ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ “เอแบคเรียลไทม์โพลล์ (Real- Time Survey)” ที่เป็นการสำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับ ครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำการสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไวภายในระยะเวลาประมาณ 10 ชั่วโมง จากนั้นประมวลผลด้วยระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจเรื่อง สำรวจความเห็นของกลุ่มคนเป็นหนี้นอกระบบและกลุ่มเจ้าหนี้ต่อมาตรการของรัฐบาลใน การช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ปทุมธานี เพชรบุรี เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู พัทลุง ระนอง และ สุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,163 ครัวเรือน ดำเนินการสำรวจในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2552
ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 ต้องการจะโอนหนี้นอกระบบเข้าตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล ในขณะที่ ร้อยละ 8.3 ไม่ต้องการ และร้อยละ 11.4 ยังไม่แน่ใจ
ดร.นพดล กล่าวว่า แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 58.2 ของผู้ที่เป็นหนี้นอกระบบยังไม่ทราบวงเงินสูงสุดที่ธนาคารจะปล่อยกู้ ไปใช้หนี้นอกระบบ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.2 ยังไม่ทราบเกี่ยวกับการอบรมปรับทัศนคติการเป็นหนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.2 ยังไม่ทราบสถานที่ลง ทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ ส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 77.6 ยังไม่ทราบเวลาที่เปิดลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 84.5 ยังไม่ทราบ ระยะเวลาผ่อนชำระคืนให้กับธนาคาร ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.5 ยังไม่ทราบอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้ในการรับโอนหนี้ และส่วนใหญ่หรือ ร้อยละ 85.7 ยังไม่ทราบว่าลูกหนี้นอกระบบที่จะโอนหนี้ ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐาน การกู้ยืมมาแสดง
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 74.3 ทราบข่าวการปราบปรามกลุ่มคนที่ปล่อยหนี้นอกระบบ แต่ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อสอบถามกลุ่มคน ปล่อยหนี้นอกระบบ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 92.0 มองว่ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาลไม่มีผลกระทบต่อการปล่อยหนี้นอกระบบของ พวกเขา และเกินกว่าครึ่งหรือร้อยละ 54.5 ยังบอกด้วยว่า มาตรการของรัฐบาลไม่มีผลทำให้พวกเขาลดดอกเบี้ยให้กับลูกหนี้นอกระบบอีกด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่น่าพิจารณาอีกประการหนึ่งคือ ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความโปร่งใสไม่ทุจริตคอรัปชั่นจากมาตรการของรัฐบาลที่ช่วย เหลือลูกหนี้นอกระบบ มีค่าเฉลี่ยที่เกินกว่าครึ่งมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นคือ 5.12 จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 87.8 มองว่ารัฐบาลควรเร่งประกาศสงครามกวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่น และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 75.6 เห็นว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีควรเป็นประธานรณรงค์แก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นด้วยตนเอง
ผ.อ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า น่าเป็นห่วงว่ากลุ่มลูกหนี้นอกระบบส่วนใหญ่ยังไม่ทราบรายละเอียดข้อมูลสำคัญในมาตรการของรัฐบาลที่ช่วย เหลือกลุ่มลูกหนี้นอกระบบ อาจส่งผลให้มาตรการนี้ล้มเหลวได้จากสาเหตุสำคัญอย่างน้อยสามประการคือ
ประการแรก ปัญหาการคุมเกมการสื่อสารข้อมูลที่มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอของรัฐบาล ในเวลาที่รัฐบาลมีนโยบายหรือมาตรการสำคัญออก มาก็มักประสบกับ “ข่าวใหญ่” อื่นๆ มาปิดการรับรู้ข้อมูลจำเป็นสำหรับประชาชนกลุ่มเป้าหมายโดยตลอด ซึ่งข่าวใหญ่อื่นๆ เหล่านั้นมักจะเป็นข่าวไม่ดีต่อ ความรู้สึกของประชาชนและเกิดขึ้นจากทั้งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลและฝ่ายรัฐบาลเสียเอง
ประการที่สอง ปัญหาเรื่องการบริหารจัดการของรัฐบาลในมาตรการช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้นอกระบบครั้งนี้ที่ยังไม่สร้างความมั่นใจมากเพียง พอในกลุ่มประชาชนทั่วไปว่าจะแก้ปัญหาของชาวบ้านอย่างยั่งยืนได้อย่างไร
ประการที่สามคือ ปัญหาความไม่โปร่งใส การทุจริต การสวมรอยของกลุ่มที่อาจไม่มีปัญหาหนี้นอกระบบตัวจริงเข้ามาใช้งบประมาณของ รัฐบาลจากมาตรการนี้ได้ ส่วนกลุ่มลูกหนี้นอกระบบตัวจริงที่เดือดร้อนอาจจะไม่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล ดังนั้น การแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นน่าจะ ต้องระดมทรัพยากรครั้งใหญ่อีกครั้งและนายกรัฐมนตรีน่าจะใช้จุดแข็งด้านความซื่อสัตย์สุจริตเป็นประธานนั่งหัวโต๊ะสั่งการแก้ปัญหาด้วยตนเอง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 54.9 เป็นหญิง
ร้อยละ 45.1 เป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 4.2 อายุต่ำกว่า 20 ปี
ร้อยละ 16.9 อายุระหว่าง 20 — 29 ปี
ร้อยละ 22.8 อายุระหว่าง 30 — 39 ปี
ร้อยละ 26.3 อายุระหว่าง 40 — 49 ปี
และร้อยละ 29.8 อายุ 50 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 89.5 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
รองลงมาคือร้อยละ 10.2 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
และร้อยละ 0.3 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 46.7 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป
ร้อยละ 25.6 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
ร้อยละ 11.9 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ
ร้อยละ 5.2 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 4.6 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 3.3 ระบุอาชีพข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ในขณะที่ ร้อยละ 2.7 ระบุว่างงาน/ไม่ประกอบอาชีพ
ลำดับที่ ความต้องการโอนหนี้ ค่าร้อยละ
1 ต้องการโอนหนี้ตามมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล 80.3
2 ไม่ต้องการ 8.3
3 ไม่แน่ใจ 11.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการรับทราบข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ในประเด็นต่างๆ
ลำดับที่ ข่าวสารเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบ ทราบ ไม่ทราบ
1 วงเงินสูงสุดที่ธนาคารจะปล่อยกู้ไปใช้หนี้นอกระบบ 41.8 58.2
2 ลูกหนี้นอกระบบที่จะโอนหนี้ ต้องเข้าอบรมปรับทัศนคติการเป็นหนี้ ไม่ให้กลับไปกู้ยืมเงินนอกระบบ 40.8 59.2
3 สถานที่ลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ 36.8 63.2
4 ช่วงเวลาที่เปิดลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบ 22.4 77.6
5 ระยะเวลาการผ่อนชำระคืนให้กับธนาคาร 15.5 84.5
6 อัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่รัฐบาลกำหนดไว้ ในการรับโอนหนี้นอกระบบ 12.5 87.5
7 ลูกหนี้นอกระบบที่จะโอนหนี้ ไม่ต้องมีเอกสารหลักฐานการกู้ยืมมาแสดง 12.3 85.7
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการรับทราบข่าวการปราบปรามกลุ่มคนที่ปล่อยหนี้นอกระบบ
ลำดับที่ การรับทราบข่าว ค่าร้อยละ
1 ทราบ 74.3
2 ไม่ทราบ 25.7
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุผลกระทบต่อการปล่อยเงินกู้ เมื่อมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล
(เฉพาะผู้ที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ หรือสมาชิกในครอบครัวเป็นคนปล่อยเงินกู้นอกระบบ)
ลำดับที่ ผลกระทบต่อการปล่อยเงินกู้ ค่าร้อยละ
1 มีผลกระทบ 8.0
2 ไม่มีผลกระทบ 92.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ย เมื่อมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบของรัฐบาล (เฉพาะผู้ที่ปล่อยเงินกู้นอกระบบ หรือสมาชิกในครอบครัวปล่อยเงินกู้นอกระบบ)
ลำดับที่ การลดอัตราดอกเบี้ย ค่าร้อยละ
1 ลดดอกเบี้ย 45.5
2 ไม่ลด 54.5
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าเฉลี่ยระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความโปร่งใสไม่มีทุจริตคอรัปชั่นในการช่วยเหลือลูกหนี้นอกระบบโดยรัฐบาล
ความเชื่อมั่น ค่าคะแนนเต็ม 10 คะแนนค่าเฉลี่ยระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อความโปร่งใส 5.12
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อรัฐบาลในการประกาศสงครามกวาดล้างการทุจริตคอรัปชั่น
ลำดับที่ ความเห็น ค่าร้อยละ
1 เห็นด้วย 87.8
2 ไม่เห็นด้วย 12.2
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเห็นต่อ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในการเป็นประธานรณรงค์แก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นด้วยตนเอง
ลำดับที่ ความเห็น ค่าร้อยละ
1 เห็นด้วย 75.6
2 ไม่เห็นด้วย 24.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
--เอแบคโพลล์--
-พห-