อันอ้อยตาลหวานลิ้นแล้วสิ้นซาก....แต่ลมปากหวานหูไม่รู้หาย สุนทรภู่กวีแก้ว กล่าวไว้มิมีผิดเพราะถ้าพูดดี พูดได้ พูดเป็นไม่เลอะเลือน ไม่พูดแล้วลืมสัญญา ไม่เหลาะแหละคราวนี้พูดอย่าง.... อีกทีพูดอย่าง ย่อมได้ใจของประชาชนไปครอง, นักการเมืองหรือผู้ที่อยู่ในแวดวงจึงต้องติดตามผลสำรวจในครั้งนี้อย่างใกล้ชิด ,จากผลการสำรวจพบว่า มีผู้ตอบแบบสอบถามมากถึงร้อยละ 91.4 ที่ ติดตาม คำคม-คารม-คำพูดของนักการเมือง(ฉะนั้นนักการเมืองที่เอาแต่พูดแล้วไม่ทำจงระวังตัวไว้ดีๆ) และมีมากถึงร้อยละ 89.6 ที่บอกว่ารัฐบาลชุดนี้นั้นจริงๆแล้วประชาสัมพันธ์ตัวเองเก่งชะมัด (จะไม่เก่งได้อย่างไรก็ท่านนายกฯ ออกอากาศทางคลื่นวิทยุรัฐสภาทุกอาทิตย์นี่ครับ..เอแบคโพลล์มีภาพตอนที่ท่านนายกฯ ทักษิณกำลังออกอากาศด้วย...ติดตามได้ในเร็วๆนี้) และจากสิบอันดับคำคม-คารมที่ ประชาชนผู้ตอบแบบสอบถามประทับใจนั้น ปรากฎว่า อันดับหนึ่ง(ร้อยละ 69.8) ก็คือ ประโยคที่ว่า "ห้ามเอาเหตุผลส่วนตัวอยู่เหนือพรรค ห้ามเอาเหตุผลของพรรคอยู่เหนือประเทศ" ของท่าน นายกฯ แต่ท่านก็มีคำคม-คารม ที่คาใจทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อด้วยเช่นกัน(ร้อยละ 50.0) ประโยคที่ว่านั้นก็คือ "พรรคการเมืองของผมไม่มีนายทุน" ในขณะที่ท่านผู้นำฝ่ายค้าน ท่าน ชวน หลีกภัย ก็ไม่พ้นการลงแส้ ด้วยค่าร้อยละที่ไม่แพ้กัน คือ ร้อยละ 49.2 จากประโยคที่ว่า " พรรคของผมไม่เห็นแก่เงิน เพราะถ้าพรรค ของผมเห็นแก่เงิน ผมคงไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรค" และ สุดท้าย.... ผู้ตอบแบบสอบถามมีความเห็นว่ากลุ่มบุคคลที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิรูปการเมืองมากที่สุดก็คือ นักการเมือง ด้วยคะแนนมากกว่าครึ่ง(ร้อยละ 60.1) ...ไม่น่าตกใจอะไร..ใครๆก็เดาออกแต่ต้น.....
--เอแบคโพลล์--
--เอแบคโพลล์--