แท็ก
เอแบคโพลล์
โพลล์สำรวจพบคนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล เล่นทายพนันบอลเพิ่มกว่าล้านคนในช่วงแรก วงเงินจะเล่นถึงกว่าสามพันล้านแต่จะจ่าย
จริงแค่พันกว่าล้านที่เหลือกลายเป็นหนี้พนันและการตามทวงหนี้ ขณะที่การเล่นหวยเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ส่วนใหญ่ถูกกินมากกว่าถูกหวย แนะรัฐบาลชูนโยบาย
เมืองไทยใสสะอาด ขจัดแหล่งเพาะเชื้อพนันทบทวนการมีอยู่ของสลากกินแบ่งรัฐบาล ประชาชนควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงทำงานหนักเลิกฝันเลื่อนลอย
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลวิจัยสะท้อนความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทาย
พนันบอลและเล่นหวยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า ผลสำรวจล่าสุดระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า จำนวนคนเล่นทายพนันบอล
เพิ่มสูงขึ้นจาก 8.5 แสนคน ถึงกว่า 1 ล้านคนในช่วงแรกของการแข่งขัน โดยมีวงเงินที่สะพัดคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นเช่นกันจาก กว่า 2 พันล้านบาท เป็น
3 พันกว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่เล่นทายพนันบอลจะมีการคดโกงไม่ยอมจ่ายกันประมาณร้อยละ 60 ของวงเงินพนัน ดังนั้น วงเงินที่จะหมุน
เวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลประมาณกว่า 1 พันล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือก็จะกลายเป็นสภาพการหนีหนี้และตามทวงหนี้ของคนในสังคมและปัญหา
อื่นๆ จะตามมาอย่างแน่นอน เช่น ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป ปัญหาความแตกแยกของคนในครอบครัว ปัญหาการขาย
บริการทางเพศในกลุ่มเด็กและเยาวชน และปัญหาความเสื่อมทางจริยธรรมของคนในสังคม
สำหรับสถานการณ์เล่นหวยของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า มีประชาชนเล่นหวยใต้ดินหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.8 ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 67.4 หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ของประชาชนทั้งหมดที่ถูกศึกษาโดยให้เหตุผล
ว่ามีความหวังว่าตนเองจะโชคดี เพราะได้เลขเด็ดมา และเพราะฝันเห็นเหตุการณ์ที่น่าจะตีออกมาเป็นตัวเลขที่น่าจะเป็นเลขออกรางวัล เมื่อสอบถาม
ถึงประวัติการเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 35.8 เล่นมากกว่า 100 ครั้งตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ร้อยละ 42.6 เล่น
ระหว่าง 51 — 100 ครั้ง และร้อยละ 21.6 เล่นไม่เกิน 50 ครั้งตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์การถูกรางวัลที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.4 ระบุว่าไม่เคยถูกรางวัลเลยตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 37.8 ระบุเคยถูก
1 — 2 ครั้งเท่านั้น ร้อยละ 5.2 เคยถูก 3 — 5 ครั้ง ร้อยละ 2.7 เคยถูกมากกว่า 5 ครั้งแต่ไม่เกิน 10 ครั้ง และร้อยละ 0.9 เท่านั้นที่เคยถูก
มากกว่า 10 ครั้งขึ้นไป
เมื่อสอบถามถึงประเภทของรางวัลที่เคยถูกตอบได้มากกว่า 1 ประเภท พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.9 ของคนที่เคยถูกรางวัลระบุเคย
ถูกแค่รางวัลเลขท้ายสองตัวหรือสามตัวเท่านั้น ในขณะที่เพียงร้อยละ 3.1 ระบุว่าเคยถูกรางวัลใหญ่นอกเหนือไปจากรางวัลเลขท้ายสองตัวและเลขท้าย
สามตัว
ดร.นพดล กล่าวว่า นี่คือสภาพปัญหาการเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยของคนไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สาเหตุสำคัญของ
ปัญหามีอย่างน้อยสามประการคือ
ประการแรกคือ ประชาชนทั่วไปจำนวนมากในสังคมยังอ่อนแอด้านจริยธรรมและคุณธรรมมากเกินกว่าจะมีพลังปฏิเสธสิ่งยั่วยุด้านอบายมุข
ประการที่สองคือ ระบบและกลไกป้องกันปราบปรามการเล่นทายพนันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตามไม่ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
สื่อสารที่ทันสมัยของเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ประการที่สามคือ การถ่ายทอดสดทุกนัดการแข่งขันและการวิเคราะห์อัตราต่อรองของสื่อมวลชนกลายเป็นสิ่งยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมาก
หมกมุ่นกับการเล่นทายพนันมากกว่าการชมเพื่อความบันเทิงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมกับคนใกล้ชิดและผู้อื่น
แนวทางแก้ไขระยะสั้นคือ
1) บิดามารดา ผู้ปกครอง คนรักใกล้ชิดต้องคอยห้ามปรามตักเตือนให้คนที่มีพฤติการณ์อาจเล่นทายพนันบอลรู้จักยับยั้งชั่งใจไม่เล่นทายพนัน
และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมากับความอยู่เย็นเป็นสุขของคนรักใกล้ชิด
2) ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐต้องเร่งตรวจสอบจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองก่อนเพราะกลุ่มนักพนันยืนยันชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่
ของรัฐระดับสูงเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยอย่างน้อยร้อยละ 10 ของวงเงินสดหมุนเวียนแต่ละนัด
3) เจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันทำลายเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งในประเทศและจุดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
4) กลุ่มนายทุนที่สนับสนุนการถ่ายทอดสดควรมีข้อความเตือนผู้ชมให้ยับยั้งชั่งใจและปฏิเสธการเล่นทายพนันบอล
สำหรับแนวทางแก้ไขระยะยาวคือ
1) กระทรวงศึกษาธิการควรปลูกฝังจิตสำนึกและชักนำให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการปฏิเสธการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ โดยเริ่ม
จากการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ สร้างความตระหนักด้วยจิตสำนึก และทำให้เห็นว่า ปัญหาการเล่นทายพนันทำลายความสุขของชีวิตประจำวัน
อย่างไร จากนั้นดึงเด็กและเยาวชนเข้ามีส่วนร่วมต่อต้านการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ
2) รัฐบาลควรมีนโยบายประเทศไทยใสสะอาดอย่างแท้จริง ยกเลิกการแสวงหาเงินจากการกระตุ้นให้ประชาชนเล่นทายพนันทุก
ประเภท เพราะรัฐบาลคงต้องยอมรับว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาล้มเหลวในการกวาดล้างการเล่นพนันของประชาชนในทุกพื้นที่ จึงเสนอให้รัฐบาลทบทวน
ว่า กองสลากกินแบ่งรัฐบาลทำให้ประชาชนหลงใหลมัวเมากับการเล่นหวยเล่นพนันหรือไม่ กองสลากควรทำกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนใช้ชีวิตตามหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง แต่ถ้าเพิ่มการจัดเก็บภาษีภาคธุรกิจชดเชยรายได้จากกองสลากแล้วทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นภาคธุรกิจก็คงยอมให้ความร่วมมือซื้อความ
น่าอยู่ให้กับคนไทยทุกคนในสังคม
3) สร้างจิตสำนึกและเปิดช่องทางให้ประชาชนนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการส่งเสริมในนโยบายสาธารณะ
ให้ประชาชนประกอบอาชีพด้วยความอุตสาหะ ความเพียร เก็บออม ไม่ประมาทในการใช้เงินและไม่ใช้จ่ายเงินบนความเสี่ยงสูงที่ทำลายภูมิคุ้มกันการอยู่
เย็นเป็นสุข เช่นการเล่นทายพนันทุกประเภท
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า การเล่นทายพนันทุกประเภทย่อมขัดต่อหลักการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพราะ การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
หรือหวย และการเล่นทายพนันบอลเป็นการใช้จ่ายเงินที่อยู่บนพื้นฐานความเสี่ยงที่สูงว่าจะเสียเงินมากกว่าได้เงินตามหลักความน่าจะเป็นทางสถิติ หรือ
ถึงแม้ว่าได้เงินเล่นทายพนันหรือเล่นหวยมาก็ไม่ใช่ว่าจะได้ความสุขอย่างยั่งยืน ดังคำสอนที่ว่า “การพนันขันต่อมีแต่ทุกข์ถึงได้เสียไม่มีสุข” ประชาชนจึง
ควรรู้จักยับยั้งชั่งใจในช่วงที่มีกระแสยั่วยุให้หลงใหลในอบายมุขขณะนี้
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในครั้งนี้เรื่อง “ความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทายพนันบอล
และเล่นหวยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล: สภาพปัญหา สาเหตุ และแนวทางแก้ไข” ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 — 16 มิถุนายน 2549
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น
6,081,390 คน
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (stratified cluster sampling) และใช้วิธีการสุ่มที่คำนึงถึง
สัดส่วนที่แท้จริงของประชากร (Probability Proportionate to Size Sampling) จากนั้นเข้าถึงตัวอย่างที่ระดับครัวเรือนตามคุณลักษณะและ
สัดส่วนที่กำหนด
ขนาดตัวอย่าง 1,463 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 และความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/-ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล และงบประมาณที่ใช้เป็น
ของมหาวิทยาลัย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทำให้ทราบถึงความสนใจของคนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลต่อการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 และการเล่นหวยใต้ดิน หรือซื้อสลาก
กินแบ่งรัฐบาล
2. เพื่อศึกษาถึงความคืบหน้าสถานการณ์ของการเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 และเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
3. เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจของบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการใด ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการ
เล่นพนันทายผลฟุตบอลและการเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
4. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาของผู้ที่สนใจต่อไป
ข้อมูลทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างที่เป็นประชาชนทั่วไป พบว่าร้อยละ 51.7 เป็นหญิง และ ร้อยละ 48.3 เป็นชาย โดยเก็บ
รวบรวมข้อมูลจากทุกสาขาอาชีพ ทุกระดับการศึกษา อายุ 13 ปีขึ้นไป
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบปรากฎในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง ที่ระบุความสนใจติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006
ลำดับที่ ความตั้งใจติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ร้อยละ
1 สนใจติดตามชม 64.7
2 ไม่ติดตามชม 8.2
3 ยังไม่แน่ใจ 27.1
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงการเปรียบเทียบผลประมาณการจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 และวงเงินหมุนเวียน
ผลประมาณการ เดือนพฤษภาคมจำนวน 10 — 16 มิถุนายนจำนวน
จำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันผลฟุตบอลโลก 2006 850,173 คน 1,383,592 คน
วงเงินที่ตั้งใจจะเล่นทายพนัน 2,137,304,745 บาท 3,207,869,116 บาท
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง ที่ระบุความตั้งใจจะจ่ายในวงเงินที่เสียพนัน
ลำดับที่ ความตั้งใจจะจ่าย ร้อยละ
1 ตั้งใจจะจ่ายครบเต็มจำนวน 5.4
2 ตั้งใจจะจ่ายผ่อนเกินร้อยละ 50 แต่ไม่เต็มจำนวน 21.5
3 ตั้งใจจะจ่ายผ่อนแต่ไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินเสียพนัน 58.3
4 คิดว่าจะไม่จ่าย 14.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงผลการประมาณการจำนวนวงเงินผลทายพนันที่คาดว่าจะจ่ายกันจริง เนื่องจากปัญหาไม่ยอมจ่าย
หรือโกงการเล่นทายพนันบอลและจ่ายไม่ครบ
ผลประมาณการ จำนวน
วงเงินที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอล 3,207,869,116 บาท
วงเงินที่จะหมุนเวียนกันจริง 1,318,744,052 บาท
ตารางที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุเคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือหวยใต้ดินในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
ลำดับที่ ประสบการณ์การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดิน เดือนพฤษภาคมร้อยละ เดือนมิถุนายนร้อยละ
1 เคย 56.8 67.4
2 ไม่เคย 43.2 32.6
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ จำนวนครั้งในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดินตลอด
ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา (ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน)
ลำดับที่ จำนวนครั้งในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดิน ร้อยละ
1 มากกว่า 100 ครั้ง 35.8
2 51 — 100 ครั้ง 42.6
3 ไม่เกิน 50 ครั้ง 21.6
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประสบการณ์การถูกรางวัล (ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน)
ลำดับที่ ประสบการณ์การถูกรางวัลตลอดชีวิตที่ผ่านมา ร้อยละ
1 ไม่เคยถูกเลย 53.4
2 เคยถูก 1-2 ครั้ง 37.8
3 เคยถูก 3 — 5 ครั้ง 5.2
4 เคยถูก 6 — 10 ครั้ง 2.7
5 เคยถูกมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไป 0.9
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประเภทรางวัลที่เคยถูก
(ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ประเภทรางวัลที่เคยถูก ร้อยละ
1 เคยถูกเลขท้ายสองตัว/สามตัว 98.9
2 เคยถูกรางวัลใหญ่มากกว่าเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว 3.1
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-
จริงแค่พันกว่าล้านที่เหลือกลายเป็นหนี้พนันและการตามทวงหนี้ ขณะที่การเล่นหวยเพิ่มขึ้นเช่นกันแต่ส่วนใหญ่ถูกกินมากกว่าถูกหวย แนะรัฐบาลชูนโยบาย
เมืองไทยใสสะอาด ขจัดแหล่งเพาะเชื้อพนันทบทวนการมีอยู่ของสลากกินแบ่งรัฐบาล ประชาชนควรยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงทำงานหนักเลิกฝันเลื่อนลอย
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ กล่าวถึงผลวิจัยสะท้อนความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทาย
พนันบอลและเล่นหวยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า ผลสำรวจล่าสุดระหว่างวันที่ 10-16 มิถุนายนที่ผ่านมา พบว่า จำนวนคนเล่นทายพนันบอล
เพิ่มสูงขึ้นจาก 8.5 แสนคน ถึงกว่า 1 ล้านคนในช่วงแรกของการแข่งขัน โดยมีวงเงินที่สะพัดคาดว่าเพิ่มสูงขึ้นเช่นกันจาก กว่า 2 พันล้านบาท เป็น
3 พันกว่าล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มคนที่เล่นทายพนันบอลจะมีการคดโกงไม่ยอมจ่ายกันประมาณร้อยละ 60 ของวงเงินพนัน ดังนั้น วงเงินที่จะหมุน
เวียนจริงสำหรับการเล่นทายพนันบอลประมาณกว่า 1 พันล้านบาทเท่านั้น ที่เหลือก็จะกลายเป็นสภาพการหนีหนี้และตามทวงหนี้ของคนในสังคมและปัญหา
อื่นๆ จะตามมาอย่างแน่นอน เช่น ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนทั่วไป ปัญหาความแตกแยกของคนในครอบครัว ปัญหาการขาย
บริการทางเพศในกลุ่มเด็กและเยาวชน และปัญหาความเสื่อมทางจริยธรรมของคนในสังคม
สำหรับสถานการณ์เล่นหวยของประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบว่า มีประชาชนเล่นหวยใต้ดินหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 56.8 ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม ขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 67.4 หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 10 ของประชาชนทั้งหมดที่ถูกศึกษาโดยให้เหตุผล
ว่ามีความหวังว่าตนเองจะโชคดี เพราะได้เลขเด็ดมา และเพราะฝันเห็นเหตุการณ์ที่น่าจะตีออกมาเป็นตัวเลขที่น่าจะเป็นเลขออกรางวัล เมื่อสอบถาม
ถึงประวัติการเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล พบว่า ร้อยละ 35.8 เล่นมากกว่า 100 ครั้งตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ร้อยละ 42.6 เล่น
ระหว่าง 51 — 100 ครั้ง และร้อยละ 21.6 เล่นไม่เกิน 50 ครั้งตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา เมื่อสอบถามถึงประสบการณ์การถูกรางวัลที่ผ่านมา
ผลสำรวจพบว่า เกินกว่าครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 53.4 ระบุว่าไม่เคยถูกรางวัลเลยตลอดประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 37.8 ระบุเคยถูก
1 — 2 ครั้งเท่านั้น ร้อยละ 5.2 เคยถูก 3 — 5 ครั้ง ร้อยละ 2.7 เคยถูกมากกว่า 5 ครั้งแต่ไม่เกิน 10 ครั้ง และร้อยละ 0.9 เท่านั้นที่เคยถูก
มากกว่า 10 ครั้งขึ้นไป
เมื่อสอบถามถึงประเภทของรางวัลที่เคยถูกตอบได้มากกว่า 1 ประเภท พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 98.9 ของคนที่เคยถูกรางวัลระบุเคย
ถูกแค่รางวัลเลขท้ายสองตัวหรือสามตัวเท่านั้น ในขณะที่เพียงร้อยละ 3.1 ระบุว่าเคยถูกรางวัลใหญ่นอกเหนือไปจากรางวัลเลขท้ายสองตัวและเลขท้าย
สามตัว
ดร.นพดล กล่าวว่า นี่คือสภาพปัญหาการเล่นทายพนันบอลและเล่นหวยของคนไทยในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล สาเหตุสำคัญของ
ปัญหามีอย่างน้อยสามประการคือ
ประการแรกคือ ประชาชนทั่วไปจำนวนมากในสังคมยังอ่อนแอด้านจริยธรรมและคุณธรรมมากเกินกว่าจะมีพลังปฏิเสธสิ่งยั่วยุด้านอบายมุข
ประการที่สองคือ ระบบและกลไกป้องกันปราบปรามการเล่นทายพนันยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ตามไม่ทันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
สื่อสารที่ทันสมัยของเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ประการที่สามคือ การถ่ายทอดสดทุกนัดการแข่งขันและการวิเคราะห์อัตราต่อรองของสื่อมวลชนกลายเป็นสิ่งยั่วยุให้ประชาชนจำนวนมาก
หมกมุ่นกับการเล่นทายพนันมากกว่าการชมเพื่อความบันเทิงและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีทางสังคมกับคนใกล้ชิดและผู้อื่น
แนวทางแก้ไขระยะสั้นคือ
1) บิดามารดา ผู้ปกครอง คนรักใกล้ชิดต้องคอยห้ามปรามตักเตือนให้คนที่มีพฤติการณ์อาจเล่นทายพนันบอลรู้จักยับยั้งชั่งใจไม่เล่นทายพนัน
และตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมากับความอยู่เย็นเป็นสุขของคนรักใกล้ชิด
2) ผู้บังคับบัญชาหน่วยงานของรัฐต้องเร่งตรวจสอบจับกุมเจ้าหน้าที่ของรัฐด้วยกันเองก่อนเพราะกลุ่มนักพนันยืนยันชัดเจนว่ามีเจ้าหน้าที่
ของรัฐระดับสูงเข้าไปแสวงหาผลประโยชน์ด้วยอย่างน้อยร้อยละ 10 ของวงเงินสดหมุนเวียนแต่ละนัด
3) เจ้าหน้าที่รัฐต้องช่วยกันทำลายเครือข่ายการเล่นทายพนันทั้งในประเทศและจุดเชื่อมโยงกับต่างประเทศ
4) กลุ่มนายทุนที่สนับสนุนการถ่ายทอดสดควรมีข้อความเตือนผู้ชมให้ยับยั้งชั่งใจและปฏิเสธการเล่นทายพนันบอล
สำหรับแนวทางแก้ไขระยะยาวคือ
1) กระทรวงศึกษาธิการควรปลูกฝังจิตสำนึกและชักนำให้เด็กและเยาวชนมีส่วนร่วมในการปฏิเสธการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ โดยเริ่ม
จากการสร้างการรับรู้ สร้างความเข้าใจ สร้างความตระหนักด้วยจิตสำนึก และทำให้เห็นว่า ปัญหาการเล่นทายพนันทำลายความสุขของชีวิตประจำวัน
อย่างไร จากนั้นดึงเด็กและเยาวชนเข้ามีส่วนร่วมต่อต้านการเล่นทายพนันทุกรูปแบบ
2) รัฐบาลควรมีนโยบายประเทศไทยใสสะอาดอย่างแท้จริง ยกเลิกการแสวงหาเงินจากการกระตุ้นให้ประชาชนเล่นทายพนันทุก
ประเภท เพราะรัฐบาลคงต้องยอมรับว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาล้มเหลวในการกวาดล้างการเล่นพนันของประชาชนในทุกพื้นที่ จึงเสนอให้รัฐบาลทบทวน
ว่า กองสลากกินแบ่งรัฐบาลทำให้ประชาชนหลงใหลมัวเมากับการเล่นหวยเล่นพนันหรือไม่ กองสลากควรทำกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนใช้ชีวิตตามหลัก
เศรษฐกิจพอเพียง แต่ถ้าเพิ่มการจัดเก็บภาษีภาคธุรกิจชดเชยรายได้จากกองสลากแล้วทำให้สังคมไทยน่าอยู่ขึ้นภาคธุรกิจก็คงยอมให้ความร่วมมือซื้อความ
น่าอยู่ให้กับคนไทยทุกคนในสังคม
3) สร้างจิตสำนึกและเปิดช่องทางให้ประชาชนนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในชีวิตอย่างแท้จริง ด้วยการส่งเสริมในนโยบายสาธารณะ
ให้ประชาชนประกอบอาชีพด้วยความอุตสาหะ ความเพียร เก็บออม ไม่ประมาทในการใช้เงินและไม่ใช้จ่ายเงินบนความเสี่ยงสูงที่ทำลายภูมิคุ้มกันการอยู่
เย็นเป็นสุข เช่นการเล่นทายพนันทุกประเภท
ดร.นพดล กล่าวต่อว่า การเล่นทายพนันทุกประเภทย่อมขัดต่อหลักการใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง เพราะ การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
หรือหวย และการเล่นทายพนันบอลเป็นการใช้จ่ายเงินที่อยู่บนพื้นฐานความเสี่ยงที่สูงว่าจะเสียเงินมากกว่าได้เงินตามหลักความน่าจะเป็นทางสถิติ หรือ
ถึงแม้ว่าได้เงินเล่นทายพนันหรือเล่นหวยมาก็ไม่ใช่ว่าจะได้ความสุขอย่างยั่งยืน ดังคำสอนที่ว่า “การพนันขันต่อมีแต่ทุกข์ถึงได้เสียไม่มีสุข” ประชาชนจึง
ควรรู้จักยับยั้งชั่งใจในช่วงที่มีกระแสยั่วยุให้หลงใหลในอบายมุขขณะนี้
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญในครั้งนี้เรื่อง “ความคืบหน้าสถานการณ์การเล่นทายพนันบอล
และเล่นหวยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล: สภาพปัญหา สาเหตุ และแนวทางแก้ไข” ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 10 — 16 มิถุนายน 2549
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ กลุ่มประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 13 ปีขึ้นไปในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลจำนวนทั้งสิ้น
6,081,390 คน
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่าง ใช้การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (stratified cluster sampling) และใช้วิธีการสุ่มที่คำนึงถึง
สัดส่วนที่แท้จริงของประชากร (Probability Proportionate to Size Sampling) จากนั้นเข้าถึงตัวอย่างที่ระดับครัวเรือนตามคุณลักษณะและ
สัดส่วนที่กำหนด
ขนาดตัวอย่าง 1,463 ตัวอย่าง
ช่วงความเชื่อมั่นที่ร้อยละ 95 และความคลาดเคลื่อนจากการกำหนดขนาดตัวอย่างอยู่ที่ +/-ร้อยละ 5
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล และงบประมาณที่ใช้เป็น
ของมหาวิทยาลัย
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
1. ทำให้ทราบถึงความสนใจของคนกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลต่อการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 และการเล่นหวยใต้ดิน หรือซื้อสลาก
กินแบ่งรัฐบาล
2. เพื่อศึกษาถึงความคืบหน้าสถานการณ์ของการเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 และเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
3. เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตัดสินใจของบุคคล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการใด ๆ ในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการ
เล่นพนันทายผลฟุตบอลและการเล่นหวยหรือซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล
4. เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการศึกษาของผู้ที่สนใจต่อไป
ข้อมูลทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างที่เป็นประชาชนทั่วไป พบว่าร้อยละ 51.7 เป็นหญิง และ ร้อยละ 48.3 เป็นชาย โดยเก็บ
รวบรวมข้อมูลจากทุกสาขาอาชีพ ทุกระดับการศึกษา อายุ 13 ปีขึ้นไป
ประเด็นสำคัญที่ค้นพบปรากฎในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง ที่ระบุความสนใจติดตามชมการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006
ลำดับที่ ความตั้งใจติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก ร้อยละ
1 สนใจติดตามชม 64.7
2 ไม่ติดตามชม 8.2
3 ยังไม่แน่ใจ 27.1
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงการเปรียบเทียบผลประมาณการจำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นพนันทายผลฟุตบอลโลก 2006 และวงเงินหมุนเวียน
ผลประมาณการ เดือนพฤษภาคมจำนวน 10 — 16 มิถุนายนจำนวน
จำนวนผู้ที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันผลฟุตบอลโลก 2006 850,173 คน 1,383,592 คน
วงเงินที่ตั้งใจจะเล่นทายพนัน 2,137,304,745 บาท 3,207,869,116 บาท
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่าง ที่ระบุความตั้งใจจะจ่ายในวงเงินที่เสียพนัน
ลำดับที่ ความตั้งใจจะจ่าย ร้อยละ
1 ตั้งใจจะจ่ายครบเต็มจำนวน 5.4
2 ตั้งใจจะจ่ายผ่อนเกินร้อยละ 50 แต่ไม่เต็มจำนวน 21.5
3 ตั้งใจจะจ่ายผ่อนแต่ไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินเสียพนัน 58.3
4 คิดว่าจะไม่จ่าย 14.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงผลการประมาณการจำนวนวงเงินผลทายพนันที่คาดว่าจะจ่ายกันจริง เนื่องจากปัญหาไม่ยอมจ่าย
หรือโกงการเล่นทายพนันบอลและจ่ายไม่ครบ
ผลประมาณการ จำนวน
วงเงินที่ตั้งใจจะเล่นทายพนันบอล 3,207,869,116 บาท
วงเงินที่จะหมุนเวียนกันจริง 1,318,744,052 บาท
ตารางที่ 5 แสดงการเปรียบเทียบค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุเคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลหรือหวยใต้ดินในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
ลำดับที่ ประสบการณ์การซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดิน เดือนพฤษภาคมร้อยละ เดือนมิถุนายนร้อยละ
1 เคย 56.8 67.4
2 ไม่เคย 43.2 32.6
รวมทั้งสิ้น 100.0 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ จำนวนครั้งในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดินตลอด
ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา (ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน)
ลำดับที่ จำนวนครั้งในการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/หวยใต้ดิน ร้อยละ
1 มากกว่า 100 ครั้ง 35.8
2 51 — 100 ครั้ง 42.6
3 ไม่เกิน 50 ครั้ง 21.6
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประสบการณ์การถูกรางวัล (ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน)
ลำดับที่ ประสบการณ์การถูกรางวัลตลอดชีวิตที่ผ่านมา ร้อยละ
1 ไม่เคยถูกเลย 53.4
2 เคยถูก 1-2 ครั้ง 37.8
3 เคยถูก 3 — 5 ครั้ง 5.2
4 เคยถูก 6 — 10 ครั้ง 2.7
5 เคยถูกมากกว่า 10 ครั้งขึ้นไป 0.9
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ประเภทรางวัลที่เคยถูก
(ค่าร้อยละเฉพาะคนที่เคยถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล/เล่นหวยใต้ดิน และตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ประเภทรางวัลที่เคยถูก ร้อยละ
1 เคยถูกเลขท้ายสองตัว/สามตัว 98.9
2 เคยถูกรางวัลใหญ่มากกว่าเลขท้าย 2 ตัวและ 3 ตัว 3.1
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-