เอแบคโพลล์: ไลฟ์สไตล์ของประชาชนในการเลือกซื้อและใช้สินค้า ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ข่าวผลสำรวจ Thursday May 7, 2009 10:14 —เอแบคโพลล์

ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเอแบคนวัตกรรมทางสังคม การจัดการและธุรกิจ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผล สำรวจ “เอแบคเรียลไทม์โพลล์ (ABAC Real-Time Survey)” ที่เป็นการสำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติก่อน จากนั้น ได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไวภายในระยะเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นประมวลผลด้วย ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจเรื่อง ไลฟ์สไตล์ของประชาชนในการเลือกซื้อและใช้สินค้าในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย กรณี ศึกษาตัวอย่างประชาชนใน 17 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา กาญจนบุรี เพชรบุรี หนองบัวลำภู สกลนคร ศรีสะเกษ ขอนแก่น พัทลุง ระนอง และสุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,362 ครัวเรือน ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2552 พบว่า

เมื่อสอบถามถึงปัจจัยที่มีผลต่อการเลือกซื้อสินค้า/บริการในสภาวะเศรษฐกิจเช่นปัจจุบันนี้นั้น พบว่าตัวอย่างร้อยละ 89.0 ระบุเลือกซื้อโดย คำนึงถึงคุณภาพของสินค้าเป็นสำคัญ รองลงมาคือร้อยละ 82.4 ระบุเลือกซื้อโดยคำนึงถึงราคา ร้อยละ 64.8 ระบุความสะดวกในการเลือกซื้อ/ใช้ บริการ ร้อยละ 64.1 ระบุมนุษยสัมพัน์ของพนักงานขาย ร้อยละ 55.9 ระบุการบริการหลังการขาย นอกจากนี้ผลการสำรวจในครั้งนี้พบว่ายังมีปัจจัย อื่นๆ ที่มีผลในการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า/บริการของประชาชน อาทิ โปรโมชั่นส่วนลด/ของแถม ความน่าเชื่อถือของยี่ห้อสินค้า (แบรนด์) ภาพลักษณ์ ของบริษัท และความมีชื่อเสียงของ แบรนด์ ยังคงมีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าและบริการในสายตาผู้บริโภค

เมื่อได้สอบถามถึงรูปแบบของการใช้สินค้าและการดำเนินชีวิตช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่าส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 82.8 พยายามรักษาข้าว ของเครื่องใช้ให้คงสภาพใช้งานได้ยาวนาน ในขณะที่ส่วนใหญ่เช่นกันหรือร้อยละ 76.1 ระบุว่าตนเองมุ่งทำงานเพื่อให้พออยู่พอกิน และมีเงินเก็บไว้ใช้ ในยามจำเป็น ร้อยละ 70.9 ระบุว่า มีการวางแผนดำเนินการใช้จ่ายและหารายได้อย่างเป็นขั้นตอนและรัดกุม และร้อยละ 66.3 ระบุว่ามีการทำ งานหารายได้พิเศษเพิ่ม

ที่น่าสนใจคือ หลังเปรียบเทียบการซื้อหวยรัฐบาลหรือหวยใต้ดิน พบสัดส่วนของคนที่ซื้อลดน้อยลงจากร้อยละ 54.5 ในเดือนมีนาคม มาอยู่ที่ ร้อยละ 43.5 ในการสำรวจล่าสุด

ดร.นพดล กล่าวว่า การวิจัยครั้งนี้พบความเปลี่ยนแปลงในไลฟ์สไตล์หรือรูปแบบการใช้ชีวิตของประชาชนช่วงสภาวะเศรษฐกิจ สังคมและ การเมืองปัจจุบัน โดยประชาชนมีความเคร่งครัดในการใช้ชีวิตแบบพอเพียงมากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีสัดส่วนของผู้ที่ใช้ชีวิต แบบพอเพียงค่อนข้างเคร่งครัด-เคร่งครัดอย่างแท้จริงคิดเป็นร้อยละ 46.5 ในขณะที่การสำรวจในครั้งนี้พบว่ามีผู้ที่ใช้ชีวิตแบบพอเพียงค่อนข้างเคร่ง ครัด-เคร่งครัดแท้จริงอยู่ที่ร้อยละ 67.6 ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละยี่สิบ

แต่ที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่งคือ ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการเมืองสังคมวุ่นวายเช่นปัจจุบัน ผลวิจัยพบสัดส่วนของคนที่มีทัศนคติว่า การทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 67.4 ในการสำรวจปี 2551 มาอยู่ที่ร้อยละ 74.7 ในการสำรวจครั้งล่า สุด ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มอาชีพพนักงานเอกชน พ่อค้าผู้ประกอบการธุรกิจและกลุ่มข้าราชการ เป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนของคนที่มีทัศนคติเห็นว่าการทุจริตคอรัปชั่น เป็นเรื่องปกติธรรมดาสูงสุด และกำลังมีอย่างแพร่ระบาดมากขึ้นในกลุ่มเกษตรกรและรับจ้างใช้แรงงานทั่วไป

ผอ.ศูนย์วิจัยเอแบคฯ กล่าวว่า ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย การเมืองและสังคมกำลังอยู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อขณะนี้ ประชาชนส่วนใหญ่มีการ ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตในการจับจ่ายใช้สอย โดยคำนึงถึงคุณภาพสินค้า ราคา และการใช้งานได้อย่างคงทนยาวนาน มีการประยุกต์ใช้ชีวิตตาม หลักเศรษฐกิจพอเพียงมากขึ้น แต่ยังไม่ถึงจุดสูงสุดของการใช้ชีวิตตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงอย่างแท้จริงเพราะ ผลวิจัยครั้งนี้กลับพบว่ายังคงมีทัศนคติต่อ การทุจริตคอรัปชั่นที่รุนแรงมากขึ้นในกลุ่มพนักงานบริษัทเอกชน กลุ่มพ่อค้าผู้ประกอบการธุรกิจ และกลุ่มข้าราชการ หากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มีนาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรีและมีภาพลักษณ์ด้านความซื่อสัตย์สุจริต ถูกทำลายความน่าเชื่อถือในจุดแข็งหลักสำคัญด้านนี้ไป ก็นับเป็นสัญญาณ อันตรายที่จะเริ่มนับถอยหลังของการบริหารราชการแผ่นดิน ทางออกคือ รัฐบาลต้องแสดงผลงานและสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมให้หน่วยงานต่างๆ ที่เป็น กลไกของรัฐและทุกภาคส่วนของสังคมไทยออกมาต่อต้านต้นตอของปัญหาทุจริตคอรัปชั่นที่อาจถูกรัฐบาลและสังคมมองข้ามไป โดยต้องไม่ลืมว่าปัญหาทุจริต คอรัปชั่นมักเป็นปัจจัยสำคัญของการอ้างความชอบธรรมในการทำลายเสถียรภาพของรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย

จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า

ตัวอย่าง ร้อยละ 52.6 เป็นหญิง

ร้อยละ 47.4 เป็นชาย

ตัวอย่าง ร้อยละ 4.9อายุต่ำกว่า 20 ปี

ร้อยละ 19.0 อายุระหว่าง 20 — 29 ปี

ร้อยละ 22.7 อายุระหว่าง 30 — 39 ปี

ร้อยละ 25.1 อายุระหว่าง 40 — 49 ปี

และร้อยละ 28.3 อายุ 50 ปีขึ้นไป

ตัวอย่าง ร้อยละ 76.5 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี

รองลงมาคือร้อยละ 21.4 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี

และร้อยละ 2.1 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี

ตัวอย่าง ร้อยละ 30.4 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป

ร้อยละ 26.2 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว

ร้อยละ 17.2 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน

ร้อยละ 10.6 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ

ร้อยละ 7.4 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ

ร้อยละ 5.6 เป็นนักเรียน/นักศึกษา

ในขณะที่ร้อยละ 2.6 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ

โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้

ตารางที่ 1 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุปัจจัยที่ผลต่อการเลือกซื้อสินค้า/บริการในปัจจุบัน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่          ปัจจัยที่ผลต่อการเลือกซื้อสินค้า/บริการในปัจจุบัน            ค่าร้อยละ
1          คุณภาพของสินค้า                                        89.0
2          ราคา                                                82.4
3          ความสะดวกในการซื้อ/ใช้บริการ                            64.8
4          มนุษยสัมพันธ์ของพนักงานขาย                               64.1
5          การบริการหลังการขาย                                   55.9
6          โปรโมชั่น อาทิ ส่วนลด ของแถม                            53.8
7          ความน่าเชื่อถือของยี่ห้อสินค้า (แบรนด์)                       53.8
8          ภาพลักษณ์ใส่ใจลูกค้าของบริษัท                              48.7
9          ภาพลักษณ์ใส่ใจสิ่งแวดล้อมของบริษัท                          43.6
10          ความมีชื่อเสียงของยี่ห้อสินค้า (แบรนด์)                      40.6

ตารางที่ 2  แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเป็นจริงของชีวิตในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่          ความเป็นจริงของชีวิตในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา             ค่าร้อยละ
1          รักษาข้าวของเครื่องใช้ให้คงสภาพใช้งานได้ยาวนาน              82.8
2          มุ่งทำงานเพื่อให้พออยู่พอกิน และมีเงินเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น       76.1
3          วางแผนดำเนินการใช้จ่ายและหารายได้อย่างเป็นขั้นตอนและรัดกุม    70.9
4          ทำงานหารายได้พิเศษเพิ่ม                                 66.3

ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการซื้อหวยรัฐบาลหรือหวยใต้ดินเปรียบเทียบการสำรวจในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
ลำดับที่          การซื้อหวยรัฐบาล/หวยใต้ดิน   มีนาคมค่าร้อยละ    พฤษภาคมค่าร้อยละ
1          ซื้อ                              54.5            43.5
2          ไม่ซื้อ                            45.5            56.5
          รวมทั้งสิ้น                         100.0           100.0

ตารางที่ 4  แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเคร่งครัดในการใช้ชีวิตแบบพอเพียงเปรียบเทียบการสำรวจในช่วงเดือนมีนาคม
ลำดับที่          ระดับความเคร่งครัดในการใช้ชีวิตแบบพอเพียง   มีนาคมค่าร้อยละ  พฤษภาคมค่าร้อยละ
1          ไม่ค่อยเคร่งครัด-ไม่เคร่งครัดเลย                    53.5          32.4
2          ค่อนข้างเคร่งครัด-เคร่งครัดอย่างแท้จริง               46.5          67.6
          รวมทั้งสิ้น                                      100.0          100.0

ตารางที่ 5  แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุคิดเห็นกรณีการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดาในการทำธุรกิจเปรียบเทียบกับการ

สำรวจในช่วงเดือนเมษายน 2551 ที่ผ่านมา

ลำดับที่          ความคิดเห็นกรณีการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจ   เมษายน 2551   พฤษภาคม 2552

ค่าร้อยละ ค่าร้อยละ

1          ไม่ค่อยเห็นด้วย  - ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง                                  32.6         25.3
2          ค่อนข้างเห็นด้วย — เห็นด้วยอย่างยิ่ง                                    67.4         74.7
          รวมทั้งสิ้น                                                        100.0        100.0

ตารางที่ 6  แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นกรณีการทุจริตคอรัปชั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจจำแนกตามอาชีพ
ลำดับที่      ความคิดเห็นกรณีการทุจริตคอรัปชั่น       ข้าราชการ/   พนักงาน    ธุรกิจส่วนตัว/  นักเรียน/   เกษตรกร/   แม่บ้าน/
          เป็นเรื่องปกติธรรมดาในการทำธุรกิจ      รัฐวิสาหกิจ    เอกชน       ค้าขาย     นักศึกษา   รับจ้างทั่วไป  เกษียณอายุ
1          ไม่ค่อยเห็นด้วย  - ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง     22.9      22.8        24.3       33.3       25.3      24.7
2          ค่อนข้างเห็นด้วย — เห็นด้วยอย่างยิ่ง       77.1      77.2        75.7       66.7       74.7      75.3
          รวมทั้งสิ้น                           100.0     100.0       100.0      100.0      100.0     100.0

--เอแบคโพลล์--

-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ