ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง ผลประมาณการจำนวนคนที่ตั้งใจ
เล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัดช่วงบอลยูโร 2008 กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12 — 24 ปีในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้ง
สิ้น 2,910 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่าตัวอย่างที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือ
ร้อยละ 88.7 ระบุติดตามข่าวการแข่งขันบอลยูโร 2008 ผ่านสื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 36.6 ระบุติดตามข่าวสารผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ และที่น่าพิจารณาคือ
ตัวอย่างมากถึงร้อยละ 28.6 ติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นตัวเลขที่เคยพบครั้งแรกว่ากลุ่มตัวอย่างติดตามข่าว
สารผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าทางวิทยุในการวิจัยทำนองนี้
เมื่อสอบถามถึงนักฟุตบอลที่ชื่นชอบในศึกฟุตบอลยูโร 2008 เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.9 ชื่นชอบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้จาก
ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะที่รองลงมาคือ ร้อยละ 32.8 ชื่นชอบ เฟร์นานโด ตอร์เรส จากทีมลิเวอร์พูล ร้อยละ 16.4 ชื่นชอบ เธียร์รี่ ออ
งรี จาก ทีมบาร์เชโลน่า ร้อยละ 11.5 ชื่นชอบ เดวิส บีญ่า จาก ทีมบาเลนเชีย และร้อยละ 10.1 ชื่นชอบ มิชาเอล บัลลัค จากทีมเชลซี ตามลำดับ
สำหรับฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 26.3 อยากให้ทีมชาติโปรตุเกสได้แชมป์ รองลงมาคือร้อยละ
21.9 อยากให้ทีมชาติสเปนได้แชมป์ ร้อยละ 14.3 ระบุทีมชาติเยอรมัน ร้อยละ 12.6 ระบุทีมชาติฮอลแลนด์ ในขณะที่ร้อยละ 10.1 ระบุทีมชาติ
อิตาลี และร้อยละ 8.7 ระบุทีมชาติฝรั่งเศส ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ เด็กและเยาวชนจำนวนมากร้อยละ 41.3 ระบุมีการพักผ่อนน้อยลงในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ร้อยละ 37.0 ที่
ระบุพักผ่อนไม่น้อยลง และที่เหลือยังไม่แน่ใจ
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.8 คิดว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับสังคมไทย ในขณะ
ที่ร้อยละ 16.2 ไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.7 มีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล รองลงมาคือร้อยละ 76.6 ติดตามการวิ
เคราะห์ อัตราต่อรอง ร้อยละ 71.6 พูดคุยเรื่องอัตราต่อรอง ร้อยละ 65.8 เข้าถึงแหล่งเล่นทายพนันได้ง่าย ร้อยละ 60.0 เคยเล่นทายพนัน
ประเภทอื่นๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 57.9 เคยเล่นทายพนันในช่วงที่เป็นเด็กๆ ร้อยละ 57.1 ติดต่อกับคนที่รับทายพนันบอล ร้อยละ 51.0
เคยซื้อหวยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 46.3 เคยเข้าไปในแหล่งพนัน บ่อน และร้อยละ 27.0 เคยถูกตามทวงถามหนี้พนัน
เมื่อวิเคราะห์ค่าสถิติวิจัยด้วย Odds Ratio (อ็อด เรโช) พบประเด็นสำคัญคือ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กเยาวชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เกี่ยว
ข้องกับปัจจัยเสี่ยง พบว่า เด็กและเยาวชนที่ติดตามอัตราต่อรอง มีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า และถ้าเข้าถึงแหล่งทายพนันบอลได้มีโอกาส
เล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า และถ้ามีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลด้วยประมาณ 1.5 เท่า และถ้าเคยถูกทวงถามหนี้พนัน
บอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลอีกประมาณ 1 เท่า
เมื่อใช้หลักสถิติวิจัยในการประมาณการจำนวนเด็กและเยาวชนที่เตรียมเล่นทายพนันบอลในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล พบมี
จำนวนทั้งสิ้น 371,556 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 18.8 ของจำนวนทั้งหมด โดยเตรียมเงินไว้ในวงเงินสะพัดพนันบอลยูโร 2008 รวมทั้งสิ้น
924,059,772 บาท (ประมาณเก้าร้อยล้านบาท)
ดร.นพดล ชี้ให้เห็นความแตกต่างจากผลวิจัยก่อนหน้านี้ว่า เด็กและเยาวเชนเคยนิยมเล่นทายพนันบอลกับเพื่อนทั้งในสถาบันและต่างสถาบัน
การศึกษา แต่ผลวิจัยครั้งนี้กลับพบว่า เด็กเยาวชนร้อยละ 44.5 ตั้งใจจะเล่นทายพนันกับโต๊ะบอล รองลงมาคือร้อยละ 37.5 เล่นกับเพื่อนในสถาบัน
การศึกษา ร้อยละ 20.4 เล่นกับคนในครอบครัว ร้อยละ 18.3 เล่นกับญาติพี่น้อง ร้อยละ 18.1 เล่นกับเพื่อนต่างสถาบัน และร้อยละ 4.7 เล่นกับคน
อื่นทางอินเทอร์เน็ต ตามลำดับ
สาเหตุที่เล่นทายพนันบอลในความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนที่ถูกศึกษาครั้งนี้ ร้อยละ 66.7 ระบุอยากรวยทางลัด ร้อยละ 64.3 เพราะ
ได้ลุ้น ตื่นเต้นในการชมการแข่งขัน ร้อยละ 12.3 เพราะตามเพื่อนและคนรู้จัก ร้อยละ 4.3 เพราะติดการพนัน และร้อยละ 9.1 ระบุสาเหตุอื่นๆ
อาทิ ความจน ไม่มีเงินใช้และเพราะสื่อมวลชน เป็นต้น
แต่ผลสำรวจพบด้วยว่า ปัญหาที่คนเล่นทายพนันบอลเจอ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.7 หมดตัวเป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทัน และร้อยละ 16.8
หมกมุ่น เครียด เสียอนาคต และร้อยละ 15.9 ระบุอื่นๆ เช่น โดนจับเข้าคุก ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไม่ดี และครอบครัวเดือดร้อน เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.2 ระบุว่า การเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีผลทำให้คนที่เคยเล่น
ทายพนันบอลเลิกเล่น ในขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุว่ามีผล
ดร.นพดล กล่าวว่า ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑลส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นทาย
พนันบอลยูโร 2008 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มองว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมไทย และมีเด็กและ
เยาวชนจำนวนมากร่วมประมาณ 4 แสนคนที่เข้าไปเล่นทายพนันบอลในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้ปกครองและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถสังเกต
พฤติกรรมบางอย่างของเด็กและเยาวชนได้จากงานวิจัยครั้งนี้คือ การติดตามข้อมูลอัตราต่อรอง การมีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล การเข้าถึงแหล่งทาย
พนันบอลได้ง่าย และการถูกทวงถามหนี้พนันบอล ดังนั้น สิ่งที่ผู้ใหญ่และกลุ่มเพื่อนของเด็กและเยาวชนในสังคมน่าจะช่วยกันรณรงค์คือ การติดตามชมการ
แข่งขันฟุตบอลเชิงสร้างสรรค์และความบันเทิง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต้องช่วยกันขจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ลดโอกาสการเข้าถึงแหล่งพนันบอลของเด็ก
และเยาวชน และการตัดวงจรขบวนการทวงหนี้พนันบอล เป็นต้น เพื่อป้องกันมิให้เด็กและเยาวชนที่ตกหลุมพรางของอบายมุขต่างๆ ไปทำลายอนาคตของ
ตนเองและความปกติสุขของสังคม
รายละเอียดงานวิจัย
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1. เพื่อสำรวจพฤติกรรมติดตามข่าวสารการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008
2. เพื่อสำรวจความนิยมชอบนักฟุตบอลทีมชาติต่างๆ
3. เพื่อประมาณการจำนวนคนเล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัด
4. เพื่อทดสอบค่าสถิติวิจัยค้นหาปัจจัยเสี่ยง
5. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่อง ผลประมาณการจำนวนคนที่ตั้งใจเล่นทายพนันบอลและ
วงเงินสะพัดช่วงบอลยูโร 2008 กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12 — 24 ปีในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 2,910 ตัวอย่าง
ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน พ.ศ.2551 ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้ คือ การวิจัยเชิงสำรวจ
(Survey Research) กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กและเยาวชนอายุ 12 -24 ปีที่พักอาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี
ปทุมธานี เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายขั้น และกำหนดลักษณะของตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้า
หมายจากการทำสำมะโน ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ จำนวน 2,910 ตัวอย่าง ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาด
เคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การ
สัมภาษณ์ หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล และงบประมาณทั้งสิ้นเป็น
ของมหาวิทยาลัย โดยมีคณะผู้ดำเนินโครงการวิจัยทั้งสิ้น จำนวน 122 คน
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างเด็กและเยาวชนพบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 54.2 ระบุเป็นหญิง
ในขณะที่ร้อยละ 44.8 ระบุเป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.7 ระบุอายุระหว่าง 12-14 ปี
ร้อยละ 21.3 ระบุอายุระหว่าง 15-17 ปี
ร้อยละ 36.0 ระบุอายุระหว่าง 18—20 ปี
และร้อยละ 36.0 ระบุอายุระหว่าง 21—24 ปี
ตัวอย่าง ร้อยละ 26.8 ระบุสำเร็จการศึกษาต่ำกว่ามัธยมตอนต้น
ร้อยละ 30.0 ระบุระดับมัธยมตอนปลายหรือเทียบเท่า
และร้อยละ 11.3 ระบุปวส./อนุปริญญา
ร้อยละ 31.9 ระบุปริญญาตรีขึ้นไป
ร้อยละ 68.3 ระบุอาชีพนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 12.0 ระบุรับจ้างทั่วไป/รับจ้างใช้แรงงาน
ร้อยละ 11.4 ระบุเป็นธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ/ค้าขาย
ร้อยละ 6.6 เป็นพนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้างเอกชน
ร้อยละ 1.7 ระบุเป็นข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ อื่นๆ อาทิ แม่บ้าน เกษตรกร ว่างงาน ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลผ่านสื่อต่างๆ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ การติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลผ่านสื่อต่างๆ ค่าร้อยละ
1 โทรทัศน์ 88.7
2 หนังสือพิมพ์ 36.6
3 อินเทอร์เน็ต 28.6
4 วิทยุ 12.8
5 คำบอกเล่า 13.3
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุนักฟุตบอลคนที่ชื่นชอบติดตามในศึกฟุตบอลยูโร 2008
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ นักฟุตบอลคนที่ชื่นชอบในศึกฟุตบอลยูโร 2008 มากที่สุด ค่าร้อยละ
1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 59.9
2 เฟร์นานโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล) 32.8
3 เธียร์รี่ อองรี (บาร์เซโลน่า) 16.4
4 เดวิส บีญ่า (บาเลนเซีย) 11.5
5 มิชาเอล บัลลัค (เชลซี) 10.1
6 รุด ฟานนิสเตอรอย (เรอัล มาดริด) 9.4
7 เชส ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล) 6.3
8 ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี) 6.3
9 นักฟุตบอลคนอื่นๆ อาทิ มิราน บารอส (แอสตัน วิลล่า) ลูก้า โทนี่ (บาเยิร์น มิวนิค)
มิโรสลาฟ โคลเซ่ (เบรเมน) เป็นต้น 55.4
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุอยากให้ทีมฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด
ลำดับที่ ทีมฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด ค่าร้อยละ
1 โปรตุเกส 26.3
2 สเปน 21.9
3 เยอรมัน 14.3
4 ฮอลแลนด์ 12.6
5 อิตาลี 10.1
6 ฝรั่งเศส 8.7
7 สาธารณะรัฐเช็ก 1.7
8 อื่นๆ อาทิ กรีซ โครเอเชีย สวีเดน ออสเตรีย เป็นต้น 4.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการนอนพักผ่อนน้อยลงเพราะมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่ง
ชาติยุโรป 2008
ลำดับที่ การนอนพักผ่อนน้อยลงเพราะมีการแข่งขัน
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 ค่าร้อยละ
1 น้อยลง 41.3
2 ไม่น้อยลง 37.0
3 ยังไม่แน่ใจ 21.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อการเล่นทายพนันในสังคมไทย
ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อคำถามเรื่องการเล่นทายพนัน
เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับสังคมไทย ค่าร้อยละ
1 เป็นเรื่องปกติธรรมดา 83.8
2 ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา 16.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประสบการณ์เกี่ยวกับการพนันในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ลำดับที่ ประสบการณ์เกี่ยวกับการพนันในรอบ 3 เดือน ร้อยละ
1 มีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล 77.7
2 ติดตามการวิเคราะห์ อัตราต่อรอง ผลการแข่งขันฟุตบอล 76.6
3 พูดคุยกันเรื่องอัตราต่อรอง ผลการแข่งขันฟุตบอล 71.6
4 เข้าถึงแหล่งเล่นทายพนันบอลได้ง่าย 65.8
5 คุณเคยเล่นทายพนันประเภทอื่นๆ ในช่วง 3 เดือนที่แล้ว 60.0
6 เคยเล่นทายพนันในช่วงที่เป็นตอนเด็กๆ 57.9
7 ติดต่อกับคนที่รับทายพนันบอล 57.1
8 คุณเคยซื้อหวย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 51.0
9 เข้าไปในแหล่งพนัน บ่อน 46.3
10 เคยถูกตามทวงถามหนี้พนัน 27.0
***ค่าความเสี่ยงหลังทดสอบทางสถิติด้วยค่า Odds Ratio พบประเด็นสำคัญคือ
เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กและเยาวชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง พบว่า
เด็กและเยาวชนที่ติดตามอัตราต่อรองมีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า
ถ้าเข้าถึงแหล่งทายพนันบอลได้มีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า
ถ้ามีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลด้วยประมาณ 1.5 เท่า
ถ้าถูกตามทวงหนี้พนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลอีกประมาณ 1 เท่า
ตารางที่ 7 แสดงผลประมาณการจำนวนคนที่อายุตั้งแต่ 12 - 24 ปีที่เล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัด
ผลประมาณการ จำนวน ร้อยละ
คนอายุ 12 — 24 ปีเล่นพนันบอลยูโร 2008 ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 371,556 18.8
วงเงินพนันบอลยูโร 2008 หมุนเวียนสะพัดรวมทั้งสิ้น 924,059,772 บาท -
หมายเหตุ จำนวนกลุ่มเป้าหมายคนอายุ 12 -24 ปีขึ้นไปมีทั้งสิ้น 1,976,362 คน
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ กลุ่มคนที่จะเล่นทายพนันผลการแข่งขันฟุตบอลด้วย
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ กลุ่มคนที่จะเล่นทายพนันด้วย ค่าร้อยละ
1 โต๊ะบอล 44.5
2 เพื่อนในสถาบันการศึกษา 37.5
3 คนในครอบครัว 20.4
4 ญาติ / พี่น้อง 18.3
5 เพื่อนต่างสถาบัน 18.1
6 เล่นกับคนอื่นทางอินเทอร์เน็ต 4.7
7 อื่นๆ อาทิ เพื่อนที่ทำงานชวน เป็นต้น 5.5
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสาเหตุที่ทำให้คนเล่นทายพนันบอลกัน (ตอบได้ มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สาเหตุที่ทำให้คนเล่นทายพนันบอลกัน ค่าร้อยละ
1 อยากรวยทางลัด 66.7
2 ได้ลุ้น ตื่นเต้น 64.3
3 ตามเพื่อนและคนรู้จัก 12.3
4 ติดการพนัน 4.3
5 สาเหตุอื่นๆ อาทิ ความจน ไม่มีเงินใช้ และสื่อมวลชน เป็นต้น 9.1
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ปัญหาที่เคยประสบจากการเล่นทายพนันบอล
(เฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่มีปัญหา)
ลำดับที่ ปัญหาที่เคยประสบจากการเล่นทายพนันบอล ค่าร้อยละ
1 หมดตัวเป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทัน 79.7
2 หมกมุ่น เครียด เสียอนาคต 16.8
3 อื่นๆ อาทิ โดนจับเข้าคุก สัมพันธภาพต่อคนรอบข้างไม่ดี / ครอบครัวเดือดร้อน เป็นต้น 15.9
ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้คนที่เคย
เล่นพนันบอลเลิกเล่นหรือไม่
ลำดับที่ ความคิดเห็นของตัวอย่าง ค่าร้อยละ
1 มีผล 34.8
2 ไม่มีผล 65.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--
-พห-
เล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัดช่วงบอลยูโร 2008 กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12 — 24 ปีในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้ง
สิ้น 2,910 ตัวอย่าง ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน พ.ศ. 2551 ผลสำรวจพบว่าตัวอย่างที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือ
ร้อยละ 88.7 ระบุติดตามข่าวการแข่งขันบอลยูโร 2008 ผ่านสื่อโทรทัศน์ ร้อยละ 36.6 ระบุติดตามข่าวสารผ่านสื่อหนังสือพิมพ์ และที่น่าพิจารณาคือ
ตัวอย่างมากถึงร้อยละ 28.6 ติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008 ผ่านสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นตัวเลขที่เคยพบครั้งแรกว่ากลุ่มตัวอย่างติดตามข่าว
สารผ่านทางอินเทอร์เน็ตมากกว่าทางวิทยุในการวิจัยทำนองนี้
เมื่อสอบถามถึงนักฟุตบอลที่ชื่นชอบในศึกฟุตบอลยูโร 2008 เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.9 ชื่นชอบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้จาก
ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในขณะที่รองลงมาคือ ร้อยละ 32.8 ชื่นชอบ เฟร์นานโด ตอร์เรส จากทีมลิเวอร์พูล ร้อยละ 16.4 ชื่นชอบ เธียร์รี่ ออ
งรี จาก ทีมบาร์เชโลน่า ร้อยละ 11.5 ชื่นชอบ เดวิส บีญ่า จาก ทีมบาเลนเชีย และร้อยละ 10.1 ชื่นชอบ มิชาเอล บัลลัค จากทีมเชลซี ตามลำดับ
สำหรับฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด ผลสำรวจพบว่า ร้อยละ 26.3 อยากให้ทีมชาติโปรตุเกสได้แชมป์ รองลงมาคือร้อยละ
21.9 อยากให้ทีมชาติสเปนได้แชมป์ ร้อยละ 14.3 ระบุทีมชาติเยอรมัน ร้อยละ 12.6 ระบุทีมชาติฮอลแลนด์ ในขณะที่ร้อยละ 10.1 ระบุทีมชาติ
อิตาลี และร้อยละ 8.7 ระบุทีมชาติฝรั่งเศส ตามลำดับ
ที่น่าพิจารณาคือ เด็กและเยาวชนจำนวนมากร้อยละ 41.3 ระบุมีการพักผ่อนน้อยลงในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโรครั้งนี้ ร้อยละ 37.0 ที่
ระบุพักผ่อนไม่น้อยลง และที่เหลือยังไม่แน่ใจ
แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 83.8 คิดว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับสังคมไทย ในขณะ
ที่ร้อยละ 16.2 ไม่คิดว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา
ผลสำรวจยังพบด้วยว่า เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.7 มีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล รองลงมาคือร้อยละ 76.6 ติดตามการวิ
เคราะห์ อัตราต่อรอง ร้อยละ 71.6 พูดคุยเรื่องอัตราต่อรอง ร้อยละ 65.8 เข้าถึงแหล่งเล่นทายพนันได้ง่าย ร้อยละ 60.0 เคยเล่นทายพนัน
ประเภทอื่นๆ ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 57.9 เคยเล่นทายพนันในช่วงที่เป็นเด็กๆ ร้อยละ 57.1 ติดต่อกับคนที่รับทายพนันบอล ร้อยละ 51.0
เคยซื้อหวยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ร้อยละ 46.3 เคยเข้าไปในแหล่งพนัน บ่อน และร้อยละ 27.0 เคยถูกตามทวงถามหนี้พนัน
เมื่อวิเคราะห์ค่าสถิติวิจัยด้วย Odds Ratio (อ็อด เรโช) พบประเด็นสำคัญคือ เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กเยาวชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เกี่ยว
ข้องกับปัจจัยเสี่ยง พบว่า เด็กและเยาวชนที่ติดตามอัตราต่อรอง มีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า และถ้าเข้าถึงแหล่งทายพนันบอลได้มีโอกาส
เล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า และถ้ามีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลด้วยประมาณ 1.5 เท่า และถ้าเคยถูกทวงถามหนี้พนัน
บอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลอีกประมาณ 1 เท่า
เมื่อใช้หลักสถิติวิจัยในการประมาณการจำนวนเด็กและเยาวชนที่เตรียมเล่นทายพนันบอลในพื้นที่กรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล พบมี
จำนวนทั้งสิ้น 371,556 คนหรือคิดเป็นร้อยละ 18.8 ของจำนวนทั้งหมด โดยเตรียมเงินไว้ในวงเงินสะพัดพนันบอลยูโร 2008 รวมทั้งสิ้น
924,059,772 บาท (ประมาณเก้าร้อยล้านบาท)
ดร.นพดล ชี้ให้เห็นความแตกต่างจากผลวิจัยก่อนหน้านี้ว่า เด็กและเยาวเชนเคยนิยมเล่นทายพนันบอลกับเพื่อนทั้งในสถาบันและต่างสถาบัน
การศึกษา แต่ผลวิจัยครั้งนี้กลับพบว่า เด็กเยาวชนร้อยละ 44.5 ตั้งใจจะเล่นทายพนันกับโต๊ะบอล รองลงมาคือร้อยละ 37.5 เล่นกับเพื่อนในสถาบัน
การศึกษา ร้อยละ 20.4 เล่นกับคนในครอบครัว ร้อยละ 18.3 เล่นกับญาติพี่น้อง ร้อยละ 18.1 เล่นกับเพื่อนต่างสถาบัน และร้อยละ 4.7 เล่นกับคน
อื่นทางอินเทอร์เน็ต ตามลำดับ
สาเหตุที่เล่นทายพนันบอลในความคิดเห็นของเด็กและเยาวชนที่ถูกศึกษาครั้งนี้ ร้อยละ 66.7 ระบุอยากรวยทางลัด ร้อยละ 64.3 เพราะ
ได้ลุ้น ตื่นเต้นในการชมการแข่งขัน ร้อยละ 12.3 เพราะตามเพื่อนและคนรู้จัก ร้อยละ 4.3 เพราะติดการพนัน และร้อยละ 9.1 ระบุสาเหตุอื่นๆ
อาทิ ความจน ไม่มีเงินใช้และเพราะสื่อมวลชน เป็นต้น
แต่ผลสำรวจพบด้วยว่า ปัญหาที่คนเล่นทายพนันบอลเจอ คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 79.7 หมดตัวเป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทัน และร้อยละ 16.8
หมกมุ่น เครียด เสียอนาคต และร้อยละ 15.9 ระบุอื่นๆ เช่น โดนจับเข้าคุก ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไม่ดี และครอบครัวเดือดร้อน เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.2 ระบุว่า การเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่มีผลทำให้คนที่เคยเล่น
ทายพนันบอลเลิกเล่น ในขณะที่ร้อยละ 34.8 ระบุว่ามีผล
ดร.นพดล กล่าวว่า ผลวิจัยครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า เด็กและเยาวชนในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑลส่วนใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นทาย
พนันบอลยูโร 2008 แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กและเยาวชนส่วนใหญ่มองว่าการเล่นทายพนันบอลเป็นเรื่องปกติธรรมดาของสังคมไทย และมีเด็กและ
เยาวชนจำนวนมากร่วมประมาณ 4 แสนคนที่เข้าไปเล่นทายพนันบอลในการแข่งขันครั้งนี้ ผู้ปกครองและหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถสังเกต
พฤติกรรมบางอย่างของเด็กและเยาวชนได้จากงานวิจัยครั้งนี้คือ การติดตามข้อมูลอัตราต่อรอง การมีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล การเข้าถึงแหล่งทาย
พนันบอลได้ง่าย และการถูกทวงถามหนี้พนันบอล ดังนั้น สิ่งที่ผู้ใหญ่และกลุ่มเพื่อนของเด็กและเยาวชนในสังคมน่าจะช่วยกันรณรงค์คือ การติดตามชมการ
แข่งขันฟุตบอลเชิงสร้างสรรค์และความบันเทิง อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่ายต้องช่วยกันขจัดปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น ลดโอกาสการเข้าถึงแหล่งพนันบอลของเด็ก
และเยาวชน และการตัดวงจรขบวนการทวงหนี้พนันบอล เป็นต้น เพื่อป้องกันมิให้เด็กและเยาวชนที่ตกหลุมพรางของอบายมุขต่างๆ ไปทำลายอนาคตของ
ตนเองและความปกติสุขของสังคม
รายละเอียดงานวิจัย
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1. เพื่อสำรวจพฤติกรรมติดตามข่าวสารการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2008
2. เพื่อสำรวจความนิยมชอบนักฟุตบอลทีมชาติต่างๆ
3. เพื่อประมาณการจำนวนคนเล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัด
4. เพื่อทดสอบค่าสถิติวิจัยค้นหาปัจจัยเสี่ยง
5. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่อง ผลประมาณการจำนวนคนที่ตั้งใจเล่นทายพนันบอลและ
วงเงินสะพัดช่วงบอลยูโร 2008 กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนอายุ 12 — 24 ปีในกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จำนวนทั้งสิ้น 2,910 ตัวอย่าง
ซึ่งมีระยะเวลาการดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 1-14 มิถุนายน พ.ศ.2551 ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้ คือ การวิจัยเชิงสำรวจ
(Survey Research) กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กและเยาวชนอายุ 12 -24 ปีที่พักอาศัยอยู่ใน กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ นนทบุรี
ปทุมธานี เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายขั้น และกำหนดลักษณะของตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้า
หมายจากการทำสำมะโน ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ จำนวน 2,910 ตัวอย่าง ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาด
เคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ แบบสอบถาม วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล คือ การ
สัมภาษณ์ หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล และงบประมาณทั้งสิ้นเป็น
ของมหาวิทยาลัย โดยมีคณะผู้ดำเนินโครงการวิจัยทั้งสิ้น จำนวน 122 คน
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างเด็กและเยาวชนพบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 54.2 ระบุเป็นหญิง
ในขณะที่ร้อยละ 44.8 ระบุเป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.7 ระบุอายุระหว่าง 12-14 ปี
ร้อยละ 21.3 ระบุอายุระหว่าง 15-17 ปี
ร้อยละ 36.0 ระบุอายุระหว่าง 18—20 ปี
และร้อยละ 36.0 ระบุอายุระหว่าง 21—24 ปี
ตัวอย่าง ร้อยละ 26.8 ระบุสำเร็จการศึกษาต่ำกว่ามัธยมตอนต้น
ร้อยละ 30.0 ระบุระดับมัธยมตอนปลายหรือเทียบเท่า
และร้อยละ 11.3 ระบุปวส./อนุปริญญา
ร้อยละ 31.9 ระบุปริญญาตรีขึ้นไป
ร้อยละ 68.3 ระบุอาชีพนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 12.0 ระบุรับจ้างทั่วไป/รับจ้างใช้แรงงาน
ร้อยละ 11.4 ระบุเป็นธุรกิจส่วนตัว/อาชีพอิสระ/ค้าขาย
ร้อยละ 6.6 เป็นพนักงานบริษัทเอกชน/ลูกจ้างเอกชน
ร้อยละ 1.7 ระบุเป็นข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ และ อื่นๆ อาทิ แม่บ้าน เกษตรกร ว่างงาน ตามลำดับ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลผ่านสื่อต่างๆ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ การติดตามข่าวการแข่งขันฟุตบอลผ่านสื่อต่างๆ ค่าร้อยละ
1 โทรทัศน์ 88.7
2 หนังสือพิมพ์ 36.6
3 อินเทอร์เน็ต 28.6
4 วิทยุ 12.8
5 คำบอกเล่า 13.3
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุนักฟุตบอลคนที่ชื่นชอบติดตามในศึกฟุตบอลยูโร 2008
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ นักฟุตบอลคนที่ชื่นชอบในศึกฟุตบอลยูโร 2008 มากที่สุด ค่าร้อยละ
1 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด) 59.9
2 เฟร์นานโด ตอร์เรส (ลิเวอร์พูล) 32.8
3 เธียร์รี่ อองรี (บาร์เซโลน่า) 16.4
4 เดวิส บีญ่า (บาเลนเซีย) 11.5
5 มิชาเอล บัลลัค (เชลซี) 10.1
6 รุด ฟานนิสเตอรอย (เรอัล มาดริด) 9.4
7 เชส ฟาเบรกาส (อาร์เซน่อล) 6.3
8 ปีเตอร์ เช็ก (เชลซี) 6.3
9 นักฟุตบอลคนอื่นๆ อาทิ มิราน บารอส (แอสตัน วิลล่า) ลูก้า โทนี่ (บาเยิร์น มิวนิค)
มิโรสลาฟ โคลเซ่ (เบรเมน) เป็นต้น 55.4
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุอยากให้ทีมฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด
ลำดับที่ ทีมฟุตบอลทีมชาติที่อยากให้ได้แชมป์มากที่สุด ค่าร้อยละ
1 โปรตุเกส 26.3
2 สเปน 21.9
3 เยอรมัน 14.3
4 ฮอลแลนด์ 12.6
5 อิตาลี 10.1
6 ฝรั่งเศส 8.7
7 สาธารณะรัฐเช็ก 1.7
8 อื่นๆ อาทิ กรีซ โครเอเชีย สวีเดน ออสเตรีย เป็นต้น 4.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการนอนพักผ่อนน้อยลงเพราะมีการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่ง
ชาติยุโรป 2008
ลำดับที่ การนอนพักผ่อนน้อยลงเพราะมีการแข่งขัน
ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 2008 ค่าร้อยละ
1 น้อยลง 41.3
2 ไม่น้อยลง 37.0
3 ยังไม่แน่ใจ 21.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อการเล่นทายพนันในสังคมไทย
ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อคำถามเรื่องการเล่นทายพนัน
เป็นเรื่องปกติธรรมดาสำหรับสังคมไทย ค่าร้อยละ
1 เป็นเรื่องปกติธรรมดา 83.8
2 ไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา 16.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประสบการณ์เกี่ยวกับการพนันในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา
ลำดับที่ ประสบการณ์เกี่ยวกับการพนันในรอบ 3 เดือน ร้อยละ
1 มีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอล 77.7
2 ติดตามการวิเคราะห์ อัตราต่อรอง ผลการแข่งขันฟุตบอล 76.6
3 พูดคุยกันเรื่องอัตราต่อรอง ผลการแข่งขันฟุตบอล 71.6
4 เข้าถึงแหล่งเล่นทายพนันบอลได้ง่าย 65.8
5 คุณเคยเล่นทายพนันประเภทอื่นๆ ในช่วง 3 เดือนที่แล้ว 60.0
6 เคยเล่นทายพนันในช่วงที่เป็นตอนเด็กๆ 57.9
7 ติดต่อกับคนที่รับทายพนันบอล 57.1
8 คุณเคยซื้อหวย ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 51.0
9 เข้าไปในแหล่งพนัน บ่อน 46.3
10 เคยถูกตามทวงถามหนี้พนัน 27.0
***ค่าความเสี่ยงหลังทดสอบทางสถิติด้วยค่า Odds Ratio พบประเด็นสำคัญคือ
เมื่อเปรียบเทียบกับเด็กและเยาวชนธรรมดาทั่วไปที่ไม่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยง พบว่า
เด็กและเยาวชนที่ติดตามอัตราต่อรองมีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า
ถ้าเข้าถึงแหล่งทายพนันบอลได้มีโอกาสเล่นทายพนันบอลประมาณ 2 เท่า
ถ้ามีคนใกล้ชิดเล่นทายพนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลด้วยประมาณ 1.5 เท่า
ถ้าถูกตามทวงหนี้พนันบอลมีโอกาสเล่นทายพนันบอลอีกประมาณ 1 เท่า
ตารางที่ 7 แสดงผลประมาณการจำนวนคนที่อายุตั้งแต่ 12 - 24 ปีที่เล่นทายพนันบอลและวงเงินสะพัด
ผลประมาณการ จำนวน ร้อยละ
คนอายุ 12 — 24 ปีเล่นพนันบอลยูโร 2008 ในพื้นที่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล 371,556 18.8
วงเงินพนันบอลยูโร 2008 หมุนเวียนสะพัดรวมทั้งสิ้น 924,059,772 บาท -
หมายเหตุ จำนวนกลุ่มเป้าหมายคนอายุ 12 -24 ปีขึ้นไปมีทั้งสิ้น 1,976,362 คน
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ กลุ่มคนที่จะเล่นทายพนันผลการแข่งขันฟุตบอลด้วย
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ กลุ่มคนที่จะเล่นทายพนันด้วย ค่าร้อยละ
1 โต๊ะบอล 44.5
2 เพื่อนในสถาบันการศึกษา 37.5
3 คนในครอบครัว 20.4
4 ญาติ / พี่น้อง 18.3
5 เพื่อนต่างสถาบัน 18.1
6 เล่นกับคนอื่นทางอินเทอร์เน็ต 4.7
7 อื่นๆ อาทิ เพื่อนที่ทำงานชวน เป็นต้น 5.5
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสาเหตุที่ทำให้คนเล่นทายพนันบอลกัน (ตอบได้ มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สาเหตุที่ทำให้คนเล่นทายพนันบอลกัน ค่าร้อยละ
1 อยากรวยทางลัด 66.7
2 ได้ลุ้น ตื่นเต้น 64.3
3 ตามเพื่อนและคนรู้จัก 12.3
4 ติดการพนัน 4.3
5 สาเหตุอื่นๆ อาทิ ความจน ไม่มีเงินใช้ และสื่อมวลชน เป็นต้น 9.1
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ปัญหาที่เคยประสบจากการเล่นทายพนันบอล
(เฉพาะกลุ่มตัวอย่างที่มีปัญหา)
ลำดับที่ ปัญหาที่เคยประสบจากการเล่นทายพนันบอล ค่าร้อยละ
1 หมดตัวเป็นหนี้ หมุนเงินไม่ทัน 79.7
2 หมกมุ่น เครียด เสียอนาคต 16.8
3 อื่นๆ อาทิ โดนจับเข้าคุก สัมพันธภาพต่อคนรอบข้างไม่ดี / ครอบครัวเดือดร้อน เป็นต้น 15.9
ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อการเข้มงวดกวดขันของเจ้าหน้าที่ตำรวจทำให้คนที่เคย
เล่นพนันบอลเลิกเล่นหรือไม่
ลำดับที่ ความคิดเห็นของตัวอย่าง ค่าร้อยละ
1 มีผล 34.8
2 ไม่มีผล 65.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--
-พห-