กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทั่วไป ในเขตกรุงเทพมหานคร และหัวเมืองใหญ่
สถาบันวิจัยและบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (เอยูโพล) เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจเรื่อง “ดัชนีความเครียดของคนไทย” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในเขต กรุงเทพมหานครและหัวเมืองใหญ่ จำนวนทั้งสิ้น 2,000 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม - 31 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า ตัวอย่างเกินครึ่งหรือร้อยละ 56.38 เป็นหญิง และร้อยละ 43.62 เป็นชาย เมื่อจำแนกออกเป็น เจเนอเรชั่น พบว่า ร้อยละ 29.02 เป็นเจเนอเรชั่น X (ตัวอย่างที่มีอายุ 36-50 ปี) ร้อยละ 25.20 เป็นเจเนอเรชั่น B (ตัวอย่างที่มีอายุ 51-69 ปี) ร้อยละ 21.64 เป็นเจเนอเรชั่น Y (ตัวอย่างที่มีอายุ 25-36 ปี) ร้อยละ 15.71 เป็นเจเนอเรชั่น M (ตัวอย่างที่มีอายุ 19-24 ปี) และร้อยละ 8.43 เป็นเจเนอเรชั่น Z (ตัวอย่างที่มีอายุ 15-18 ปี) สถานภาพสมรส พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่ร้อยละ 48.58 สมรสแล้ว ในขณะที่ร้อยละ 43.60 โสด และร้อยละ 7.82 เป็นหม้าย/หย่า/แยกกันอยู่ การศึกษาที่สำเร็จมาชั้นสูงสุด พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.08 ระบุต่ำกว่าปริญญาตรี ร้อยละ 37.66 ระบุปริญญาตรี และร้อยละ 6.26 ระบุสูงกว่าปริญญาตรี
ผลสำรวจโดยภาพรวม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นกลุ่มตัวอย่างมีความเครียดน้อย ซึ่งมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.28 คะแนน จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความเครียดมากที่สุดคือ ด้านเศรษฐกิจ/การเงิน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.85 คะแนน) โดยเฉพาะในเรื่องราคาสินค้าแพง ปัญหาหนี้สิน/รายรับไม่พอกับ รายจ่าย และค่าครองชีพสูง ตามลำดับ
รองลงมาคือปัจจัย ด้านการทำงาน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.81 คะแนน) โดยเฉพาะเรื่องปริมาณงานที่ทำ/ขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบ สวัสดิการ/ค่าตอบแทน และความมั่นคงในงานที่ทำ ซึ่งอีกด้านที่มีคะแนนความเครียดเท่ากันคือ ด้านการเรียน (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.81 คะแนน) โดยเฉพาะเรื่องผลการเรียน อาชีพในอนาคต/ อนาคตในการทำงาน เนื้อหาการเรียน และ ด้านสิ่งแวดล้อม (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.59 คะแนน) โดยเฉพาะเรื่องปัญหาการจราจร/รถติด ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและ ทรัพยสิน และสภาพแวดล้อม เช่น ขยะ เสียงดัง และน้ำเสีย เป็นต้น
เมื่อพิจารณาจำแนกตามพื้นที่ พบว่า ตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร มีความเครียดมากกว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด คือมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.32 คะแนน โดยเครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด รองลงมาคือเรื่องการทำงาน และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะปัญหาการจราจร/รถติด ในขณะที่ตัวอย่างที่อาศัยอยู่ในต่างจังหวัด มีระดับ ความเครียดน้อยกว่า คือมีคะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.24 คะแนน โดยเครียดในเรื่องการเรียนมากที่สุด รองลงมาคือ การงาน และเครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน ตามลำดับ
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเปรียบเทียบความเครียดแต่ละเรื่องในแต่ละเจเนอเรชั่น (Generation) พบว่า
- Gen Z (อายุ 15-18 ปี) มีความเครียดเรื่องการเรียน และเพื่อนมากที่สุด (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 3.06 และ 2.23 คะแนน ตามลำดับ)
- Gen M (อายุ 19-24 ปี) มีความเครียดเรื่องการงาน ความรัก และเรื่องตัวเองมากที่สุด (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.87, 2.63 และ 2.53 คะแนน
ตามลำดับ)
- Gen Y (อายุ 25-35 ปี) มีความเครียดเรื่องการงาน สิ่งแวดล้อม เช่นสภาพอากาศ การจราจร และการเมืองมากที่สุด (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.87,
2.65 และ 2.54 คะแนน ตามลำดับ)
- Gen X (อายุ 36-50 ปี) มีความเครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงินมากที่สุด (คะแนนความเครียดเฉลี่ย
เท่ากับ 2.94 คะแนน)
- Gen B (อายุ 51-69 ปี) มีความเครียดเรื่องสุขภาพ ครอบครัว การเมืองและความเครียดที่เกิดจากตัวเองเช่น ไม่สามารถทำได้อย่างที่ตัวเองคาดหวัง หรือรู้สึกว่า
ตัวเองไม่มีคุณค่า มากที่สุด (คะแนนความเครียดเฉลี่ยเท่ากับ 2.71, 2.55, 2.54 และ 2.53 คะแนน ตามลำดับ)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ถึงแม้ว่าคะแนนความเครียดโดยภาพรวมของประชาชนที่เป็นกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับน้อย แต่เมื่อสอบถามถึงความรู้สึกเชิงลบในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ตัวอย่างเกือบร้อยละ 70 ระบุ รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นครั้งคราวถึงบ่อยๆ กว่าร้อยละ 60 ระบุรู้สึกไม่มีความสุขเลยเป็นครั้งคราว ถึงบ่อยๆ ร้อยละ 49.67 ระบุ รู้สึกหมดกำลังใจเป็นครั้งคราวถึงบ่อยๆ ร้อยละ 45.18 ระบุรู้สึกไม่อยากพบปะผู้คนเป็นครั้งคราวถึงบ่อยๆ และตัวอย่างร้อยละ 30.42 ระบุรู้สึกตนเองไม่มีคุณค่าเป็นครั้งคราว ถึงบ่อยๆ ตามลำดับ ซึ่งสามารถสะท้อนความเครียดของตัวอย่างได้ในระดับหนึ่ง
เมื่อสอบถามถึงวิธีการปฏิบัติตนเมื่อรู้สึกเครียดใน 3 เรื่องแรก พบว่า 1) เครียดเรื่องเศรษฐกิจ/การเงิน พบว่า ตัวอย่างครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.00 ใช้แนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียง ประหยัด ลดค่าใช้จ่าย ไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย ใช้จ่ายแต่สิ่งที่จำเป็น รองลงมาคือทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดและทำงานหารายได้เพิ่มเพื่อแก้ปัญหาความเครียดที่เกิดขึ้น 2) เครียด เรื่องการงาน พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่คือร้อยละ 23.11 ระบุทำใจยอมรับ อดทน ร้อยละ 18.37 ตั้งใจทำงานและทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ในขณะที่ร้อยละ 8.33 มองหาอาชีพ เสริมหรือหารายได้เพิ่มและหากิจกรรมที่ทำแล้วมีความสุข เช่น ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยว 3) เครียดเรื่องการเรียน พบว่า ตัวอย่างเกือบครึ่งหรือร้อยละ 48.11 แก้ปัญหาโดยใส่ใจ การเรียนให้มาก ตั้งใจเรียน อ่านหนังสือ ทบทวนบทเรียน และพยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่เรียน ร้อยละ 15.09 บริหาร/วางแผนการเรียนให้เป็นระบบ และร้อยละ 13.68 ทำกิจกรรมที่ทำให้คลายเครียดเช่น เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น
โปรดพิจารณารายละเอียดดังต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ค่าเฉลี่ยของตัวอย่างที่ระบุระดับความเครียดในแต่ละด้าน จำแนกตาม Generation
ลำดับที่ ความเครียด Generation ภาพรวม Gen Z Gen M Gen Y Gen X Gen B 1 เศรษฐกิจ/การเงิน 2.53 2.78 2.81 2.94 2.88 2.85 2 ครอบครัว 2.26 2.44 2.36 2.51 2.55 2.45 3 เพื่อน 2.23 2.22 2.12 2.08 2.2 2.16 4 ความรัก (แฟน/คนรัก) 2.38 2.63 2.48 2.4 2.27 2.44 5 การงาน - 2.87 2.87 2.77 2.77 2.81 6 สุขภาพ 2.18 2.44 2.36 2.42 2.71 2.48 7 การเรียน 3.06 2.93 2.6 - - 2.81 8 การเมือง 2.13 2.39 2.54 2.29 2.54 2.41 9 สิ่งแวดล้อม 2.4 2.62 2.65 2.59 2.57 2.59 10 ตัวเอง 2.41 2.53 2.29 2.28 2.53 2.39 11 โดยภาพรวม 2.11 2.34 2.35 2.27 2.28 2.28 ตารางที่ 2 ค่าเฉลี่ยของตัวอย่างที่ระบุระดับความเครียดในแต่ละด้าน จำแนกตามพื้นที่ ลำดับที่ ความเครียด พื้นที่ ภาพรวม
กทม. ต่างจังหวัด
1 เศรษฐกิจ/การเงิน 2.99 2.69 2.85 2 ครอบครัว 2.56 2.34 2.45 3 เพื่อน 2.21 2.11 2.16 4 ความรัก (แฟน/คนรัก) 2.47 2.42 2.44 5 การงาน 2.87 2.75 2.81 6 สุขภาพ 2.63 2.34 2.48 7 การเรียน 2.78 2.84 2.81 8 การเมือง 2.41 2.42 2.41 9 สิ่งแวดล้อม 2.82 2.36 2.59 10 ตัวเอง 2.43 2.36 2.39 11 โดยภาพรวม 2.32 2.24 2.28 ตารางที่ 3 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุระดับความรู้สึกต่างๆ ลำดับที่ ความรู้สึก ระดับความรู้สึก รวมทั้งสิ้น บ่อยๆ เป็นครั้งคราว ไม่รู้สึกเลย 1 ไม่มีความสุขเลย 9.23 51.77 39 100 2 รู้สึกเบื่อหน่าย 14.77 59.65 25.58 100 3 ไม่อยากพบปะผู้คน 6.66 38.52 54.82 100 4 รู้สึกหมดกำลังใจ 7.18 42.5 50.33 100 5 รู้สึกตนเองไม่มีคุณค่า 4.4 26.02 69.58 100
--เอยูโพลล์--