ตามที่ได้มีปัญหาการทุจริตการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือกรณี "หวยล็อก" และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการจับกุมผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนนั้น จนมีผลทำให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวล และเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ตลอดไปถึงรัฐบาลในฐานะผู้บริหารสูงสุด ที่กำกับดูแลหน่วยงานที่ออกสลากกินแบ่งรัฐบาล สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงได้ดำเนินโครงการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ทั่วกรุงเทพมหานคร ต่อประเด็นดังกล่าวขึ้น ระหว่างวันที่ 26 - 27 พฤศจิกายน 2544
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ ได้แก่ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่าง ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 66.8 สลากออมสิน ร้อยละ 13.0 หวยใต้ดิน ร้อยละ 36.3 หรือว่า สลาก ธ.ก.ส. หวยหุ้น สลากการกุศลต่าง ๆ และพบว่ามีผู้ไม่เคยซื้อ ร้อยละ 24.4
ส่วนความเห็นต่อคำถามที่ว่า "เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาหวยล็อกมีคนทำเป็นขบวนการ" ผลระบุ เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ ร้อยละ 86.0 ไม่เชื่อ เพียง ร้อยละ 2.5 นอกนั้นไม่มีความเห็น ด้านความเห็นต่อคำถามที่ว่า "เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลร่วมมือกับขบวนการ ล็อกหวยจริง"พบว่า เชื่อ ร้อยละ 76.0 ไม่เชื่อ ร้อยละ 5.0 เท่านั้น ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 88.1 เชื่อว่าปัญหานี้จะทำให้สำนักงานสลากฯ เสื่อมเสีย และ เห็นว่า ผู้บริหารของสำนักงานสลากฯ ควรแสดงความรับผิดชอบ ร้อยละ 85.5 หรือ เป็นรัฐมนตรีกำกับดูแล ที่จะต้องรับผิดชอบ ร้อยละ 76.3 ซึ่งหมายความว่า ประชาชน ร้อยละ 55.1 เชื่อว่า มีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับขบวนการล็อกหวย ไม่เชื่อ แค่ร้อยละ 7.4
น่าเป็นห่วงไม่น้อย ที่ประชาชนเพียง ร้อยละ 17.8 เท่านั้น ที่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาหวยล็อกอย่างได้ผล และ พอใจต่อการทำงาน ของตำรวจกองปราบปรามเพียง ร้อยละ 58.1 ขณะที่ร้อยละ 48.0 เห็นว่าผู้ซื้อสลากฯ ควรออกมาเรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าคดีสิ้นสุดและพบว่ามีการล็อกหวยจริง
เมื่อพิจารณาดูเหตุผลในการซื้อ สลากฯ ประชาชนเห็นว่า ทำให้ได้เงินมาพัฒนาประเทศ ช่วยสร้างความหวังในชีวิตให้กับประชาชน มีผู้โชคดีที่ได้รับรายได้ เป็นการเล่นอย่างถูกกฎหมาย/ไม่ถูกโกง และอื่น ๆ เช่น ช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ ฯลฯ นั้นเป็นข้อดีของการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะที่ข้อเสียของการซื้อสลากฯ เห็นว่า มอมเมาประชาชน/ส่งเสริมอบายมุข มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะถูกรางวัล ทำให้เสียทรัพย์/สิ้นเปลืองเงินทอง มีการทุจริต/คดโกง/ไม่ซื่อตรง และอื่น ๆ เช่น ทำให้ประชาชนจนลง เป็นการค้ากำไรอย่างไม่เหมาะสม ฯลฯ ทำให้ประชาชน ร้อยละ 19.6 เห็นว่าควรยกเลิกการขายสลากฯ แต่อีกร้อยละ 42.8 ยังต้องการ ให้มีการขายต่อไป
ที่น่าสนใจมากคือ เมื่อถามว่า "ระหว่างการซื้อหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล กับการทุ่มเททำงานหนักโดยไม่หวังโชคลาภ เชื่อว่าวิธีการใดที่ช่วยสร้าง ฐานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่าให้แก่ท่านได้" ผลคือ เพียงร้อยละ 2.2 เท่านั้นที่คิดว่าเพราะซื้อหวย หรือ สลากฯ แล้วจะรวย และ ร้อยละ 62.8 เห็นว่าทำงานหนัก แล้วจะรวย ทั้งนี้ อีกร้อยละ 35.0 เชื่อว่าต้องได้มาจากทั้งสองวิธีแล้วจะรวย..(นี่แหละน้า..คนไทย)
--เอแบคโพลล์--
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบ ได้แก่ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา กลุ่มตัวอย่าง ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้อยละ 66.8 สลากออมสิน ร้อยละ 13.0 หวยใต้ดิน ร้อยละ 36.3 หรือว่า สลาก ธ.ก.ส. หวยหุ้น สลากการกุศลต่าง ๆ และพบว่ามีผู้ไม่เคยซื้อ ร้อยละ 24.4
ส่วนความเห็นต่อคำถามที่ว่า "เชื่อหรือไม่ว่าปัญหาหวยล็อกมีคนทำเป็นขบวนการ" ผลระบุ เชื่อว่ามีการทำเป็นขบวนการ ร้อยละ 86.0 ไม่เชื่อ เพียง ร้อยละ 2.5 นอกนั้นไม่มีความเห็น ด้านความเห็นต่อคำถามที่ว่า "เชื่อหรือไม่ว่าเจ้าหน้าที่ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลร่วมมือกับขบวนการ ล็อกหวยจริง"พบว่า เชื่อ ร้อยละ 76.0 ไม่เชื่อ ร้อยละ 5.0 เท่านั้น ทั้งนี้ ประชาชนร้อยละ 88.1 เชื่อว่าปัญหานี้จะทำให้สำนักงานสลากฯ เสื่อมเสีย และ เห็นว่า ผู้บริหารของสำนักงานสลากฯ ควรแสดงความรับผิดชอบ ร้อยละ 85.5 หรือ เป็นรัฐมนตรีกำกับดูแล ที่จะต้องรับผิดชอบ ร้อยละ 76.3 ซึ่งหมายความว่า ประชาชน ร้อยละ 55.1 เชื่อว่า มีนักการเมืองเกี่ยวข้องกับขบวนการล็อกหวย ไม่เชื่อ แค่ร้อยละ 7.4
น่าเป็นห่วงไม่น้อย ที่ประชาชนเพียง ร้อยละ 17.8 เท่านั้น ที่มั่นใจว่ารัฐบาลจะสามารถแก้ปัญหาหวยล็อกอย่างได้ผล และ พอใจต่อการทำงาน ของตำรวจกองปราบปรามเพียง ร้อยละ 58.1 ขณะที่ร้อยละ 48.0 เห็นว่าผู้ซื้อสลากฯ ควรออกมาเรียกร้องค่าเสียหาย ถ้าคดีสิ้นสุดและพบว่ามีการล็อกหวยจริง
เมื่อพิจารณาดูเหตุผลในการซื้อ สลากฯ ประชาชนเห็นว่า ทำให้ได้เงินมาพัฒนาประเทศ ช่วยสร้างความหวังในชีวิตให้กับประชาชน มีผู้โชคดีที่ได้รับรายได้ เป็นการเล่นอย่างถูกกฎหมาย/ไม่ถูกโกง และอื่น ๆ เช่น ช่วยสร้างงาน กระจายรายได้ ฯลฯ นั้นเป็นข้อดีของการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล ขณะที่ข้อเสียของการซื้อสลากฯ เห็นว่า มอมเมาประชาชน/ส่งเสริมอบายมุข มีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะถูกรางวัล ทำให้เสียทรัพย์/สิ้นเปลืองเงินทอง มีการทุจริต/คดโกง/ไม่ซื่อตรง และอื่น ๆ เช่น ทำให้ประชาชนจนลง เป็นการค้ากำไรอย่างไม่เหมาะสม ฯลฯ ทำให้ประชาชน ร้อยละ 19.6 เห็นว่าควรยกเลิกการขายสลากฯ แต่อีกร้อยละ 42.8 ยังต้องการ ให้มีการขายต่อไป
ที่น่าสนใจมากคือ เมื่อถามว่า "ระหว่างการซื้อหวยหรือสลากกินแบ่งรัฐบาล กับการทุ่มเททำงานหนักโดยไม่หวังโชคลาภ เชื่อว่าวิธีการใดที่ช่วยสร้าง ฐานะความเป็นอยู่ที่ดีกว่าให้แก่ท่านได้" ผลคือ เพียงร้อยละ 2.2 เท่านั้นที่คิดว่าเพราะซื้อหวย หรือ สลากฯ แล้วจะรวย และ ร้อยละ 62.8 เห็นว่าทำงานหนัก แล้วจะรวย ทั้งนี้ อีกร้อยละ 35.0 เชื่อว่าต้องได้มาจากทั้งสองวิธีแล้วจะรวย..(นี่แหละน้า..คนไทย)
--เอแบคโพลล์--