกำจัดออกไป
ประการที่สอง ประเทศไทยกลายเป็นประเทศประชาธิปไตยแท้จริงเพราะประชาชนทุกคนทุกครัวเรือนกลายเป็น “หุ้นส่วนของประเทศ” การส่งตัวแทนไปทำหน้าที่ผ่านการเลือกตั้งเป็นคณะบุคคลในรัฐบาลเพื่อแสดงความรู้ความสามารถและความดีตามหลักศีลธรรม ถ้าทำไม่ได้ตามที่ประกาศไว้ก็ถูกตรวจสอบได้อย่างละเอียดยิบจากสื่อมวลชนและสาธารณชน
ประการที่สาม หุ้นส่วนของประเทศจะรวมตัวกันรักษาความเป็นประชาธิปไตยแท้จริงไว้และปฏิเสธการทำรัฐประหารที่ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นได้เลย แต่การทำให้การใช้จ่ายงบประมาณถูกเปิดเผยรายละเอียดต่อสาธารณชนกลับจะทำให้รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐต้องทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และคุ้มค่าคุ้มทุน เลือกคนดีและมีความรู้ความสามารถแท้จริงมาทำงานมากกว่า เพราะจะถูกประเมินจากประชาชนส่วนใหญ่ระดับครัวเรือนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในระดับพื้นที่โดยใช้ข้อมูลผลการะประเมิน “ประกอบ” การพิจารณาจัดสรรงบประมาณและเลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งโยกย้ายเจ้าหน้าที่รัฐมากกว่า การตัดสินตามอำเภอใจของฝ่ายการเมืองเพียงอย่างเดียว
ผลกระทบและแนวทางแก้ไขจากข้อเสนอนี้
ประการแรก รัฐบาลและเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องทำงานด้วยความรู้ความสามรถและด้วยคามดีตามหลักศีลธรรมเพราะถูกตรวจสอบในรายละเอียดของการใช้จ่ายงบประมาณจากสื่อมวลชนและสาธารณชนทั่วไป
ประการที่สอง ประชาชนบางกลุ่มอาจถูกซื้อถูกใช้เงินมาแลกกับผลการประเมินที่เอาใจผู้มีอำนาจในพื้นที่แต่นั่นจะทำให้ประเทศไทยพบกับภาพความเป็นจริงมากขึ้นว่าพื้นที่ไหนถูกซื้อก็จะเจอกับปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเป็นรายพื้นที่ไป ทำให้สาธารณชนทราบว่า จังหวัดไหน อำเภอใด ชุมชนใดมีปัญหาทุจริตคอรัปชั่น ผลการพัฒนาย่อมแตกต่างไปจากพื้นที่ที่มีความโปร่งใสที่อยู่ภายใต้การบริหารราชการแผ่นดินของเจ้าหน้าที่รัฐที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนดี ผลที่ตามมาคือ ประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ทุจริตคอรัปชั่นเหล่านั้นก็ต้องปรับตัวเองและลุกขึ้นมาปกป้องผลประโยชน์ส่วนรวมได้อย่างแท้จริง
ข้อเสนอเหล่านี้จะสำเร็จลุล่วงไปได้ต้องอาศัยการสนับสนุนจากรัฐบาลและผู้ใหญ่ในสังคม และผู้เสนอหลักการของความโปร่งใส หลักการของหุ้นส่วนประเทศไทย และหลักการแห่งการประเมินผลงานเหล่านี้เชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะสามารถก้าวผ่านความเสี่ยงสูงต่อความขัดแย้งรุนแรงในหมู่ประชาชน ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นและการทำรัฐประหาร โดยประเทศไทยจะสามารถกลับมามีเสถียรภาพเจริญมั่นคงโดยคณะบุคคลในรัฐบาลและหน่วยงานของรัฐที่มีความรู้ความสามารถและเป็นคนดีตามหลักศีลธรรมอย่างยั่งยืนตลอดไป
--เอแบคโพลล์--