ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง เสียงสะท้อนของ ชาวต่างชาติต่อประเทศไทย ภายหลังรัฐบาลจะประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน ในเขตพื้นที่ดุสิต กรณีศึกษาตัวอย่างชาวต่างชาตินัก ธุรกิจและนักท่องเที่ยว จำนวนทั้งสิ้น 468 ตัวอย่าง ดำเนินการสำรวจในวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2552 พบว่า
ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.2 รู้และเข้าใจสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยเพียงเล็กน้อย ร้อยละ 30.9 รู้บ้าง มีเพียง ร้อยละ 3.1 และร้อยละ 0.8 เท่านั้นที่รู้ค่อนข้างละเอียดถึงรู้อย่างละเอียด
เมื่อถามถึงสถานการณ์การเมืองไทยหลังรัฐบาลประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน เขตพื้นที่ดุสิต พบว่า ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 91.2 เห็นว่ารัฐบาลไทยควรจะประชาสัมพันธ์สื่อสารเกี่ยวกับพรบ. รักษาความมั่นคงภายในให้มากกว่านี้ นอกจากนี้ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 70.2 กังวลว่าจะมีความยากลำบากในการเดินทางในขณะที่มีการประกาศพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร อย่างไรก็ ตาม ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 69.8 มองว่าเป็นการดีที่รัฐบาลไทยประกาศใช้พรบ. รักษาความมั่นคงภายในเพื่อป้องกันความวุ่นวาย และร้อย ละ 44.7 เห็นว่า สถานการณ์ในประเทศไทยจะดีกว่านี้ถ้าไม่มีการชุมนุม
ที่น่าสนใจคือ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.5 เชื่อว่าประชาธิปไตยของประเทศไทยจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น และส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 96.3 ไม่เห็นด้วยถ้าประเทศไทยถูกปกครองโดยรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย และที่น่าพิจารณาอย่างยิ่งคือ ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.7 บอกว่า “ฉันรักประเทศไทย”
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 57.4 ค่อนข้างเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทยในอีก 6 เดือนข้างหน้า และร้อยละ 15.3 เชื่อมั่น ในขณะที่ร้อยละ 20.7 ไม่ค่อยเชื่อมั่นและร้อยละ 6.6 ไม่เชื่อมั่น
เมื่อถามถึงเรื่องที่อยากจะพูดถึงเกี่ยวกับประเทศไทยให้ชาวต่างชาติคนอื่นๆ ฟัง พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 61.3 อยากพูดว่า ผู้คนใน ประเทศไทยมีอัธยาศัยดี มีไมตรีจิตต่อกัน ร้อยละ 54.8 อยากพูดว่า สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม มีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจ ร้อยละ 18.7 อยากพูดว่า อาหารน่ารับประทาน รสชาติอร่อยถูกใจ ร้อยละ 16.8 อยากพูดว่าอากาศร้อน แม่น้ำลำคลองมีกลิ่นเหม็น เต็มไปด้วยควันพิษ ร้อยละ 9.0 อยากพูดถึง วัฒนธรรมที่เป็นกันเอง ยิ้มแย้ม ร้อยละ 7.7 อยากพูดถึงสิ่งของราคาถูก เพียงร้อยละ 6.5 อยากพูดว่า ปลอดภัย และร้อยละ 2.6 อยากพูดถึงวิกฤต ขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย
สำหรับทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศไทย ผลสำรวจพบว่า ชาวต่างชาติส่วนใหญ่หรือร้อยละ 71.0 มองว่าทางออก ที่ดีที่สุดคือ ความเป็นประชาธิปไตย ทุกคนมีสิทธิออกเสียงเสนอความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียม ร้อยละ 19.3 ให้ทุกฝ่ายมีการประนีประนอมกัน และร้อย ละ 9.7 ให้มีการเลือกตั้งใหม่ ตามลำดับ
ผอ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า รัฐบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนควรช่วยกันเร่งประชาสัมพันธ์สื่อสารต่อคนไทยและชาวต่างชาติถึง การประกาศใช้พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายใน เพื่อลดทอนความกังวลต่างๆ ที่คาดเคลื่อนไป เพราะมิฉะนั้นจะกระทบต่อภาพลักษณ์ของ ประเทศได้ ทั้งๆ ที่ชาวต่างชาติส่วนใหญ่มองกันว่า เป็นการดีที่มีการประกาศ พรบ.การรักษาความมั่นคงภายในเพื่อป้องกันความวุ่นวายต่างๆ อย่างไรก็ ตาม สิ่งที่คนไทยทั้งประเทศควรจะไตร่ตรองให้ดีคือ ชาวต่างชาติเกือบร้อยละร้อย บอกว่า ฉันรักประเทศไทย และจะไปบอกชาวต่างชาติต่อๆ กันว่า ผู้ คนในประเทศไทยมีอัธยาศัยไมตรีจิตต่อกัน และคนไทยที่ได้ยินประโยคเหล่านี้ไม่คิดที่จะหันหน้ามารักกันและรักประเทศไทยบ้างหรือ เพราะชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่ก็ชี้ให้เห็นว่า พวกเขาค่อนข้างเชื่อมั่นว่าประเทศไทยจะมั่นคงในทางเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า ดังนั้น คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกันประคับ ประคอง นำพาประเทศก้าวต่อไปข้างหน้า และคำนึงถึงความดีส่วนรวมของสังคมมากกว่าผลประโยชน์ของคนใดหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 56.4 เป็นชาย
ร้อยละ 43.6 เป็นหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 6.1 อายุต่ำกว่า 20 ปี
ร้อยละ 64.4 อายุระหว่าง 20 — 29 ปี
ร้อยละ 19.5 อายุระหว่าง 30 — 39 ปี
ร้อยละ 5.4 อายุระหว่าง 40 — 49 ปี
และร้อยละ 4.6 อายุ 50 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 23.2 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
ร้อยละ 35.9 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
และร้อยละ 40.9 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 34.3 ระบุเป็นชาวต่างชาติที่เข้ามาประกอบธุรกิจ/ทำงานในประเทศไทย
ร้อยละ 33.9 ระบุนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 14.7 ระบุเป็นนักท่องเที่ยว
และร้อยละ 17.1 เกษียณอายุ/พ่อบ้าน/แม่บ้าน/ว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ
ตัวอย่าง ร้อยละ 82.9 เป็นนักท่องเที่ยวชาวยุโรป
ร้อยละ 5.4 เป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน
ร้อยละ 5.4 เท่ากันเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย
ร้อยละ 4.7 เป็นนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลีย
และร้อยละ 1.6 เป็นนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น
ลำดับที่ ความรู้/ความเข้าใจในสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย ค่าร้อยละ
1 รู้อย่างละเอียด 0.8
2 รู้ค่อนข้างละเอียด 3.1
3 รู้บ้าง 30.9
4 รู้เล็กน้อย 65.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 ค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุ ความคิดเห็นต่อประเด็นสำคัญของประเทศไทย หลังประกาศใช้ พรบ. มั่นคง
ลำดับที่ ประเด็น เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
1 รัฐบาลไทยควรประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับ พรบ. มั่นคงให้มากขึ้น 91.2 8.8
2 กังวลว่าจะยากลำบากในการเดินทาง 70.2 29.8
3 เป็นการดี ที่รัฐบาลไทยประกาศใช้ พรบ. เพื่อป้องกันความวุ่นวาย 69.8 30.2
4 สถานการณ์ในประเทศไทยจะดีกว่านี้ ถ้าไม่มีการชุมนุม 44.7 55.3
5 เชื่อว่าประชาธิปไตยของประเทศไทยจะทำให้ระบบเศรษฐกิจดีขึ้น 75.5 24.5
6 ประเทศไทยควรถูกปกครองโดยรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย 3.7 96.3
7 ฉันรักประเทศไทย 97.7 2.3
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุระดับความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ
ในอีก 6 เดือนข้างหน้า
ลำดับที่ ระดับความเชื่อมั่นต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ค่าร้อยละ
1 เชื่อมั่น 15.3
2 ค่อนข้างเชื่อมั่น 57.4
3 ค่อนข้างไม่เชื่อมั่น 20.7
4 ไม่เชื่อมั่นเลย 6.6
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุเรื่องที่อยากจะพูดถึงเกี่ยวกับประเทศไทยให้กับชาวต่างชาติคนอื่นๆ ฟัง
(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ เรื่องที่อยากจะพูดถึงประเทศไทยให้ชาวต่างชาติคนอื่นฟัง ค่าร้อยละ
1 ผู้คนมีอัธยาศัยดี มีไมตรีจิตต่อกัน 61.3
2 สถานที่ท่องเที่ยวสวยงาม/แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ 54.8
3 อาหารน่ารับประทาน รสชาติอร่อยถูกใจ 18.7
4 อากาศร้อน/แม่น้ำลำครองมีกลิ่นเหม็น/เต็มไปด้วยควันพิษ 16.8
5 วัฒนธรรมที่เป็นกันเอง ยิ้มแย้ม 9.0
6 สิ่งของราคาถูก 7.7
7 ปลอดภัย 6.5
8 ปัญหาวิกฤตขัดแย้งกันทางการเมือง 2.6
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศไทย
ลำดับที่ ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศไทย ค่าร้อยละ
1 มีความเป็นประชาธิปไตย ให้ทุกคนได้มีสิทธิออกเสียง เสนอความคิดเห็นได้อย่างเท่าเทียม 71.0
2 ให้ทุกฝ่ายมีการประนีประนอมกัน 19.3
3 เลือกตั้งใหม่ 9.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--
-พห-