ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง ความในใจของเด็กวันเด็ก ต่อ ผู้ใหญ่ในสังคม ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง : กรณีศึกษาเด็กตัวอย่าง อายุ 10 -15 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,157 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 7 - 9 มกราคม 2552 ผลสำรวจที่ค้นพบคือ เด็กๆ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.9 ระบุลักษณะชุมชนที่ตนเองพัก อาศัยอยู่มีการช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี ในขณะที่ร้อยละ 14.1 ระบุ ต่างคนต่างอยู่
เมื่อถามถึงสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็กจาก นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 39.0 อยากได้ คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น รองลงมาหรือร้อยละ 26.9 อยากได้ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การเรียน หนังสือ ในขณะที่ร้อยละ 22.2 อยากให้ดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวาย สามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่มีการประท้วง และอันดับรองๆ ลงไปคือ พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ดีขึ้น สินค้าราคาถูก อยากให้นายกรัฐมนตรีเป็นคนซื่อสัตย์ จงรักภักดี รับใช้ประชาชน ส่งเสริมด้านกีฬา รักเอาใจใส่ดูแล เด็กและเยาวชน สร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ให้เด็กมีสิทธิมีเสียงในสังคม และช่วยลดค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นของขวัญวันเด็กปีนี้
เมื่อถามถึง สิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็กจากผู้ที่จะมาเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คนใหม่ พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 31.2 อยากได้ คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น รองลงมาคือร้อยละ 23.6 อยากได้ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การ เรียน หนังสือ ในขณะที่ร้อยละ 15.0 ระบุอยากให้พัฒนากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ ร้อยละ 9.4 อยากให้ผู้ว่าฯ ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความสุข และ รองๆ ลงไปคือ สร้างสิ่งต่างๆ ให้คนกรุงเทพมหานคร มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เช่น สวนสาธารณะ ทางม้าลาย อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. เป็นคนซื่อสัตย์สุจริต อยากให้มีความสามัคคีกัน อยากให้บ้านเมืองสะอาด รถไม่ติด และอยากให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภค ตามลำดับ
เมื่อถามสิ่งที่อยากได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังชุมนุมประท้วงทางการเมืองตามที่ต่างๆ ของประเทศขณะนี้ พบว่า ส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 60.0 อยากให้เลิกชุมนุมประท้วง อยู่ในความสงบ รองลงมาคือ ร้อยละ 37.2 อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน ในขณะที่ร้อย ละ 15.8 อยากให้ผู้ใหญ่ที่ขัดแย้งกันหันมาบริจาคสิ่งของให้เด็กๆ เช่น อุปกรณ์กีฬา ของเล่น อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น
ที่น่าพิจารณาคือ สิ่งที่เด็กๆ อยากให้ผู้ใหญ่ในสังคมแสดงการกระทำ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในปี พ.ศ. 2552 นี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.0 อยากให้แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน รองลงมาคือ ร้อยละ 89.1 อยากให้รักและสามัคคีต่อกัน ไม่แตกแยก เลิกทะเลาะกัน ร้อยละ 72.5 อยากให้เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง ร้อยละ 71.8 อยากให้ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน ในขณะที่ ร้อยละ 70.4 อยากให้แสดงความกตัญญู รู้คุณต่อประเทศ ชาติโดยส่วนรวม
นอกจากนี้ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้เป็นของขวัญจากคนในครอบครัวเดียวกัน พบว่า ร้อยละ 42.4 อยากได้ความรัก ความอบอุ่น การดูแล เอาใจใส่ กำลังใจและช่วยเหลือกันในครอบครัว ไม่ทะเลาะกัน รองลงมาคือ ร้อยละ 35.5 อยากได้สิ่งของต่างๆ จากพ่อแม่ เช่น เงิน ของเล่น อุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ ในขณะที่ รองๆ ลงไป คือ อยากให้ทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้าเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันเช่น ไปเที่ยว ทานอาหาร และอยากให้ครอบครัวมีความสุข มีสิ่งดีๆ เข้ามาในครอบครัว อยากให้พ่อแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่แยกทางกัน อยากให้สมาชิกในครอบครัวเลิกดื่มเหล้า เลิกสูบบุหรี่ เลิกยาเสพติด และเลิกอบายมุข เป็นต้น
ผ.อ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า เด็กๆ ยังรู้สึกว่าชุมชนที่ตนเองอาศัยอยู่มีความช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี แต่สิ่งที่อยาก วอนขอจากผู้ใหญ่บางกลุ่มบางคนที่กำลังมีความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงขณะนี้ คือ อยากให้อยู่ในความสงบ อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะ กัน หันมาดูแลเอาใจใส่เด็กๆ มากขึ้น อยากทำลายบรรยากาศการช่วยเหลือเกื้อกูลกันของสังคมไทย และยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ อยากเห็นผู้ใหญ่กระทำตัว เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่อง ความจงรักภักดีต่อสถาบัน รักและสามัคคีต่อกัน เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน และแสดงความกตัญญู รู้คุณ ต่อประเทศชาติโดยส่วนรวม ซึ่งความรู้สึกนึกคิดของเด็กๆ เหล่านี้ กลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังแบ่งขั้วแยกข้างในขณะนี้น่าจะนำไปพินิจวิเคราะห์ให้ดีถึงผลกรรมที่ตน เองกำลังกระทำอยู่เวลานี้ว่า อาจทำลายบรรยากาศ ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมไทยเสียไป จนกลายเป็นตัวอย่างให้เด็กๆ ลอกเลียนแบบ พฤติกรรมใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา ไม่หลงเหลือความเอื้ออาทร และไมตรีจิตต่อกัน ผลที่ตามมาคือ เด็กๆ คงจะไม่รู้สึกอีกต่อไปว่าชุมชนที่ตนเองพักอาศัย อยู่มีความช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน และจะเป็นอันตรายต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชนผู้บริสุทธิ์ ที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับเกมการเมืองที่กำลัง แย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์ของกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ในเวลานี้
รายละเอียดงานวิจัย
1. เพื่อสำรวจความต้องการของเด็กๆ ต่อสิ่งต่างๆ ที่อยากได้ในวันเด็กปีนี้
2. เพื่อสำรวจความคิดเห็นและความรู้สึกของเด็กต่อสถานการณ์การเมืองของประเทศ
3. เพื่อสำรวจความคิดเห็นของเด็กต่อผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่
4. เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจศึกษาในเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งต่อไป
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ในครั้งนี้เรื่อง ความในใจของเด็กวันเด็ก ต่อผู้ใหญ่ในสังคม ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง : กรณีศึกษาเด็กตัวอย่าง อายุ 10 -15 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวนทั้งสิ้น 1,157 ตัวอย่าง ดำเนิน โครงการระหว่างวันที่ 7 — 9 มกราคม 2552ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research) กลุ่มประชากรเป้า หมาย คือ เด็กและเยาวชนที่มีอายุ 10 — 15 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และกำหนดลักษณะของ ตัวอย่างให้สอดคล้องกับประชากรเป้าหมายจากการทำสำมะโน ช่วงความเชื่อมั่นอยู่ในระดับ ร้อยละ 95 ขณะที่ขอบเขตความคลาดเคลื่อนจากการ กำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/- ร้อยละ 5 เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์ หลัง จากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูลและงบประมาณเป็นของมหาวิทยาลัย โดยมีคณะผู้ ดำเนินโครงการวิจัยทั้งสิ้น 68 คน
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 49.8 ระบุเป็นชาย
ในขณะที่ร้อยละ 50.2 ระบุเป็นหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 3.7 ระบุอายุ 10 ปี
ร้อยละ 16.1 ระบุอายุ 11 ปี
ร้อยละ 22.1 ระบุอายุ 12 ปี
ร้อยละ 23.6 ระบุอายุ 13 ปี
ร้อยละ 21.1 ระบุอายุ 14 ปี
และร้อยละ 13.4 ระบุอายุ 15 ปี
ตัวอย่าง ร้อยละ 39.0 ระบุกำลังศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา
และร้อยละ 61.0 ระบุกำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษา
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ลำดับที่ ลักษณะชุมชนที่ตนเองพักอาศัยอยู่ ร้อยละ 1 ช่วยเหลือเกื้อกูลกันดี 85.9 2 ต่างคนต่างอยู่ 14.1 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 2 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 1 คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น 39.0 2 ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การเรียน หนังสือ 26.9 3 ดูแลบ้านเมืองให้สงบสุข ไม่วุ่นวาย มีความสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน ไม่มีการประท้วง 22.2 4 พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น สินคามีราคาถูก คนมีรายได้เพิ่มขึ้น มีเงินทุนเก็บออม 9.3 5 อยากให้นายกฯ เป็นคนซื่อสัตย์ จงรักภักดี รับใช้ประชาชน 6.4 6 ส่งเสริมด้านการกีฬาให้มากขึ้น เช่น มีสนามกีฬา สระว่ายน้ำสำหรับโรงเรียนต่างๆ 5.5 7 รักเอาใจใส่ดูแลเด็กและเยาวชนมากขึ้น 5.2 8 สร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น สวนสาธารณะ สถานีรถไฟฟ้า 4.7 9 ให้เด็กมีสิทธิ์มีเสียงในสังคม จัดกิจกรรมสำหรับเด็ก 3.8 10 ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร ค่ารักษาพยาบาล 3.3 ตารางที่ 3 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จาก ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนใหม่ ร้อยละ 1 คอมพิวเตอร์ บ้าน รถ ที่ดิน มือถือ ขอเงินใช้ ของเล่น เป็นต้น 31.2 2 ทุนการศึกษา เรียนฟรี อุปกรณ์การเรียน หนังสือ 23.6 3 อยากให้พัฒนากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่าอยู่ 15.0 4 อยากให้ผู้ว่าฯ ทำให้คนกรุงเทพฯ มีความสุข 9.4 5 สร้างสิ่งต่างๆ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น สวนสาธารณะ ทางม้าลาย 9.1 6 อยากให้ผู้ว่าฯ เป็นคนซื่อสัตย์ ไม่โกงกิน รับใช้ประชาชน 8.5 7 อยากให้มีความสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะกัน 5.6 8 อยากให้บ้านเมืองสะอาด รถไม่ติด เป็นเมืองสีเขียว 4.9 9 อยากให้ช่วยแก้ปัญหาการจราจร 4.3 10 ลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสาร ค่ารักษาพยาบาล 3.0 ตารางที่ 4 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังชุมนุม ประท้วงทางการเมือง
ตามที่ต่างๆ ของประเทศขณะนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังชุมนุม ร้อยละ
ประท้วงทางการเมืองตามที่ต่างๆ ของประเทศขณะนี้
1 อยากให้เลิกชุมนุมประท้วง อยู่ในความสงบ 60.0 2 อยากให้รักและสามัคคีกัน เลิกทะเลาะกัน ไม่เห็นแก่ตัว 37.2 3 อยากให้มาบริจาคสิ่งของให้เด็กๆ เช่น อุปกรณ์กีฬา ของเล่น อุปกรณ์การเรียน เป็นต้น 15.8 4 อยากให้ใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ในการแก้ปัญหา ยอมรับซึ่งกันและกัน 7.2 5 อยากให้ชุมนุมอย่างสงบ ไม่ทำร้ายผู้อื่น มีสติ ไม่ใช้ความรุนแรงในการชุมนุม 5.4 6 อื่นๆ ระบุ อยากให้รักครอบครัว ไปใช้เวลาร่วมกับครอบครัว เช่น ไปเที่ยว ทานข้าว ดูหนัง
เป็นแบบอย่างที่ดีต่อเด็กและเยาวชน และจัดกิจกรรมเพื่อความบันเทิงมากกว่าชุมนุมประท้วง 2.3
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่อยากให้ผู้ใหญ่ในสังคมไทยทำเพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในปี พ.ศ. 2552 ร้อยละ 1 แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบัน 91.0 2 รักและสามัคคีต่อกันไม่แตกแยก เลิกทะเลาะกัน 89.1 3 เคารพต่อกฎหมายบ้านเมือง 72.5 4 ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อกัน 71.8 5 แสดงความกตัญญู รู้คุณต่อประเทศชาติ โดยส่วนรวม 70.4 6 อื่นๆ ใช้เหตุใช้ผล ใช้สติสัมปะชัญญะ ไม่ใช้ความรุนแรง เป็นต้น 13.2 ตารางที่ 6 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากคนในครอบครัวเดียวกัน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ลำดับที่ สิ่งที่อยากจะได้เป็นของขวัญวันเด็ก จากคนในครอบครัวเดียวกัน ร้อยละ 1 อยากได้ความรักความอบอุ่น การดูแลเอาใจใส่ กำลังใจ และช่วยเหลือกันในครอบครัว ไม่ทะเลาะกัน 42.4 2 อยากได้สิ่งของต่างๆ จากพ่อแม่ เช่น เงิน ของเล่น อุปกรณ์การเรียน คอมพิวเตอร์ ฯลฯ 35.5 3 อยากให้ทุกคนในครอบครัวอยู่พร้อมหน้าเพื่อใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ไปเที่ยว ทานอาหาร ฯลฯ 15.0 4 อยากให้ครอบครัวมีความสุข มีสิ่งดีๆ เข้ามาในครอบครัว 13.7 5 อยากให้พ่อแม่กลับมาอยู่ด้วยกัน ไม่แยกทางกัน ครอบครัวไม่แตกแยก 5.5 6 อยากให้สมาชิกในครอบครัวเลิกดื่มเหล้าเบียร์ สูบบุหรี่ เสพยาเสพติด ลด ละ เลิกอบายมุขต่างๆ 4.2 7 อื่นๆ เช่น อยากให้ครอบครัวให้อิสระแก่ลูกหลานในการดำเนินชีวิตอย่างเหมาะสม / อยากให้ครอบครัวสนับสนุนด้านการศึกษา การเรียนพิเศษ ให้ความรู้ สอนการบ้านการเรือน 2.1 --เอแบคโพลล์-- -พห-