ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัย “เอแบคเรียลไทม์โพลล์” ที่เป็นการ สำรวจจากครัวเรือนที่สุ่มตัวอย่างได้ทั่วประเทศตามหลักสถิติแบบแบ่งกลุ่มเชิงชั้นภูมิหลายชั้น และได้ติดตั้งโทรศัพท์ให้กับครัวเรือนที่เป็นตัวอย่างเพื่อทำ การสัมภาษณ์ได้อย่างรวดเร็วฉับไว จากนั้นประมวลผลด้วยระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบเรียลไทม์ โดยครั้งนี้ได้ทำการสำรวจ เรื่อง ผลงาน รัฐบาลในรอบ 1 ปี การยุบพรรคประชาธิปัตย์ และกรณีปฏิทินนู้ดในทรรศนะของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ ขอนแก่น ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู ระนอง พัทลุง และ สุราษฎร์ธานี จำนวนทั้งสิ้น 1,150 ครัวเรือน ดำเนินการสำรวจในวันที่ 18-19 ธันวาคม 2552 ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนเป็นประจำทุกสัปดาห์
ที่น่าพิจารณาคือ 10 อันดับแรกของผลงานรัฐบาลที่ประชาชนพอใจมากที่สุดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา พบว่า อันดับที่หนึ่งของผลงานรัฐบาลได้ 8.15 คะแนน คือ การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ อันดับที่สอง ได้ 7.59 คะแนน คือ เบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน อันดับที่ สาม ได้ 7.28 คะแนน คือ การศึกษาเรียนฟรี 15 ปี อันดับที่สี่ ได้ 7.04 คะแนน คือการป้องกันประเทศ อันดับที่ห้า ได้ 6.79 คะแนน คือ การ ประกันราคาพืชผลทางการเกษตร อันดับที่หก ได้ 6.75 คะแนน คือ การลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในส่วนของการเดินทาง ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า น้ำประปา และรองๆ ลงไปคือ โครงการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง การเฝ้าระวังป้องกันและควบคุมโรคระบาด การส่งเสริมความร่วมมือของ ประเทศในกลุ่มอาเซียน และการส่งเสริมตลาดและการกระจายสินค้าเกษตรและชุมชน
อย่างไรก็ตาม 10 อันดับแรกที่ประชาชนพอใจผลงานรัฐบาลน้อยที่สุด ได้แก่ อันดับแรก ได้คะแนนพอใจเฉลี่ย 5.10 คะแนนหรือเกินกว่า ครึ่งมาเพียงเล็กน้อยคือ การแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รองลงมาคือพอใจน้อยที่สุดอันดับที่สองได้ 5.55 คะแนน คือ การแก้ ปัญหาทุจริตคอรัปชั่น และพอใจน้อยที่สุดอันดับสามได้ 5.74 คือ การแก้ปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง ตามติดด้วย การกำกับดูแลเรื่องราคาน้ำมันได้ 5.78 คะแนน การเสริมสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติได้ 5.95 คะแนน และรองๆ ลงไปคือ การกระตุ้นการท่องเที่ยว การดูแลสร้าง ความเป็นธรรมในสังคม การแก้ไขปัญหายาเสพติด มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และโครงการต้นกล้าอาชีพของรัฐบาล เป็นต้น
ดร.นพดล กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หากมองในแง่ดีแล้วจะพบว่า ผลงานของรัฐบาลทุกด้านที่นำมาสอบถามประชาชนครั้งนี้ได้คะแนนสอบ ผ่านเกินครึ่งในทุกมาตรการ เพียงแต่ว่า บางเรื่องต้องการให้รัฐบาลทำงานหนักและจริงจังต่อเนื่องมากยิ่งขึ้น ตามผลสำรวจที่ค้นพบครั้งนี้ ซึ่งเมื่อ วิเคราะห์คะแนนความพอใจโดยรวมของประชาชนต่อผลงานของรัฐบาลพบว่า ได้ 6.35 คะแนนจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน มีความหมายว่า ประชาชน พอใจต่อผลงานรัฐบาลค่อนข้างมาก ในขณะที่ร้อยละ 45.0 พอใจมาก และร้อยละ 14.7 พอใจมากที่สุด อย่างไรก็ตาม มีประชาชนร้อยละ 11.9 พอ ใจน้อย และร้อยละ 4.7 ไม่พอใจเลย ร้อยละที่เหลือคือ 23.7 พอใจระดับปานกลาง
เมื่อสอบถามถึงการทราบ ข่าว กกต.ที่กำลังตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท นั้นพบว่า ร้อยละ 53.3 ทราบ ข่าว แต่ร้อยละ 46.7 ไม่ทราบข่าว โดยในกลุ่มคนที่ทราบข่าวพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.9 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นต่อความโปร่งใส ของกระบวนการตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท และส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.8 คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ถูกยุบ
และเมื่อสอบถามถึง กรณีการจัดทำ ปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 65.4 มองว่าเป็นกลยุทธ์ทางการ ตลาดเพื่อได้พื้นที่ข่าวที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม รองลงมาคือร้อยละ 52.7 มองว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ในขณะที่ ร้อยละ 38.6 มองว่าเป็นเรื่อง สีสันในช่วงปีใหม่
นอกจากนี้ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.7 ยังกังวลและเป็นห่วงว่า กรณีการจัดทำปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะกระทบต่อเด็กและ เยาวชน ร้อยละ 86.9 กังวลและเป็นห่วงว่าจะกระทบต่อศีลธรรมอันดีของคนไทย ร้อยละ 80.6 กังวลและเป็นห่วงว่า จะเป็นการกระตุ้นให้เกิด อาชญากรรมทางเพศมากขึ้น และร้อยละ 58.2 กังวลและเป็นห่วงว่าเป็นการกระตุ้นให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากขึ้น ตามลำดับ
ผ.อ.เอแบคโพลล์ กล่าวว่า เรื่องผลงานรัฐบาลในการสำรวจครั้งนี้น่าจะอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจค่อนข้างมากเพราะรัฐบาลได้คะแนนพอใจ เกินครึ่งในทุกเรื่อง แต่มีบางเรื่องที่ประชาชนยังพึงพอใจน้อยอยู่ และที่น่าเป็นห่วงต่อเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศไทยอีกครั้ง คือ กรณีข่าวการ รับบริจาคเงิน 258 ล้านบาทที่อาจกลายเป็นอีกหนึ่งปมในความขัดแย้งทางการเมืองขึ้นได้อีก และ ปัญหาสังคมด้านอื่นๆ ที่รัฐบาลควรจะนำมาพิจารณา แก้ไขที่จริงจังและต่อเนื่อง โดยวางระบบป้องกันแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนโดยไม่คำนึงว่าจะกระทบต่อกลุ่มนายทุนของรัฐบาล ที่ประชาชนเห็นแล้วน่าเป็นห่วง เพราะ เมื่อประเทศไทยกำลังจะเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชนก็ต้องมาอกสั่นขวัญกระเจิงกับสถานการณ์บ้านเมืองที่อาจจะเพลี่ยงพล้ำกันอีก ทางออกก็คือ ประชาชนน่าที่จะนำหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะอยู่ได้ในทุกสถานการณ์และทำใจ เตรียมตัวรอรับ สถานการณ์ในปีหน้า หรือร้องเพลง เซรา เซรา อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดไปพลางๆ
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า
ตัวอย่าง ร้อยละ 53.2 เป็นหญิง
ร้อยละ 46.8 เป็นชาย
ตัวอย่าง ร้อยละ 5.2 อายุต่ำกว่า 20 ปี
ร้อยละ 17.1 อายุระหว่าง 20 — 29 ปี
ร้อยละ 21.4 อายุระหว่าง 30 — 39 ปี
ร้อยละ 25.7 อายุระหว่าง 40 — 49 ปี
และร้อยละ 30.6 อายุ 50 ปีขึ้นไป
ตัวอย่าง ร้อยละ 76.6 สำเร็จการศึกษาต่ำกว่าปริญญาตรี
รองลงมาคือร้อยละ 20.6 สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
และร้อยละ 2.8 สำเร็จการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 30.2 ระบุอาชีพเกษตรกร/รับจ้างทั่วไป
ร้อยละ 25.2 ระบุอาชีพค้าขาย/ธุรกิจส่วนตัว
ร้อยละ 18.7 ระบุอาชีพพนักงานบริษัทเอกชน
ร้อยละ 12.5 ระบุข้าราชการ/พนักงานรัฐวิสาหกิจ
ร้อยละ 5.9 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ร้อยละ 4.0 เป็นแม่บ้าน/พ่อบ้าน/เกษียณอายุ
ในขณะที่ร้อยละ 3.5 ระบุว่างงาน
ลำดับที่ การติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ค่าร้อยละ 1 ทุกวัน/เกือบทุกวัน 33.6 2 3-4 วันต่อสัปดาห์ 28.4 3 1-2 วันต่อสัปดาห์ 23.0 4 ติดตามเป็นบางสัปดาห์ 10.1 5 ไม่ได้ติดตามเลย 4.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 2 แสดง 10 อันดับแรก ผลงานรัฐบาลที่ประชาชนพอใจมากที่สุด (คะแนนเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) ลำดับที่ ผลงานรัฐบาลที่ ประชาชนพอใจมากที่สุด คะแนนเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน 1 การปกป้องและเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ 8.15 2 เบี้ยยังชีพแก่ผู้สูงอายุ 500 บาทต่อเดือน 7.59 3 การศึกษาเรียนฟรี 15 ปี 7.28 4 การป้องกันประเทศ 7.04 5 การประกันราคาพืชผลทางการเกษตร 6.79 6 การลดภาระค่าครองชีพของประชาชนในส่วนของการเดินทาง ก๊าซหุงต้ม ไฟฟ้า ประปา 6.75 7 โครงการจัดตั้งกองทุนเศรษฐกิจพอเพียง (ชุมชนพอเพียง) 6.67 8 การเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคระบาด 6.59 9 การส่งเสริมความร่วมมือของประเทศในกลุ่มอาเซียน 6.58 10 การส่งเสริมตลาดและการกระจายสินค้าทางการเกษตรและสินค้าชุมชน 6.35 ตารางที่ 3 แสดง 10 อันดับแรก ผลงานรัฐบาลที่ประชาชนพอใจน้อยที่สุด (คะแนนเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน) ลำดับที่ ผลงานรัฐบาลที่ ประชาชน พอใจน้อยที่สุด ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา คะแนนเฉลี่ยจากคะแนนเต็ม 10 คะแนน 1 การแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 5.10 2 การแก้ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น 5.55 3 การแก้ไขปัญหาผู้หลบหนีเข้าเมือง 5.74 4 การกำกับดูแลเรื่องราคาน้ำมัน 5.78 5 การเสริมสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ 5.95 6 การกระตุ้นการท่องเที่ยว 5.96 7 การดูแลสร้างความเป็นธรรมในสังคม 6.00 8 การแก้ไขปัญหายาเสพติด 6.00 9 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 6.09 10 โครงการต้นกล้าอาชีพ ฝึกอบรมอาชีพ 6.21 ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความพึงพอใจต่อผลงานรัฐบาลโดยภาพรวมในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ลำดับที่ ความพึงพอใจต่อผลงานรัฐบาลโดยภาพรวมในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ค่าร้อยละ 1 ไม่พอใจเลย 4.7 2 น้อย 11.9 3 ปานกลาง 23.7 4 มาก 45.0 5 พอใจมากที่สุด 14.7 รวมทั้งสิ้น 100.0
คะแนนเฉลี่ยความพึงพอใจโดยภาพรวมจากคะแนนเต็ม 10 คะแนนเท่ากับ 6.35
กำลังตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท
ลำดับที่ การรับทราบข่าวคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังตรวจสอบ ค่าร้อยละ
กรณีพรรคประชาธิปัตย์รับเงินบริจาค 258 ล้านบาท
1 ทราบข่าว 53.3 2 ไม่ทราบข่าว 46.7 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความเชื่อมั่นในความโปร่งใสของกระบวนการตรวจสอบกรณีพรรคประชาธิปัตย์รับบริจาคเงิน 258 ล้านบาท ลำดับที่ ความเชื่อมั่นของประชาชน ค่าร้อยละ 1 ค่อนข้างเชื่อมั่นถึงเชื่อมั่น 43.1 2 ไม่ค่อยเชื่อมั่น ถึงไม่เชื่อมั่น 56.9 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุโอกาสที่พรรคประชาธิปัตย์ถูกยุบพรรคจากกรณีรับเงินบริจาค 258 ล้านบาท ลำดับที่ โอกาสในการถูกยุบพรรคประชาธิปัตย์ ค่าร้อยละ 1 ถูกยุบ 36.2 2 คิดว่าไม่ถูกยุบ 63.8 รวมทั้งสิ้น 100.0 ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุความคิดเห็นต่อการจัดทำปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อการจัดทำปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ค่าร้อยละ 1 เป็นกลยุทธ์ทางการตลอดที่ขาดความรับผิดชอบต่อสังคม 65.4 2 เป็นเรื่องผิดกฎหมาย 52.7 3 เป็นสีสันในช่วงปีใหม่ 38.6 ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุสิ่งที่กังวลเป็นห่วงจากกรณีการจัดทำปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ) ลำดับที่ สิ่งที่กังวลเป็นห่วงจากกรณีการจัดทำปฏิทินนู้ดของบริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ค่าร้อยละ 1 กระทบต่อเด็กและเยาวชน 89.7 2 กระทบต่อศีลธรรมอันดีของคนไทย 86.9 3 เป็นการกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมทางเพศมากขึ้น 80.6 4 เป็นการกระตุ้นให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มากขึ้น 58.2 --เอแบคโพลล์-- -พห-