ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายวิชาการเพื่อสังเกตการณ์และวิจัยความสุขชุมชน หรือศูนย์วิจัยความสุขชุมชน(Academic Network for Community Happiness Observation and Research, ANCHOR) มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง เสียงสะท้อน ของผู้หญิงไทย ต่อการเมืองกับสิทธิผู้หญิง และสื่อมวลชนของสังคมไทย กรณีศึกษาตัวอย่างผู้หญิงไทยอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี สมุทรปราการ พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี จันทบุรี ราชบุรี เชียงใหม่ เชียงราย กำแพงเพชร บุรีรัมย์ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด สกลนคร ชุมพร พัทลุงและสงขลา จำนวนทั้งสิ้น 1,355 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 20 - 30 พฤษภาคม 2552 พบว่า
เมื่อถามกลุ่มผู้หญิงที่ถูกศึกษาครั้งนี้ถึงความเห็นต่อ เจตนารมณ์ความต้องการของประชาชน ควรเป็นรากฐานสำคัญของอำนาจของรัฐบาล พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 ค่อนข้างเห็นด้วยถึงเห็นด้วยอย่างมาก ในขณะที่ร้อยละ 7.0 ไม่ค่อยเห็นด้วย ถึงไม่เห็นด้วยเลย และร้อยละ 5.2 ระบุเฉยๆ ต่อประเด็นนี้
เมื่อถามถึงที่มาของคนที่จะเป็นผู้นำรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรี พบว่า กลุ่มผู้หญิงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 85.1 เห็นว่า นายกรัฐมนตรีควรมา จากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง ในขณะที่เพียงร้อยละ 8.4 เห็นว่าควรผ่านกระบวนการอย่างอื่น และร้อยละ 6.5 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ นอกจาก นี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.5 ต้องการให้รัฐบาลสนใจความรู้สึกนึกคิดของประชาชนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ร้อยละ 13.2 คิดว่า เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็ แล้วกันไปถือว่าจบสิ้นการใช้สิทธิของประชาชน และร้อยละ 10.3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ ตามลำดับ แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มผู้หญิงที่ถูกศึกษาครั้งนี้ได้ให้ คะแนนว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการปกครองตามความต้องการของประชาชนคนไทยได้อย่างแท้จริงมากน้อยเพียงไร พบว่า จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน ค่าคะแนนเฉลี่ยได้เพียง 5.50 คะแนน
เมื่อถามถึงการให้ความสำคัญต่อประเด็นสำคัญต่างๆ บางประการ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 88.1 ระบุให้ความสำคัญต่อการที่ผู้หญิงควร มีสิทธิเท่าเทียมกับผู้ชาย รองลงมาคือ ร้อยละ 80.7 เห็นว่าควรมี “รัฐมนตรีหญิง” ในรัฐบาลมากขึ้น ร้อยละ 79.2 เห็นว่าควรมี ผู้หญิง ในรัฐสภา เพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 76.2 ระบุ คนเชื้อชาติต่างๆ ในสังคมไทยควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน เช่นเรื่อง การทำงาน การศึกษา และ การเข้าถึงระบบบริการด้านสุขภาพถ้วนหน้า เป็นต้น และร้อยละ 72.1 ระบุสื่อมวลชนควรมีอิสระในการเสนอข่าวและความคิดได้โดยรัฐบาลไม่สามารถ เข้ามาควบคุม
อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจพบว่า เมื่อเปรียบเทียบตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสิทธิที่ผู้ชายได้รับจากสังคม ตัวอย่างเพียง ร้อย ละ 1.6 ที่เห็นว่าผู้หญิงมีสิทธิมากกว่าผู้ชาย ในขณะที่ร้อยละ 49.3 เห็นว่าผู้หญิงไทยมีสิทธิเพิ่มขึ้นมาก แต่ร้อยละ 33.4 เห็นว่าผู้หญิงมีสิทธิเพิ่มขึ้นบ้าง เพียงเล็กน้อย ร้อยละ 7.8 เห็นว่าเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ร้อยละ 1.7 เห็นว่าผู้หญิงมีสิทธิน้อยลง ร้อยละ 1.4 เห็นว่าผู้หญิงมีสิทธิน้อยลงมาก และร้อยละ 4.8 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ
ผู้หญิงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.4 เห็นว่ารัฐบาลควรพยายามให้มากขึ้นที่จะเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้มีการดูถูก เพศหญิงในสังคมไทย ในขณะ ที่ร้อยละ 7.1 เห็นว่า รัฐบาลพยายามอย่างเพียงพอแล้ว และร้อยละ 16.5 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ แต่ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อผู้หญิงที่หย่า กับสามีของตน พบว่า ตัวอย่างผู้หญิงร้อยละ 41.6 รู้สึกแย่ ร้อยละ 42.7 ไม่รู้สึกแย่ และร้อยละ 15.7 ไม่แน่ใจ
เมื่อถามถึงสิทธิการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน พบว่า ร้อยละ 45.8 เห็นว่า สื่อมวลชนมีสิทธิเสนอข่าวใดๆ โดยปราศจากการควบคุมของ รัฐบาล ในขณะที่ร้อยละ 37.3 เห็นว่า รัฐบาลมีสิทธิห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวที่กระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง และร้อยละ 16.9 ไม่ทราบ ไม่แน่ ใจ นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือ ตัวอย่างผู้หญิงส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.6 เห็นว่า คนไทยควรมีสิทธิที่จะอ่านข้อมูลข่าวสารอะไรก็ได้บนอินเทอร์เน็ต ในขณะ ที่ร้อยละ 9.5 เห็นว่ารัฐบาลควรมีสิทธิจะห้ามคนไทยเข้าถึงข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต และร้อยละ 12.9 ไม่แน่ใจ
ผอ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า เสียงสะท้อนของผู้หญิงต่อ การเมือง สิทธิของผู้หญิง และสื่อมวลชนครั้งนี้ น่าจะเป็นข้อมูลให้กับ องค์กรต่างๆ หน่วยงานของรัฐและกลุ่มผู้หญิงไทยเองใช้ขับเคลื่อนสังคมไทยให้ก้าวไปสู่ความสมดุลของสังคมไทยในเรื่องสิทธิและความเท่าเทียมกันของ เพศ และชาติพันธุ์ โดยอาจเริ่มจากในครอบครัว ไปสู่ชุมชน องค์กรธุรกิจ หน่วยงานของรัฐ และคณะรัฐมนตรีในรัฐบาล แต่ที่สำคัญคือ เมื่อผู้หญิงได้ก้าว สู่ตำแหน่งและบทบาทสำคัญแล้ว ต้องเร่งแสดงผลงานให้จับต้องได้โดยใช้ความเป็นผู้หญิงในการเชื่อมประสานความรักความสามัคคีของคนในชาติ ความ ใส่ใจในความทุกข์ยากของประชาชนทุกกลุ่มอย่างรวดเร็วฉับไวและเท่าเทียม แสดงออกให้สังคมเห็น “คุณธรรมของความเป็นมารดา” ที่พร้อมให้อภัย และรักเป็นห่วงบุตร พร้อมแบกภาระไว้เต็มหัวอกอย่างลึกซึ้งต่อไป
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.9 มีการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
ในขณะที่ ร้อยละ 25.1 การศึกษาระดับปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.4 อายุต่ำกว่า 20 ปี
ร้อยละ 36.5 อายุ 20 — 29 ปี
ร้อยละ 21.5 อายุ 30 — 39 ปี
ร้อยละ 18.3 อายุ 40 — 49 ปี
และร้อยละ 17.3 อายุ 50 ปีขึ้นไป
โดยตัว อย่างร้อยละ 30.4 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป
ร้อยละ 23.8 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
ร้อยละ 16.9 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 11.2 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 7.3 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ
ร้อยละ 6.9 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ในขณะที่ร้อยละ 3.5 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ต่อ
ประโยคที่ว่า เจตนารมณ์ความต้องการของประชาชน ควรเป็นรากฐานสำคัญของอำนาจของรัฐบาล ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างเห็นด้วย ถึง เห็นด้วยอย่างมาก 87.8
2 เฉยๆ 5.2
3 ไม่ค่อยเห็นด้วย ถึง ไม่เห็นด้วยเลย 7.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นต่อ ที่มาของนายกรัฐมนตรีว่า ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง หรือ
ผ่านกระบวนการอย่างอื่น
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ต่อ
ที่มาของนายกรัฐมนตรีว่า ควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง หรือ ผ่านกระบวนการอื่น ค่าร้อยละ
1 นายกรัฐมนตรีควรมาจากการเลือกตั้งของประชาชนโดยตรง 85.1
2 ผ่านกระบวนการอย่างอื่น 8.4
3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 6.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นที่ว่า เมื่อเลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็แล้วกันไปจบสิ้น หรือต้องการให้รัฐบาลสนใจความรู้สึกนึกคิดของประชาชนอย่างต่อเนื่อง
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ค่าร้อยละ
1 คิดว่า เลือกตั้งเสร็จแล้ว ก็แล้วกันไปถือว่าจบสิ้นการใช้สิทธิของประชาชน 13.2
2 ต้องการให้รัฐบาลสนใจความรู้สึกนึกคิดของประชาชนอย่างต่อเนื่อง 76.5
3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 10.3
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าคะแนนเฉลี่ย ที่กลุ่มตัวอย่างผู้หญิงให้คะแนนว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการปกครองตามความต้องการของ
ประชาชนคนไทยได้อย่างแท้จริง
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิงไทย เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน
คะแนนเฉลี่ย ประเทศไทยได้ดำเนินการปกครองตามความต้องการของประชาชนคนไทยได้อย่างแท้จริง 5.50 คะแนน
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความสำคัญของประเด็นสำคัญต่อไปนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ความสำคัญของประเด็นต่อไปนี้ ค่าร้อยละ
1 ผู้หญิงควรมีสิทธิเท่าเทียมกันกับผู้ชาย 88.1
2 ควรมีจำนวน “รัฐมนตรีหญิง” ในรัฐบาลมากขึ้น 80.7
3 ควรมีผู้หญิงในรัฐสภามากขึ้น 79.2
4 คนเชื้อชาติต่างๆ ในสังคมไทยควรได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน 76.2
5 สื่อมวลชนควรมีอิสระในการเสนอข่าวและความคิดได้โดยรัฐบาลไม่สามารถเข้ามาควบคุม 72.1
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสิทธิที่ผู้ชายได้รับจากสังคมแล้ว ผู้หญิงมีสิทธิเท่าเทียม
เพิ่มมากขึ้นหรือไม่
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับสิทธิที่ผู้ชายได้รับจากสังคมแล้ว ค่าร้อยละ
1 เมื่อเทียบกับสิทธิที่ผู้ชายได้รับจากสังคมแล้ว ผู้หญิงมีสิทธิมากกว่าผู้ชาย 1.6
2 ผู้หญิงมีสิทธิเพิ่มขึ้นมาก 49.3
3 ผู้หญิงมีสิทธิเพิ่มขึ้นบ้างเพียงเล็กน้อย 33.4
4 เหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากอดีต 7.8
5 ผู้หญิงมีสิทธิลดน้อยลง 1.7
6 ผู้หญิงมีสิทธิลดน้อยลงมาก 1.4
7 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 4.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นต่อ ความพยายามของรัฐบาลในการเข้ามาดูแลป้องกันไม่ให้มีการดูถูก เพศหญิง ในสังคมไทย
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ค่าร้อยละ
1 รัฐบาลได้พยายามดูแลป้องกันไม่ให้มีการดูถูก เพศหญิง อย่างเพียงพอแล้ว 7.1
2 รัฐบาลควรพยายามให้มากขึ้น 76.4
3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 16.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความรู้สึกต่อผู้หญิงที่หย่ากับสามีของตน
ลำดับที่ ความรู้สึกของผู้หญิง ค่าร้อยละ
1 รู้สึกแย่ 41.6
2 ไม่รู้สึกแย่ 42.7
3 ไม่แน่ใจ 15.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นต่อ สิทธิการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชน
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ค่าร้อยละ
1 สื่อมวลชนมีสิทธิเสนอข่าวใดๆ โดยปราศจากการควบคุมของรัฐบาล 45.8
2 รัฐบาลมีสิทธิห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวที่กระทบต่อความมั่นคงทางการเมือง 37.3
3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 16.9
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความเห็นต่อ สิทธิของคนไทยในการอ่านข้อมูลข่าวสารใดๆ ก็ได้บนอินเทอร์เน็ต
ลำดับที่ ความเห็นของผู้หญิง ค่าร้อยละ
1 คนไทยควรมีสิทธิที่จะอ่านข้อมูลข่าวสารอะไรก็ได้บนอินเทอร์เน็ต 77.6
2 รัฐบาลควรมีสิทธิที่จะห้ามคนไทยเข้าถึงข้อมูลข่าวสารบนอินเทอร์เน็ต 9.5
3 ไม่ทราบ ไม่แน่ใจ 12.9
รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--
-พห-