ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพลล์” ที่เป็นการสำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็น ตัวอย่างเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไว จากนั้นประมวลผลด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจ เรื่อง การบ่งเพาะกิจกรรมเพื่อชาติ บรรยากาศสังคมไทย กับการทำดีเพื่อแม่ กรณีศึกษาประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ปราจีนบุรี สระแก้ว นครราชสีมา ยโสธร หนองบัวลำภู ขอนแก่น หนองคาย มหาสารคาม เชียงใหม่ แพร่ กำแพงเพชร ประจวบคีรีขันธ์ สุราษฎร์ธานี และชุมพร จำนวนทั้งสิ้น 1,703 ครัวเรือน ดำเนินการสำรวจในวันที่ 9 สิงหาคม 2552 พบว่า
ประชาชนส่วนใหญ่หรือกว่าร้อยละ 80 ติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.4 ระบุว่าเด็กและ เยาวชนในปัจจุบันไม่ค่อยสนใจถึงไม่สนใจเลยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทย มีเพียงร้อยละ 26.6 เท่านั้นที่สนใจค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 70.1 ไม่ค่อยพูดคุย ถึงไม่เคยพูดคุยกันเลยในครอบครัวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 29.9 เคย พูดคุยค่อนข้างมากถึงมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องประวัติศาสตร์ชาติไทยในครอบครัว
ที่น่าเป็นห่วงคือ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.1 ไม่ค่อยทำ ถึงไม่เคยทำเลยในกิจกรรมรักษาป่าไม้ ขณะที่ร้อยละ 38.9 เคยทำค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และเช่นกันส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.8 ระบุคนในชุมชนที่พักอาศัยก็ไม่ค่อยทำถึงไม่เคยทำเลยในกิจกรรมรักษา ป่าไม้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ในขณะที่ร้อยละ 39.2 ระบุทำค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.5 ไม่ค่อยได้ทำถึงไม่เคยทำเลยในกิจกรรมรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ ร้อยละ 30.5 เคยทำค่อนข้างมากถึงมากที่สุด และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.1 ไม่ค่อยมีการประชาสัมพันธ์ถึงไม่มีการประชาสัมพันธ์เลยเรื่องกองทุนแม่ เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดของชุมชนที่ตนเองพักอาศัย ในขณะที่ร้อยละ 36.9 มีการประชาสัมพันธ์ค่อนข้างมากถึงมากที่สุด
ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนมองบรรยากาศของประเทศไทยโดยทั่วไปดีขึ้นกว่าการสำรวจช่วงปลายปีที่แล้ว โดยพบว่า ค่าคะแนนเฉลี่ยเพิ่ม สูงขึ้นในทุกตัวที่ทำการวัดครั้งนี้ เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน โดยตัวชี้วัดตัวแรกคือ ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม เพิ่มขึ้นจาก 5.77 มาอยู่ ที่ 7.20 ตัวชี้วัดตัวที่สองคือ คนไทยยังคงเห็นอกเห็นใจต่อกันและกัน เพิ่มขึ้นจาก 5.38 มาอยู่ที่ 7.00 ตัวชี้วัดตัวที่สามคือ โลกของเราจะน่าอยู่กว่านี้ ถ้าคนชาติอื่นๆ เป็นเหมือนกับคนไทย เพิ่มขึ้นจาก 5.42 มาอยู่ที่ 6.79 ตัวชี้วัดตัวที่สี่คือ ฉันรู้สึกว่า ประชาชนคนไทยในสังคมยังรักและเกื้อกูลกัน เพิ่ม ขึ้นจาก 4.63 มาอยู่ที่ 6.71 และฉันรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความสงบสุขและสันติมากที่สุด เพิ่มขึ้นจาก 4.67 มาอยู่ที่ 6.26 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10
และในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้ สิ่งที่ประชาชนตั้งใจจะทำเพื่อแม่ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 68.6 ตั้งใจจะแสดงความกตัญญู รองลงมา คือ ร้อยละ 58.8 จะทำตามแม่สอน ร้อยละ 54.9 จะกราบเท้าแม่ ร้อยละ 53.1 จะพาแม่ไปทำบุญ ร้อยละ 52.0 จะมอบดอกไม้ให้แม่ ร้อยละ 49.6 จะสวมกอดแม่ รักแม่ ร้อยละ 45.9 จะซื้อของขวัญให้แม่ ร้อยละ 42.4 จะให้เงินแม่ ร้อยละ 37.5 จะพาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และร้อยละ 32.4 จะพาแม่ไปเที่ยว
แต่ที่น่าเศร้าใจคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.8 มองว่าคุณแม่ในสมัยปัจจุบันมีความอดทนอดกลั้นน้อยลงในการอบรมเลี้ยงดูบุตรเมื่อ เปรียบเทียบกับคุณแม่ในสังคมไทยเมื่อ 40 ปีที่แล้ว สาเหตุมาจากวิถีชีวิตที่ยึดติดพึ่งพาวัตถุนิยมและความสะดวกสบาย และปัญหาความซับซ้อนและแรงกด ดันแวดล้อมในชีวิตมีมากขึ้น ในขณะที่ร้อยละ 23.4 มองว่าอดทนมากขึ้นและร้อยละ 14.8 มองว่าเท่าเดิม
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ประชาชนที่ถูกศึกษาขอให้คนไทยปฏิบัติต่อกันในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้และทุกวันตลอดไปคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 76.1 ขอให้คนไทยรักกัน ร้อยละ 75.9 ขอให้อภัยต่อกัน ร้อยละ 74.3 ขอให้มีน้ำใจต่อกัน ร้อยละ 70.8 ขอให้ซื่อสัตย์ต่อกัน ร้อยละ 69.3 ขอให้ เกื้อกูลกัน ร้อยละ 68.7 ขอให้ยิ้มให้กันและกัน ร้อยละ 67.9 ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว ร้อยละ 67.5 ขอให้ชักชวน กันตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทย ร้อยละ 67.1 ขอให้เสียสละ ร้อยละ 66.9 ขอให้ยึดมั่นในความถูกต้อง ร้อยละ 64.2 ขอให้มีวินัยต่อกัน ร้อยละ 63.7 ขอให้ชักชวนกันเชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ และร้อยละ 63.7 เช่นกันขอให้รู้จักอดทนยับยั้งชั่งใจ ตามลำดับ
ดร.นพดล กล่าวว่า สิ่งที่ค้นพบในการวิจัยครั้งนี้มีสิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งใช้กลไกของรัฐ หนุนเสริมให้คนไทยสนใจประวัติศาสตร์ชาติไทย ทำ กิจกรรมปลูกป่าไม้ รักษาแหล่งน้ำ และประชาสัมพันธ์กองทุนแม่เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดให้มากขึ้นอย่างกว้างขวาง และต้องเร่งบ่งเพาะทำให้สิ่งที่ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกำลังมีจิตใจแน่วแน่ในทางสร้างสรรค์เกิดผลเป็นรูปธรรมตามสิ่งที่ขอให้คนไทยปฏิบัติต่อกันในวันแม่แห่งชาติและทุกๆวัน ตลอดไป เช่น ขอให้คนไทยรักกัน ให้อภัยต่อกัน เกื้อกูลกัน มีน้ำใจต่อกัน แต่ก็ยึดมั่นในความถูกต้อง เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษและรู้จักยับยั้งชั่งใจ โดย ควรรณรงค์ให้มีกิจกรรมออกมาสำหรับประชาชนในสังคมเมืองผ่านทางศูนย์การค้าแหล่งจับจ่ายใช้สอยต่างๆ ส่วนในสังคมนอกเมือง น่าจะมีกิจกรรมผ่าน วัด โรงเรียนและลานกิจกรรมในหมู่บ้านชุมชนอย่างต่อเนื่อง
“ส่วนความน่าเศร้าใจที่ผลสำรวจพบว่า คุณแม่ในสังคมไทยปัจจุบันมีความอดทนอดกลั้นในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานน้อยลงนั้น รัฐบาลน่าจะ จัดสรรงบประมาณอย่างต่อเนื่องสนับสนุนให้มีพื้นที่สร้างสรรค์รวมตัวกันสำหรับคุณพ่อคุณแม่จากครอบครัวที่หลากหลายมาทำกิจกรรม แบ่งปันประสบการณ์ ปัญหาและเสนอแนะทางออกร่วมกันในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน โดยเฉพาะครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว และเด็กเยาวชนที่ถูกทอดทิ้ง” ผอ.ศูนย์วิจัยความสุข ชุมชน กล่าว
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 53.4 เป็นหญิง
ร้อยละ 46.6 เป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.7อายุต่ำกว่า 20 ปี
ร้อยละ 22.3 อายุระหว่าง 20 — 29 ปี
ร้อยละ 20.1 อายุระหว่าง 30 — 39 ปี
ร้อยละ 22.8 อายุระหว่าง 40 — 49 ปี
และร้อยละ 25.1 อายุ 50 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 67.7 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
รองลงมาคือร้อยละ 27.3 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
และร้อยละ 5.0 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 30.5 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป
ร้อยละ 27.3 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
ร้อยละ 16.4 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 12.1 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 7.0 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 5.0 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ
ในขณะที่ร้อยละ 1.7 ระบุว่างงาน
ลำดับที่ การติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ค่าร้อยละ
1 ทุกวัน/เกือบทุกวัน 63.5
2 3-4 วันต่อสัปดาห์ 14.6
3 1-2 วันต่อสัปดาห์ 7.9
4 ติดตามเป็นบางสัปดาห์ 8.2
5 ไม่ได้ติดตามเลย 5.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความสนใจในประวัติศาสตร์ชาติไทยของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน
ลำดับที่ ความสนใจในประวัติศาสตร์ชาติไทยของเด็กและเยาวชนในปัจจุบัน ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 26.6
2 ไม่ค่อยสนใจ-ไม่สนใจเลย 73.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในครอบครัวของตนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา
ลำดับที่ การพูดคุยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในครอบครัวของตนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 29.9
2 ไม่ค่อยพูดคุย-ไม่ได้พูดคุยเลย 70.1
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการทำกิจกรรมรักษาป่าไม้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ลำดับที่ การทำกิจกรรมรักษาป่าไม้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 38.9
2 ไม่ค่อยทำ-ไม่ได้ทำเลย 61.1
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ คนในชุมชนเคยร่วมกันทำกิจกรรมรักษาป่าไม้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ลำดับที่ การทำกิจกรรมรักษาป่าไม้ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 39.2
2 ไม่ค่อยทำ-ไม่ได้ทำเลย 60.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการทำกิจกรรมช่วยรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
ลำดับที่ การทำกิจกรรมช่วยรักษาแหล่งน้ำธรรมชาติในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 30.5
2 ไม่ค่อยทำ-ไม่ได้ทำเลย 69.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการประชาสัมพันธ์เรื่องกองทุนแม่เพื่อแก้ปัญหายาเสพติดของชุมชนที่ตนเองพักอาศัย
ลำดับที่ การประชาสัมพันธ์เรื่องกองทุนแม่เพื่อแก้ปัญหายาเสพติด ค่าร้อยละ
1 ค่อนข้างมาก-มากที่สุด 36.9
2 ค่อนข้างน้อย-ไม่มีการประชาสัมพันธ์เลย 63.1
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 8 แสดงค่าคะแนนเฉลี่ยของความรู้สึกต่อประเทศไทยและความเป็นคนไทยในปัจจุบัน เมื่อคะแนนเต็ม 10 คะแนน
ลำดับที่ ความรู้สึกต่อข้อความต่างๆ พฤศจิกายน 51ค่าคะแนนเฉลี่ย สิงหาคม 52ค่าคะแนนเฉลี่ย
1 ฉันยังรู้สึกกล้าพูดได้เต็มที่ว่า ประเทศไทยยังคงเป็นประเทศแห่งรอยยิ้ม 5.77 7.20
2 เมื่ออยู่ในสภาวะที่เดือดร้อน ฉันรู้สึกว่าคนไทยเห็นอกเห็นใจต่อกันและกัน 5.38 7.00
3 โลกของเราจะน่าอยู่กว่านี้ ถ้าคนชาติอื่นๆ เป็นเหมือนกับคนไทย 5.42 6.79
4 ฉันรู้สึกว่า ประชาชนคนไทยในสังคมรักและเกื้อกูลกัน 4.63 6.71
5 ฉันรู้สึกว่าประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในโลกที่มีความสงบสุข และสันติมากที่สุด 4.67 6.26
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่ตั้งใจจะทำเพื่อแม่ในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่ตั้งใจจะทำเพื่อแม่ในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้ ค่าร้อยละ
1 แสดงความกตัญญู 68.6
2 ทำตามแม่สอน 58.8
3 กราบเท้าแม่ 54.9
4 พาแม่ไปทำบุญ 53.1
5 มอบดอกไม้ให้แม่ 52.0
6 สวมกอดแม่ รักแม่ 49.6
7 ซื้อของขวัญให้แม่ 45.9
8 ให้เงินแม่ 42.4
9 พาแม่ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน 37.5
10 พาแม่ไปท่องเที่ยว 32.4
ตารางที่ 10 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อความอดทนอดกลั้นในการเลี้ยงดูบุตรของคุณแม่ในปัจจุบันเมื่อเปรียบเทียบกับคุณแม่ในสังคมไทยเมื่อ 40 ปีที่แล้ว
ลำดับที่ ความคิดเห็น ค่าร้อยละ 1 คิดว่ามีความอดทนอดกลั้นมากขึ้น 23.4 2 น้อยลง เพราะวิถีชีวิตที่ยึดติดพึ่งพาวัตถุนิยมและความสะดวกสบาย -
และปัญหาความซับซ้อนและแรงกดดันแวดล้อมในชีวิตมีมากขึ้น เป็นต้น 61.8
3 เท่าเดิม 14.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 11 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่ขอให้คนไทยปฏิบัติต่อกันในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้และทุกๆ วันตลอดไป(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่ขอให้คนไทยปฏิบัติต่อกันในวันแม่แห่งชาติที่จะมาถึงนี้และทุกๆ วันตลอดไป ค่าร้อยละ 1 รักกัน 76.1 2 ให้อภัยต่อกัน 75.9 3 มีน้ำใจให้กัน 74.3 4 ซื่อสัตย์ต่อกัน 70.8 5 เกื้อกูลกัน 69.3 6 ยิ้มให้กันและกัน 68.7 7 เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนร่วมมากกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว 67.9 8 ชักชวนกันตอบแทนบุญคุณแผ่นดินไทย 67.5 9 เสียสละ 67.1 10 ยึดมั่นในความถูกต้อง 66.9 11 มีวินัยต่อกัน 64.2 12 ชักชวนกันให้เชื่อเรื่องบาปบุญคุณโทษ 63.7 13 รู้จักอดทนยับยั้งชั่งใจ 63.7 --เอแบคโพลล์-- -พห-