ที่มาของโครงการ
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และผู้ใหญ่ในวันนี้ก็คืออนาคตของเด็กในวันหน้าเช่นเดียวกัน เพราะเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมจะถูก
แต่งแต้มเติมสีตามที่ผู้ใหญ่อยากให้เป็นหรือทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เด็กพร้อมจะซึมซับพฤติกรรมตามเบ้าหลอมรอบตัวไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง คุณ
ครู หรือที่เห็นผ่านจอโทรทัศน์อย่างดารา นักร้อง รวมถึงนักการเมือง ดังนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้จึงมีอิทธิพลต่อการกำหนดอนาคตของชาติ ผ่านแนวทางการ
เลี้ยงดูและการเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงถือเอาโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2549 นี้ ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิง
สถิติศาสตร์เพื่อศึกษาทรรศนะของเด็ก ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้าน
ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ นำมาประมวลผลและเรียบเรียงจนมาเป็นรายงานผลการสำรวจ “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน: กรณี
ศึกษาตัวอย่างเด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ฉบับนี้
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1. เพื่อสำรวจความต้องการของเด็กในด้านการสันทนาการและของขวัญในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2549
2. เพื่อสำรวจทัศนคติของเด็กที่มีต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่
3. ผลการศึกษาทำให้เห็นแนวโน้มเชิงพฤติกรรมของเด็ก เป็นนัยหนึ่งที่สะท้อนสภาพสังคม
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่อง “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน : กรณี
ศึกษาตัวอย่างเด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2549
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กที่มีอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่
ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะสอดคล้องกับประชากรเป้าหมายที่ได้จากการทำสำมะโน
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ จำนวน 2,113 ตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 61.2 เป็นหญิง
ร้อยละ 38.8 เป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 45.0 ระบุอายุต่ำกว่า 10 ปี
และร้อยละ 55.0 ระบุอายุ 10-14 ปี
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงระดับการศึกษาในปัจจุบันของตัวอย่างพบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 85.8 กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา
ในขณะที่ร้อยละ 14.2 กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ทั้งนี้ตัวอย่าง ร้อยละ 80.5 อาศัยอยู่กับพ่อและแม่
รองลงมาร้อยละ 8.6 อยู่กับปู่ยาตายายหรือญาติคนอื่นๆ
ร้อยละ 7.7 อยู่กับแม่เพียงลำพัง
ร้อยละ 2.8 อยู่กับพ่อเพียงลำพัง
และร้อยละ 0.4 อยู่กับบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พ่อแม่หรือญาติ เช่น พระ /พ่อแม่บุญธรรม/ เพื่อนของพ่อ เป็นต้น
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
บทสรุปผลสำรวจ
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน: กรณีศึกษาตัวอย่าง
เด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 2,113 ตัวอย่าง ซึ่งได้ดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม
2549 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจดังนี้
จากการสำรวจประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก พบว่าตัวอย่างสูงถึงร้อยละ 85.0 ระบุเคยเที่ยวงานวันเด็ก แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งหรือ
ร้อยละ 15.0 ที่ระบุว่าไม่เคยเที่ยวงานวันเด็กเลย โดยให้เหตุผลว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาว่าง/ไม่มีใครพาไป (ร้อยละ 87.1) ต้องอยู่บ้านทำการบ้าน/ติด
เรียนพิเศษ (ร้อยละ 8.7) สิ้นเปลืองเงิน (ร้อยละ 2.3) และต้องทำงานช่วยพ่อแม่/บ้านอยู่ไกล (ร้อยละ 1.9) และเมื่อสอบถามถึงกิจกรรมที่อยาก
ทำในวันเด็ก ตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุอยากไปเที่ยว โดยร้อยละ 51.5 อยากไปทะเล รองลงมาร้อยละ 51.1 อยากไปสวนสนุก และร้อยละ 42.7
อยากไปน้ำตก ในขณะที่ตัวอย่างส่วนหนึ่งมีความต้องการที่น่าสนใจมากทีเดียว คือ ร้อยละ 42.7 อยากไปทำบุญ และร้อยละ 39.8 อยากอยู่บ้านพร้อม
หน้ากับครอบครัว ส่วนการสำรวจของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.9 อยากได้ตุ๊กตา/ของเล่น/รถแข่ง/รถ
บังคับ โดยที่ร้อยละ 23.6 อยากได้คอมพิวเตอร์/Notebook และร้อยละ 18.1 อยากได้เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน อาทิ ดินสอ ยางลบ
ปากกา กระดาษ
เมื่อสอบถามถึงอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต พบว่าร้อยละ 22.1 อยากเป็นหมอ รองลงมาร้อยละ 17.4 อยากเป็นครู ร้อยละ 10.5
อยากเป็นทหาร และร้อยละ 9.6 อยากเป็นตำรวจ ตามลำดับ จากนั้นได้สำรวจถึงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก พบว่าส่วนใหญ่จะ
เป็นพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงของมึนเมา คือร้อยละ 68.4 เห็นว่าการไม่สูบบุหรี่ รองลงมาร้อยละ 62.9 เห็นว่าการไม่ดื่มเหล้า และร้อยละ 59.9 เห็น
ว่าการไม่เสพยาเสพติด ตามลำดับ สอดคล้องกับเมื่อถามถึงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กพบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสพของ
มึนเมาเช่นกัน โดยร้อยละ 75.2 เห็นว่าการดื่มเหล้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี รองลงมา ร้อยละ 73.2 เห็นว่าเป็นการสูบบุหรี่ และร้อยละ 60.3 เห็นว่า
เป็นการเสพยาเสพติด ตามลำดับ
ผลสำรวจพฤติกรรมของคุณพ่อที่เด็กๆอยากให้ปรับปรุงแก้ไข พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 50.5 ระบุเรื่องการดื่มเหล้า รองลงมา
ร้อยละ 43.8 ระบุการสูบบุหรี่ และร้อยละ 17.5 ระบุถึงความใจร้อน/อารมณ์ร้อน/ขี้โมโห ตามลำดับ สำหรับพฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้ปรับปรุง
แก้ไข ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 33.7 ระบุการดุด่า/จู้จี้ขี้บ่น/พูดมาก/เจ้าระเบียบ รองลงมาร้อยละ 30.5 ระบุความใจร้อน/ใจร้าย/ขี้โมโห และ
ร้อยละ 15.2 ระบุการใช้ความรุนแรง/ตี ตามลำดับ นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่าพฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไขนั้น ตัวอย่างเกือบ
ครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.9 ระบุการใช้ความรุนแรง/ตีเด็ก รองลงมาร้อยละ 34.4 ระบุเรื่องการดุด่า จู้จี้ขี้บ่น และร้อยละ 20.7 ระบุว่าคุณครูให้
การบ้านเยอะเกินไป ในขณะที่ผลสำรวจพฤติกรรมของนักการเมืองที่เด็กๆไม่อยากเห็นนั้น พบว่าตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.8 ระบุการ
ทุจริต คดโกง รองลงมาร้อยละ 27.1 ระบุเรื่องการทะเลาะกันในสภา/การขาดความสามัคคี และร้อยละ 14.6 ระบุพฤติกรรมเลือกปฏิบัติเอารัดเอา
เปรียบ ตามลำดับ
นอกจากนี้ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์กรณีสิ่งที่เด็กๆต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก พบประเด็นสำคัญ
ดังนี้ ร้อยละ 36.8 อยากให้นายกรัฐมนตรีให้ของขวัญเด็ก ร้อยละ 19.0 ให้บริจาคเงินช่วยเหลือคนจน คนเดือดร้อน ร้อยละ 15.5 ขอให้นายกนายก
รัฐมนตรีจัดงานวันเด็กทุกปีและให้ดีควรจัดงานวันเด็กใกล้ๆ บ้านของตน ร้อยละ 14.4 ขอทุนการศึกษา/เรียนฟรี และร้อยละ 11.0 ขอให้นายก
รัฐมนตรีสร้างสวนสนุก/เครื่องเล่น/ส่งเสริมให้เด็กได้รับความสนุกสนาน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า เมื่อดูผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กๆ และเยาวชนพบหลายประเด็นที่
สำคัญคือ ยังคงมีเด็กๆ อยู่จำนวนมากถึงร้อยละ 15 ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เที่ยวงานวันเด็กเลย เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ต้องอยู่บ้านทำการบ้านและ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กๆ จำนวนมากหรือประมาณร้อยละ 40 ต้องการเพียงขอให้พ่อแม่อยู่พร้อมหน้ากันในวันเด็ก แต่เมื่อมาอยู่พร้อมหน้ากันสิ่งที่
เด็กๆ อยากให้พ่อแม่ปรับปรุงคือ ขอให้คุณพ่อไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่และอย่าใจร้อน ในขณะที่ขอให้คุณแม่อย่าจู้จี้ขี้บ่น อย่าใจร้อนขี้โมโห ในขณะที่พฤติกรรม
ของคุณครูเรื่องการใช้ความรุนแรงตีเด็กและจู้จี้ขี้บ่นเป็นพฤติกรรมที่เด็กๆ ต้องการให้แก้ไขปรับปรุง
“นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังสอบถามความรู้สึกนึกคิดของเด็กและเยาวชนต่อพฤติกรรมของนักการเมือง ที่เลือกสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของ
นักการเมืองเนื่องจาก เด็กและเยาวชนอยู่ใกล้ชิดกับสื่อและข่าวสารประจำวันในลักษณะที่อาจกล่าวได้ว่าเห็นภาพของบรรดานักการเมืองอยู่เป็นประจำ
และอาจส่งผลต่อการเลียนแบบการแสดงพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนได้ ซึ่งผลสำรวจชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเด็กไม่อยากเห็นพฤติกรรมที่ทุจริตคดโกง
ของนักการเมืองมาเป็นอันดับแรก ทิ้งห่างอันดับสองอย่างมากที่เด็กไม่อยากเห็นการทะเลาะกันของบรรดานักการเมืองและการเลือกปฏิบัติเอารัดเอา
เปรียบผู้อื่น ดังนั้นผลสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กและเยาวชนในครั้งนี้น่าจะกระตุ้นจิตสำนึกของนักการเมืองที่ต้องแก้ไขในเรื่องสำคัญๆ สามด้าน คือ
การทุจริตคดโกง การทะเลาะกัน และการเลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นหรือความไม่ยุติธรรมนั่นเอง” ดร.นพดล กล่าว
โปรดพิจารณารายละเอียดในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก
ลำดับที่ ประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก ร้อยละ
1 เคย 85.0
2 ไม่เคย 15.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตัวอย่างที่ไม่เคยเที่ยวงานวันเด็กให้เหตุผล ดังนี้
- พ่อแม่ไม่มีเวลาว่าง/ไม่มีใครพาไป ร้อยละ 87.1
- ต้องอยู่บ้านทำการบ้าน/ติดเรียนพิเศษ ร้อยละ 8.7
- สิ้นเปลืองเงิน ร้อยละ 2.3
- อื่นๆ อาทิ ต้องทำงานช่วยพ่อแม่/บ้านอยู่ไกล ร้อยละ 1.9
ตารางที่ 2 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุกิจกรรมที่อยากทำในวันเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ กิจกรรมที่อยากทำในวันเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ไปเที่ยวทะเล 51.5
2 ไปเที่ยวสวนสนุก 51.1
3 ไปเที่ยวน้ำตก 42.7
4 ไปทำบุญ 42.7
5 อยู่บ้านพร้อมหน้ากับครอบครัว 39.8
6 ไปเที่ยวสวนสัตว์ 36.6
7 ร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน 34.0
8 ไปเที่ยวงานวันเด็ก 33.7
9 ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า 30.4
10 ไปเยี่ยมญาติ 29.1
ตารางที่ 3 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ตุ๊กตา/ของเล่น/รถแข่ง/รถบังคับ 47.9
2 คอมพิวเตอร์/Notebook 23.6
3 เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน อาทิ ดินสอ ยางลบ ปากกา กระดาษ 18.1
4 เกม/เครื่องเล่นเกม 15.5
5 หนังสือต่างๆ เช่น หนังสือเรียน หนังสือการ์ตูน 11.4
6 โทรศัพท์/โทรศัพท์มือถือ 9.5
7 เสื้อผ้า/ชุดนักเรียน/รองเท้า/ชุดนอนสวยๆ/รองเท้า 9.4
8 จักรยาน 8.7
9 อื่นๆ เช่น เงิน ทอง โบว์ผูกผม เป็นต้น 7.8
ตารางที่ 4 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ อาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 หมอ 22.1
2 ครู 17.4
3 ทหาร 10.5
4 ตำรวจ 9.6
5 พยาบาล 7.0
6 นักธุรกิจ 3.8
7 นักร้อง นักดนตรี 2.8
8 ดารา นักแสดง 2.6
9 นักกีฬา 2.6
10 พนักงานบริษัท 2.5
ตารางที่ 5 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ไม่สูบบุหรี่ 68.4
2 ไม่ดื่มเหล้า 62.9
3 ไม่เสพยาเสพติด 59.9
4 ไม่เล่นการพนัน 57.0
5 เอาใจใส่ครอบครัว 55.0
6 ใจดีมีเมตตา 49.2
7 ซื่อสัตย์สุจริต 45.3
8 พูดจาสุภาพ 45.3
9 ไม่เที่ยวกลางคืน 44.6
10 มีเหตุผล 44.3
ตารางที่ 6 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ดื่มเหล้า 75.2
2 สูบบุหรี่ 73.2
3 เสพยาเสพติด 60.3
4 เล่นการพนัน 57.9
5 ใช้ความรุนแรง 57.6
6 พูดคำหยาบ 50.7
7 เที่ยวกลางคืน 45.7
8 คดโกง ทุจริต 44.7
9 ไม่ดูแลครอบครัว 44.0
10 ไม่มีเหตุผล 43.7
ตารางที่ 7 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณพ่อที่อยากให้แก้ไขปรับปรุง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณพ่อที่อยากให้แก้ไขปรับปรุง ร้อยละ
1 ดื่มเหล้า 50.5
2 สูบบุหรี่ 43.8
3 ใจร้อน/อารมณ์ร้อน/ขี้โมโ 17.5
4 ดุด่า/บ่น 9.0
5 กลับบ้านดึก/นอนดึก 8.1
6 ไม่ให้เวลากับครอบครัว 7.2
7 ไม่เข้าใจลูก/ไม่ให้ความมั่นใจแก่ลูก/ไม่พาไปเที่ยว 6.8
8 เล่นการพนัน/เล่นหวย 5.4
9 พูดคำหยาบ 5.3
10 ไม่มีเหตุผล/ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 4.9
ตารางที่ 8 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้แก้ไขปรับปรุงแก้ไข
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ดุด่า/จู้จี้ ขี้บ่น/พูดมาก/เจ้าระเบียบ 33.7
2 ใจร้อน/ใจร้าย/ขี้โมโห 30.5
3 ใช้ความรุนแรง/ตี 15.2
4 ติดอบายมุข เช่น ดื่มเหล้า เล่นการพนัน 14.6
5 ไม่สนใจลูก/ทิ้งลูก 12.0
6 พูดคำหยาบ 9.6
7 เที่ยวกลางคืน/กลับบ้านดึก 7.2
8 ทะเลาะกับพ่อ 6.6
9 มารับลูกไม่ตรงเวลา/ไม่ตรงต่อเวลา 5.9
10 ขาดความรับผิดชอบ 3.8
ตารางที่ 9 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ใช้ความรุนแรง/ตีเด็ก 47.9
2 ดุด่า จู้จี้ขี้บ่น 34.4
3 ให้การบ้านเยอะ 20.7
4 ใจร้อน/โกรธง่าย 17.2
5 ไม่ตั้งใจสอน 13.7
6 ไม่มีเหตุผล 9.4
7 พูดคำหยาบ 8.3
8 ขี้หงุดหงิด/อารมณ์เสีย 4.0
9 ใจร้าย 3.7
10 รักเด็กไม่เท่ากัน มีความไม่เป็นธรรม 2.7
ตารางที่ 10 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่อยากเห็น (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่อยากเห็น ร้อยละ
1 ทุจริต/คดโกง 50.8
2 ทะเลาะกัน 27.1
3 เลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบ 14.6
4 เกี่ยงงาน/ไม่ทำงาน 10.4
5 ใจร้อน/ไม่รอบคอบ 9.9
6 พูดคำหยาบ 8.9
7 ใช้ความรุนแรง/ก้าวร้าว/อิทธิพลข่มขู่ 7.1
8 ไม่เอาใจใส่ประชาชน/ไม่ทำงานช่วยเหลือสังคม 6.9
9 สูบหรี่ 6.5
10 ดื่มเหล้า 6.2
ตารางที่ 11 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ให้ของขวัญเด็ก 36.8
2 บริจาคเงินช่วยเหลือคนจน คนเดือดร้อน 19.0
3 ให้นายกฯ จัดงานวันเด็กทุกปี/ให้นายกจัดงานวันเด็กใกล้ๆ บ้าน 15.5
4 ให้ทุนการศึกษา/เรียนฟรี 14.4
5 สร้างสวนสนุก/เครื่องเล่น/ส่งเสริมให้เด็กได้รับความสนุกสนาน 11.0
6 ให้นายกฯ รักเด็ก/ใจดี/ฟังเหตุผลของเด็กๆ 9.4
7 มาเยี่ยมโรงเรียน/ปรับปรุงโรงเรียน 7.8
8 บริหารบ้านเมืองให้ดี 7.2
9 ให้นายกฯ ทำความดี/เป็นตัวอย่างที่ดี/ซื่อสัตย์สุจริต 6.2
10 ปราบปรามยาเสพติด/การพนัน/ และสื่อลามก 5.6
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-
เด็กในวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า และผู้ใหญ่ในวันนี้ก็คืออนาคตของเด็กในวันหน้าเช่นเดียวกัน เพราะเด็กเปรียบเสมือนผ้าขาวที่พร้อมจะถูก
แต่งแต้มเติมสีตามที่ผู้ใหญ่อยากให้เป็นหรือทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง เด็กพร้อมจะซึมซับพฤติกรรมตามเบ้าหลอมรอบตัวไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ผู้ปกครอง คุณ
ครู หรือที่เห็นผ่านจอโทรทัศน์อย่างดารา นักร้อง รวมถึงนักการเมือง ดังนั้นผู้ใหญ่ในวันนี้จึงมีอิทธิพลต่อการกำหนดอนาคตของชาติ ผ่านแนวทางการ
เลี้ยงดูและการเป็นแบบอย่างให้กับเด็ก
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ จึงถือเอาโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2549 นี้ ทำการสำรวจภาคสนามหาข้อมูลเชิง
สถิติศาสตร์เพื่อศึกษาทรรศนะของเด็ก ด้วยการจัดส่งอาจารย์ เจ้าหน้าที่และพนักงานเก็บรวบรวมข้อมูลลงพื้นที่ตัวอย่างที่ถูกสุ่มได้ตามหลักวิชาการด้าน
ระเบียบวิธีวิจัยทางสังคมศาสตร์ นำมาประมวลผลและเรียบเรียงจนมาเป็นรายงานผลการสำรวจ “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน: กรณี
ศึกษาตัวอย่างเด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ฉบับนี้
วัตถุประสงค์และประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากโครงการวิจัย
1. เพื่อสำรวจความต้องการของเด็กในด้านการสันทนาการและของขวัญในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2549
2. เพื่อสำรวจทัศนคติของเด็กที่มีต่อพฤติกรรมของผู้ใหญ่
3. ผลการศึกษาทำให้เห็นแนวโน้มเชิงพฤติกรรมของเด็ก เป็นนัยหนึ่งที่สะท้อนสภาพสังคม
ระเบียบวิธีการทำโพลล์
โครงการสำรวจภาคสนามของสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เรื่อง “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน : กรณี
ศึกษาตัวอย่างเด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ซึ่งดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม 2549
ประเภทของการสำรวจวิจัยครั้งนี้คือ การวิจัยเชิงสำรวจ (Survey Research)
กลุ่มประชากรเป้าหมาย คือ เด็กที่มีอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร
เทคนิควิธีการสุ่มตัวอย่างได้แก่ การสุ่มตัวอย่างแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิ (Stratified Cluster Sampling) ในการสุ่มเลือกพื้นที่
ตัวอย่าง และใช้วิธีการสุ่มตัวอย่างที่มีลักษณะสอดคล้องกับประชากรเป้าหมายที่ได้จากการทำสำมะโน
ขนาดตัวอย่างที่ทำการสำรวจ จำนวน 2,113 ตัวอย่าง
เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ แบบสอบถาม
วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลคือ การสัมภาษณ์
หลังจากนั้นคณะผู้วิจัยได้ตรวจสอบความถูกต้องสมบูรณ์ของแบบสอบถามทุกชุดก่อนนำเข้าวิเคราะห์ข้อมูล
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 61.2 เป็นหญิง
ร้อยละ 38.8 เป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 45.0 ระบุอายุต่ำกว่า 10 ปี
และร้อยละ 55.0 ระบุอายุ 10-14 ปี
ทั้งนี้เมื่อพิจารณาถึงระดับการศึกษาในปัจจุบันของตัวอย่างพบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 85.8 กำลังศึกษาอยู่ในระดับชั้นประถมศึกษา
ในขณะที่ร้อยละ 14.2 กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ทั้งนี้ตัวอย่าง ร้อยละ 80.5 อาศัยอยู่กับพ่อและแม่
รองลงมาร้อยละ 8.6 อยู่กับปู่ยาตายายหรือญาติคนอื่นๆ
ร้อยละ 7.7 อยู่กับแม่เพียงลำพัง
ร้อยละ 2.8 อยู่กับพ่อเพียงลำพัง
และร้อยละ 0.4 อยู่กับบุคคลอื่นๆ ที่ไม่ใช่พ่อแม่หรือญาติ เช่น พระ /พ่อแม่บุญธรรม/ เพื่อนของพ่อ เป็นต้น
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบ
บทสรุปผลสำรวจ
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ได้เปิดเผยผลสำรวจเรื่อง “ผู้ใหญ่วันนี้ ในสายตาของเด็กและเยาวชน: กรณีศึกษาตัวอย่าง
เด็กอายุ 6-14 ปี ในเขตกรุงเทพมหานคร” ในครั้งนี้ จำนวนทั้งสิ้น 2,113 ตัวอย่าง ซึ่งได้ดำเนินโครงการสำรวจระหว่างวันที่ 10-12 มกราคม
2549 ประเด็นสำคัญที่ค้นพบจากการสำรวจดังนี้
จากการสำรวจประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก พบว่าตัวอย่างสูงถึงร้อยละ 85.0 ระบุเคยเที่ยวงานวันเด็ก แต่ก็มีอีกส่วนหนึ่งหรือ
ร้อยละ 15.0 ที่ระบุว่าไม่เคยเที่ยวงานวันเด็กเลย โดยให้เหตุผลว่าพ่อแม่ไม่มีเวลาว่าง/ไม่มีใครพาไป (ร้อยละ 87.1) ต้องอยู่บ้านทำการบ้าน/ติด
เรียนพิเศษ (ร้อยละ 8.7) สิ้นเปลืองเงิน (ร้อยละ 2.3) และต้องทำงานช่วยพ่อแม่/บ้านอยู่ไกล (ร้อยละ 1.9) และเมื่อสอบถามถึงกิจกรรมที่อยาก
ทำในวันเด็ก ตัวอย่างส่วนใหญ่ระบุอยากไปเที่ยว โดยร้อยละ 51.5 อยากไปทะเล รองลงมาร้อยละ 51.1 อยากไปสวนสนุก และร้อยละ 42.7
อยากไปน้ำตก ในขณะที่ตัวอย่างส่วนหนึ่งมีความต้องการที่น่าสนใจมากทีเดียว คือ ร้อยละ 42.7 อยากไปทำบุญ และร้อยละ 39.8 อยากอยู่บ้านพร้อม
หน้ากับครอบครัว ส่วนการสำรวจของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก พบว่าเกือบครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.9 อยากได้ตุ๊กตา/ของเล่น/รถแข่ง/รถ
บังคับ โดยที่ร้อยละ 23.6 อยากได้คอมพิวเตอร์/Notebook และร้อยละ 18.1 อยากได้เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน อาทิ ดินสอ ยางลบ
ปากกา กระดาษ
เมื่อสอบถามถึงอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต พบว่าร้อยละ 22.1 อยากเป็นหมอ รองลงมาร้อยละ 17.4 อยากเป็นครู ร้อยละ 10.5
อยากเป็นทหาร และร้อยละ 9.6 อยากเป็นตำรวจ ตามลำดับ จากนั้นได้สำรวจถึงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก พบว่าส่วนใหญ่จะ
เป็นพฤติกรรมที่หลีกเลี่ยงของมึนเมา คือร้อยละ 68.4 เห็นว่าการไม่สูบบุหรี่ รองลงมาร้อยละ 62.9 เห็นว่าการไม่ดื่มเหล้า และร้อยละ 59.9 เห็น
ว่าการไม่เสพยาเสพติด ตามลำดับ สอดคล้องกับเมื่อถามถึงพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็กพบว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเสพของ
มึนเมาเช่นกัน โดยร้อยละ 75.2 เห็นว่าการดื่มเหล้าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี รองลงมา ร้อยละ 73.2 เห็นว่าเป็นการสูบบุหรี่ และร้อยละ 60.3 เห็นว่า
เป็นการเสพยาเสพติด ตามลำดับ
ผลสำรวจพฤติกรรมของคุณพ่อที่เด็กๆอยากให้ปรับปรุงแก้ไข พบว่า ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 50.5 ระบุเรื่องการดื่มเหล้า รองลงมา
ร้อยละ 43.8 ระบุการสูบบุหรี่ และร้อยละ 17.5 ระบุถึงความใจร้อน/อารมณ์ร้อน/ขี้โมโห ตามลำดับ สำหรับพฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้ปรับปรุง
แก้ไข ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 33.7 ระบุการดุด่า/จู้จี้ขี้บ่น/พูดมาก/เจ้าระเบียบ รองลงมาร้อยละ 30.5 ระบุความใจร้อน/ใจร้าย/ขี้โมโห และ
ร้อยละ 15.2 ระบุการใช้ความรุนแรง/ตี ตามลำดับ นอกจากนี้ผลการสำรวจยังพบว่าพฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไขนั้น ตัวอย่างเกือบ
ครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 47.9 ระบุการใช้ความรุนแรง/ตีเด็ก รองลงมาร้อยละ 34.4 ระบุเรื่องการดุด่า จู้จี้ขี้บ่น และร้อยละ 20.7 ระบุว่าคุณครูให้
การบ้านเยอะเกินไป ในขณะที่ผลสำรวจพฤติกรรมของนักการเมืองที่เด็กๆไม่อยากเห็นนั้น พบว่าตัวอย่างประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.8 ระบุการ
ทุจริต คดโกง รองลงมาร้อยละ 27.1 ระบุเรื่องการทะเลาะกันในสภา/การขาดความสามัคคี และร้อยละ 14.6 ระบุพฤติกรรมเลือกปฏิบัติเอารัดเอา
เปรียบ ตามลำดับ
นอกจากนี้ผลการสำรวจของเอแบคโพลล์กรณีสิ่งที่เด็กๆต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก พบประเด็นสำคัญ
ดังนี้ ร้อยละ 36.8 อยากให้นายกรัฐมนตรีให้ของขวัญเด็ก ร้อยละ 19.0 ให้บริจาคเงินช่วยเหลือคนจน คนเดือดร้อน ร้อยละ 15.5 ขอให้นายกนายก
รัฐมนตรีจัดงานวันเด็กทุกปีและให้ดีควรจัดงานวันเด็กใกล้ๆ บ้านของตน ร้อยละ 14.4 ขอทุนการศึกษา/เรียนฟรี และร้อยละ 11.0 ขอให้นายก
รัฐมนตรีสร้างสวนสนุก/เครื่องเล่น/ส่งเสริมให้เด็กได้รับความสนุกสนาน
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ กล่าวว่า เมื่อดูผลสำรวจความคิดเห็นของเด็กๆ และเยาวชนพบหลายประเด็นที่
สำคัญคือ ยังคงมีเด็กๆ อยู่จำนวนมากถึงร้อยละ 15 ที่ไม่เคยมีประสบการณ์เที่ยวงานวันเด็กเลย เพราะพ่อแม่ไม่มีเวลาให้ ต้องอยู่บ้านทำการบ้านและ
ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กๆ จำนวนมากหรือประมาณร้อยละ 40 ต้องการเพียงขอให้พ่อแม่อยู่พร้อมหน้ากันในวันเด็ก แต่เมื่อมาอยู่พร้อมหน้ากันสิ่งที่
เด็กๆ อยากให้พ่อแม่ปรับปรุงคือ ขอให้คุณพ่อไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่และอย่าใจร้อน ในขณะที่ขอให้คุณแม่อย่าจู้จี้ขี้บ่น อย่าใจร้อนขี้โมโห ในขณะที่พฤติกรรม
ของคุณครูเรื่องการใช้ความรุนแรงตีเด็กและจู้จี้ขี้บ่นเป็นพฤติกรรมที่เด็กๆ ต้องการให้แก้ไขปรับปรุง
“นอกจากนี้ คณะผู้วิจัยยังสอบถามความรู้สึกนึกคิดของเด็กและเยาวชนต่อพฤติกรรมของนักการเมือง ที่เลือกสอบถามเกี่ยวกับพฤติกรรมของ
นักการเมืองเนื่องจาก เด็กและเยาวชนอยู่ใกล้ชิดกับสื่อและข่าวสารประจำวันในลักษณะที่อาจกล่าวได้ว่าเห็นภาพของบรรดานักการเมืองอยู่เป็นประจำ
และอาจส่งผลต่อการเลียนแบบการแสดงพฤติกรรมของเด็กและเยาวชนได้ ซึ่งผลสำรวจชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเด็กไม่อยากเห็นพฤติกรรมที่ทุจริตคดโกง
ของนักการเมืองมาเป็นอันดับแรก ทิ้งห่างอันดับสองอย่างมากที่เด็กไม่อยากเห็นการทะเลาะกันของบรรดานักการเมืองและการเลือกปฏิบัติเอารัดเอา
เปรียบผู้อื่น ดังนั้นผลสำรวจความรู้สึกนึกคิดของเด็กและเยาวชนในครั้งนี้น่าจะกระตุ้นจิตสำนึกของนักการเมืองที่ต้องแก้ไขในเรื่องสำคัญๆ สามด้าน คือ
การทุจริตคดโกง การทะเลาะกัน และการเลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบผู้อื่นหรือความไม่ยุติธรรมนั่นเอง” ดร.นพดล กล่าว
โปรดพิจารณารายละเอียดในตารางต่อไปนี้
ตารางที่ 1 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก
ลำดับที่ ประสบการณ์ในการเที่ยวงานวันเด็ก ร้อยละ
1 เคย 85.0
2 ไม่เคย 15.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตัวอย่างที่ไม่เคยเที่ยวงานวันเด็กให้เหตุผล ดังนี้
- พ่อแม่ไม่มีเวลาว่าง/ไม่มีใครพาไป ร้อยละ 87.1
- ต้องอยู่บ้านทำการบ้าน/ติดเรียนพิเศษ ร้อยละ 8.7
- สิ้นเปลืองเงิน ร้อยละ 2.3
- อื่นๆ อาทิ ต้องทำงานช่วยพ่อแม่/บ้านอยู่ไกล ร้อยละ 1.9
ตารางที่ 2 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุกิจกรรมที่อยากทำในวันเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ กิจกรรมที่อยากทำในวันเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ไปเที่ยวทะเล 51.5
2 ไปเที่ยวสวนสนุก 51.1
3 ไปเที่ยวน้ำตก 42.7
4 ไปทำบุญ 42.7
5 อยู่บ้านพร้อมหน้ากับครอบครัว 39.8
6 ไปเที่ยวสวนสัตว์ 36.6
7 ร่วมกิจกรรมที่โรงเรียน 34.0
8 ไปเที่ยวงานวันเด็ก 33.7
9 ไปเที่ยวห้างสรรพสินค้า 30.4
10 ไปเยี่ยมญาติ 29.1
ตารางที่ 3 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ของขวัญที่อยากได้ในวันเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ตุ๊กตา/ของเล่น/รถแข่ง/รถบังคับ 47.9
2 คอมพิวเตอร์/Notebook 23.6
3 เครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียน อาทิ ดินสอ ยางลบ ปากกา กระดาษ 18.1
4 เกม/เครื่องเล่นเกม 15.5
5 หนังสือต่างๆ เช่น หนังสือเรียน หนังสือการ์ตูน 11.4
6 โทรศัพท์/โทรศัพท์มือถือ 9.5
7 เสื้อผ้า/ชุดนักเรียน/รองเท้า/ชุดนอนสวยๆ/รองเท้า 9.4
8 จักรยาน 8.7
9 อื่นๆ เช่น เงิน ทอง โบว์ผูกผม เป็นต้น 7.8
ตารางที่ 4 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุอาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ อาชีพที่อยากจะเป็นในอนาคต 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 หมอ 22.1
2 ครู 17.4
3 ทหาร 10.5
4 ตำรวจ 9.6
5 พยาบาล 7.0
6 นักธุรกิจ 3.8
7 นักร้อง นักดนตรี 2.8
8 ดารา นักแสดง 2.6
9 นักกีฬา 2.6
10 พนักงานบริษัท 2.5
ตารางที่ 5 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ไม่สูบบุหรี่ 68.4
2 ไม่ดื่มเหล้า 62.9
3 ไม่เสพยาเสพติด 59.9
4 ไม่เล่นการพนัน 57.0
5 เอาใจใส่ครอบครัว 55.0
6 ใจดีมีเมตตา 49.2
7 ซื่อสัตย์สุจริต 45.3
8 พูดจาสุภาพ 45.3
9 ไม่เที่ยวกลางคืน 44.6
10 มีเหตุผล 44.3
ตารางที่ 6 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็ก (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของผู้ใหญ่ที่เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้กับเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ดื่มเหล้า 75.2
2 สูบบุหรี่ 73.2
3 เสพยาเสพติด 60.3
4 เล่นการพนัน 57.9
5 ใช้ความรุนแรง 57.6
6 พูดคำหยาบ 50.7
7 เที่ยวกลางคืน 45.7
8 คดโกง ทุจริต 44.7
9 ไม่ดูแลครอบครัว 44.0
10 ไม่มีเหตุผล 43.7
ตารางที่ 7 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณพ่อที่อยากให้แก้ไขปรับปรุง (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณพ่อที่อยากให้แก้ไขปรับปรุง ร้อยละ
1 ดื่มเหล้า 50.5
2 สูบบุหรี่ 43.8
3 ใจร้อน/อารมณ์ร้อน/ขี้โมโ 17.5
4 ดุด่า/บ่น 9.0
5 กลับบ้านดึก/นอนดึก 8.1
6 ไม่ให้เวลากับครอบครัว 7.2
7 ไม่เข้าใจลูก/ไม่ให้ความมั่นใจแก่ลูก/ไม่พาไปเที่ยว 6.8
8 เล่นการพนัน/เล่นหวย 5.4
9 พูดคำหยาบ 5.3
10 ไม่มีเหตุผล/ไม่ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น 4.9
ตารางที่ 8 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้แก้ไขปรับปรุงแก้ไข
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณแม่ที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ดุด่า/จู้จี้ ขี้บ่น/พูดมาก/เจ้าระเบียบ 33.7
2 ใจร้อน/ใจร้าย/ขี้โมโห 30.5
3 ใช้ความรุนแรง/ตี 15.2
4 ติดอบายมุข เช่น ดื่มเหล้า เล่นการพนัน 14.6
5 ไม่สนใจลูก/ทิ้งลูก 12.0
6 พูดคำหยาบ 9.6
7 เที่ยวกลางคืน/กลับบ้านดึก 7.2
8 ทะเลาะกับพ่อ 6.6
9 มารับลูกไม่ตรงเวลา/ไม่ตรงต่อเวลา 5.9
10 ขาดความรับผิดชอบ 3.8
ตารางที่ 9 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของคุณครูที่อยากให้ปรับปรุงแก้ไข 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ใช้ความรุนแรง/ตีเด็ก 47.9
2 ดุด่า จู้จี้ขี้บ่น 34.4
3 ให้การบ้านเยอะ 20.7
4 ใจร้อน/โกรธง่าย 17.2
5 ไม่ตั้งใจสอน 13.7
6 ไม่มีเหตุผล 9.4
7 พูดคำหยาบ 8.3
8 ขี้หงุดหงิด/อารมณ์เสีย 4.0
9 ใจร้าย 3.7
10 รักเด็กไม่เท่ากัน มีความไม่เป็นธรรม 2.7
ตารางที่ 10 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุพฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่อยากเห็น (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พฤติกรรมของนักการเมืองที่ไม่อยากเห็น ร้อยละ
1 ทุจริต/คดโกง 50.8
2 ทะเลาะกัน 27.1
3 เลือกปฏิบัติเอารัดเอาเปรียบ 14.6
4 เกี่ยงงาน/ไม่ทำงาน 10.4
5 ใจร้อน/ไม่รอบคอบ 9.9
6 พูดคำหยาบ 8.9
7 ใช้ความรุนแรง/ก้าวร้าว/อิทธิพลข่มขู่ 7.1
8 ไม่เอาใจใส่ประชาชน/ไม่ทำงานช่วยเหลือสังคม 6.9
9 สูบหรี่ 6.5
10 ดื่มเหล้า 6.2
ตารางที่ 11 ร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำเพื่อเด็ก 10 อันดับแรก ร้อยละ
1 ให้ของขวัญเด็ก 36.8
2 บริจาคเงินช่วยเหลือคนจน คนเดือดร้อน 19.0
3 ให้นายกฯ จัดงานวันเด็กทุกปี/ให้นายกจัดงานวันเด็กใกล้ๆ บ้าน 15.5
4 ให้ทุนการศึกษา/เรียนฟรี 14.4
5 สร้างสวนสนุก/เครื่องเล่น/ส่งเสริมให้เด็กได้รับความสนุกสนาน 11.0
6 ให้นายกฯ รักเด็ก/ใจดี/ฟังเหตุผลของเด็กๆ 9.4
7 มาเยี่ยมโรงเรียน/ปรับปรุงโรงเรียน 7.8
8 บริหารบ้านเมืองให้ดี 7.2
9 ให้นายกฯ ทำความดี/เป็นตัวอย่างที่ดี/ซื่อสัตย์สุจริต 6.2
10 ปราบปรามยาเสพติด/การพนัน/ และสื่อลามก 5.6
สำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ โทร.0-2719-1549-50
www.abacpoll.au.edu หรือ www.abacpoll.com
--เอแบคโพลล์--
-พห-