ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ร่วมกับ นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หัวหน้า เครือข่ายเยาวชนเพื่อการวิจัย ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง คำขวัญวันเด็ก กับเสียงสะท้อนของเด็กๆ ต่อผู้ใหญ่ในสังคม ไทย กรณีศึกษาเด็กและเยาวชนที่มีอายุ 10 — 15 ปีใน 17 จังหวัดของประเทศไทย ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สุโขทัย พิษณุโลก เชียงใหม่ สมุทรสาคร พระนครศรีอยุธยา นครปฐม ชลบุรี นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ศรีษะเกษ อุดรธานี ขอนแก่น ยะลา นราธิวาส และสงขลา ในการศึกษา ครั้งนี้มีจำนวนตัวอย่างเด็กและเยาวชนใน 17 จังหวัดที่ถูกศึกษา รวมทั้งสิ้น 1,127 คน ดำเนินโครงการใน วันที่ 1-7 มกราคม 2553 ผลการ สำรวจพบว่า
เด็กส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.2 ทราบว่าวันเด็กตรงกับวันที่ 9 มกราคม 2553 นี้ แต่ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.0 ไม่ทราบคำขวัญวันเด็ก จากนายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในปีนี้ที่ว่า คิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม ในขณะที่ร้อยละ 38.0 ทราบ
ที่น่าพิจารณาคือ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้จากกลุ่มนักการเมืองผู้ใหญ่ในสังคมอันดับแรกหรือร้อยละ 59.0 คืออยากให้ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน รอง ลงมาคือ ร้อยละ 57.7 ขอให้ผู้ใหญ่ช่วยกันทำให้สังคมไทยสงบสุข ร้อยละ 38.9 ขอให้ผู้ใหญ่ช่วยกันพัฒนาประเทศไม่แบ่งฝ่าย ร้อยละ 30.5 ไม่เห็นแก่ ประโยชน์ส่วนตัว ร้อยละ 29.3 รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น ร้อยละ 28.7 ขอให้ผู้ใหญ่มีความซื่อสัตย์ เลิกคดโกง รองๆ ลงไปคือ ควรเป็นแบบอย่าง ที่ดีให้แก่เด็กๆ ควรให้เด็กๆ ได้มีโอกาสแสดงออก หันมาใส่ใจครอบครัวมากขึ้น และควรให้ความสำคัญกับเด็กๆ มากกว่านี้ ตามลำดับ
สำหรับปีนี้ สิ่งที่เด็กๆ อยากทำร่วมกับครอบครัวในวันเด็กปีนี้ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 44.3 ร่วมกิจกรรมวันเด็ก รองลงมาคือ ร้อย ละ 43.1 อยู่บ้านกับครอบครัว ร้อยละ 34.7 ทำบุญ/ตักบาตร และรองๆ ลงไปคือ ไปเที่ยวทะเล น้ำตก สวนสัตว์ สวนสนุก ทำกิจกรรมช่วยเหลือ สังคม ไปเยี่ยมญาติ และเดินห้างสรรพสินค้า ตามลำดับ
นอกจากนี้ “พร” ที่เด็กๆ ขอในวันเด็กปีนี้ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 64.7 ขอครอบครัวที่อบอุ่น รองลงมาคือ ร้อยละ 40.7 ขอ สุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี ร้อยละ 38.9 ขอสังคมที่สงบสุขและปลอดภัย ร้อยละ 18.0 ขอโรงเรียนและคุณครูที่ดี ร้อยละ 16.2 ขอมีฐานะการเงินที่ดี และรองๆ ลงไปคือ ขอสังคมที่ปลอดจากสิ่งเสพติดและอบายมุข ขอสนามเด็กเล่นและสนามกีฬาที่ดี ขอสิ่งแวดล้อมที่ดีไม่มีมลพิษ และขอไม่ให้มีปัญหาทุจริต คอรัปชั่น เป็นต้น
ที่น่าดีใจจากมุมมองของเด็กๆ ที่ค้นพบในชุมชนที่พักอาศัยคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.9 ระบุเป็นชุมชนที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันและกัน รองลง มาคือ ร้อยละ 60.6 เป็นชุมชนที่รักใคร่ปองดองกัน ร้อยละ 41.3 ระบุเป็นชุมชนที่อยู่กันแบบญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตาม จำนวนมากเกินกว่า 1 ใน 4 หรือร้อยละ 26.3 ระบุว่ายังเป็นชุมชนที่ไม่มีน้ำใจต่อกัน ร้อยละ 14.4 ระบุต่างคนต่างอยู่ ร้อยละ 13.2 ระบุเอารัดเอาเปรียบกัน และร้อยละ 3.6 ระบุเป็นชุมชนที่มุ่งกอบโกยผลประโยชน์
สำหรับสิ่งที่เด็กๆ อยากทำเพื่อประโยชน์ต่อครอบครัวและชุมชนที่พักอาศัย พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.2 ระบุตั้งใจเรียนหนังสือ รอง ลงมาคือ ร้อยละ 61.1 เชื่อฟังพ่อแม่ ผู้ปกครอง ร้อยละ 45.5 ขยันหมั่นเพียร ร้อยละ 44.3 ประหยัด อดออม ร้อยละ 42.5 ช่วยแบ่งเบาภาระ ครอบครัว ร้อยละ 40.7 ช่วยเหลือผู้อื่น และรองๆ ลงไปคือ ปลูกต้นไม้เพื่อลดปัญหาโลกร้อน ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุข ไม่ทะเลาะกันใน ชุมชน ร่วมกิจกรรมกับชุมชนเมื่อมีโอกาส ช่วยครอบครัวหารายได้ แยกขยะให้ถูกประเภท และประหยัดพลังงานโดยปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้
อย่างไรก็ตาม ที่น่าเป็นห่วงคือ เด็กประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 50.6 มองว่าคุณภาพเด็กไทยในทุกวันนี้โดยภาพรวม “ดีขึ้น” แต่อีก ประมาณครึ่งหนึ่งหรือร้อยละ 49.4 มองว่า “แย่ลง”
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กๆ จำนวนมากหรือร้อยละ 42.2 บอกว่า พ่อแม่หรือผู้ปกครองในบ้านที่ตนเองพักอาศัยอยู่ด้วย ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ร้อย ละ 30.1 บอกว่าพ่อ แม่ ผู้ปกครอง สูบบุหรี่ และเกือบ 1 ใน 4 หรือร้อยละ 23.6 บอกว่า พ่อ แม่ ผู้ปกครอง เล่นทายพนัน เล่นหวย ตามลำดับ
ผ.อ.ศูนย์วิจัยความสุขชุมชน กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนว่า เด็กๆ ไม่ต้องการเห็นความขัดแย้งรุนแรง และการทะเลาะกันของผู้ใหญ่ทั้งใน บ้าน ในชุมชน และในสังคมโดยส่วนรวม ดังนั้น การที่จะแก้ปัญหาเด็กตีกันและปัญหาการใช้ความรุนแรงในกลุ่มวัยรุ่น ผู้ใหญ่ทั้งพ่อแม่ ผู้ปกครองและกลุ่ม นักการเมืองต้องทำเป็นแบบอย่างที่ดีให้เด็กๆ ก่อน
“ผลวิจัยชิ้นนี้จึงเรียบง่าย เข้าใจได้ง่ายว่า ประเทศไทยจะไปได้รอดอย่างแน่นอน ถ้าผู้ใหญ่ในสังคมนำเสียงสะท้อนของเด็กไปประพฤติ ปฏิบัติตนทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และสังคมเพื่อให้เด็กวันนี้สามารถกล่าวได้อย่างเต็มที่ในอีก 5 ปีหรือ 10 ปีข้างหน้าว่า สังคมไทยดีได้เพราะ บรรดาคุณพ่อคุณแม่ และผู้ใหญ่ในสังคมปี 2553 ได้เป็นแบบอย่างที่ดีให้พวกเขาได้ยึดถือเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตแต่ละวัน ดังนั้น ผู้ใหญ่ในสังคมปีนี้คงไม่ ต้องรอให้เด็กๆ ทนไม่ได้กับพฤติกรรมจนต้องลุกขึ้นมาเตือนสติอะไรกันอีกแล้ว” นางสาวปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา หัวหน้าเครือข่ายเยาวชนเพื่อ การวิจัย กล่าว
ลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง
จากการพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่างร้อยละ 54.5 เป็นหญิง
ร้อยละ 45.5 เป็นชาย
นอกจากนี้ ร้อยละ 53.3 อายุ 10 — 12 ปี
ร้อยละ 46.7 อายุ 13-15 ปี
ทั้งนี้ร้อยละ 1.8 ระบุไม่ได้เรียนหนังสือเลย
ร้อยละ 47.0 กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
ร้อยละ 51.2 กำลังศึกษาอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
ทั้งนี้ตัวอย่างส่วนใหญ่คือ ร้อยละ 81.7 ระบุพักอาศัยอยู่กับบิดามารดา
ในขณะที่ร้อยละ 17.7 ระบุพักอาศัยอยู่กับญาติ/พี่น้อง
และร้อยละ 0.6 ระบุอื่นๆ อาทิ อยู่กับเพื่อน ครูอาจารย์หรือผู้ปกครองที่ไม่ใช่ญาติ เป็นต้น
โปรดพิจารณาประเด็นสำคัญที่ค้นพบในตารางต่อไปนี้
ลำดับที่ การรับทราบ ค่าร้อยละ
1 ทราบ 80.2
2 ไม่ทราบ 19.8
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 2 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุการรับทราบคำขวัญของนายกรัฐมนตรีในวันเด็กปีนี้
ลำดับที่ การรับทราบ ค่าร้อยละ
1 ทราบ 38.0
2 ไม่ทราบ 62.0
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 3 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุสิ่งที่อยากได้จากกลุ่มนักการเมืองในวันเด็กปีนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่เด็กๆ อยากได้จากกลุ่มนักการเมือง ค่าร้อยละ
1 ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน 59.0
2 ช่วยกันทำให้สังคมไทยสงบสุข 57.7
9 ช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่แบ่งฝ่าย 38.9
6 ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว 30.5
4 รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น 29.3
3 ผู้ใหญ่มีความซื่อสัตย์ เลิกคดโกง 28.7
8 ควรเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เด็กๆ 27.5
7 ควรให้เด็กๆ ได้มีโอกาสแสดงออก 24.0
5 หันมาใส่ใจครอบครัวมากขึ้น 22.8
10 ควรให้ความสำคัญกับเด็กๆ มากกว่านี้ 22.8
ตารางที่ 4 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุกิจกรรมที่อยากทำร่วมกับครอบครัวในวันเด็กปีนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ กิจกรรมที่เด็กๆ อยากทำร่วมกับครอบครัวในวันเด็กปีนี้ ค่าร้อยละ
1 ร่วมกิจกรรมวันเด็ก 44.3
2 อยู่บ้านกับครอบครัว 43.1
3 ทำบุญ / ตักบาตร 34.7
4 ไปเที่ยวทะเล/น้ำตก 26.9
5 ไปเที่ยวสวนสัตว์/สวนสนุก 26.3
6 ทำกิจกรรมช่วยเหลือสังคม 20.4
7 ไปเยี่ยมญาติ 13.8
8 ไปเดินห้างสรรพสินค้า 11.4
ตารางที่ 5 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุพรที่ขอในวันเด็กปีนี้ (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ พรที่เด็กๆ ขอในวันเด็กปีนี้ ค่าร้อยละ
1 ขอครอบครัวที่อบอุ่น 64.7
2 สุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี 40.7
3 สังคมที่สงบสุข และปลอดภัย 38.9
4 โรงเรียนและคุณครูที่ดี 18.0
5 มีฐานะทางการเงินที่ดี 16.2
6 สังคมที่ปลอดจากสิ่งเสพติดและอบายมุข 13.2
7 สนามเด็กเล่นและสนามกีฬาที่ดี 8.4
8 มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่มีมลพิษ 7.8
9 อื่นๆ อาทิ ไม่มีปัญหาการคอรัปชั่น/โอกาสและพื้นที่ในการแสดงออก/การจราจรไม่ติดขัด 9.0
ตารางที่ 6 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุความคิดเห็นต่อลักษณะโดยรวมของชุมชนที่ตนเองพักอาศัย(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ ความคิดเห็นต่อลักษณะโดยรวมของชุมชนที่ตนเองพักอาศัย ค่าร้อยละ
1 ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน 62.9
2 รักใคร่ปองดองกัน 60.6
3 อยู่กันแบบญาติพี่น้อง 41.3
4 ไม่มีน้ำใจต่อกัน 26.3
5 ต่างคนต่างอยู่ 14.4
6 เอารัดเอาเปรียบ 13.2
7 มุ่งกอบโกยผลประโยชน์ 3.6
ตารางที่ 7 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุสิ่งที่อยากทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและชุมชน (ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ สิ่งที่อยากทำเพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวและชุมชน ค่าร้อยละ
1 ตั้งใจเรียนหนังสือ 77.2
2 เชื่อฟังพ่อ/แม่/ผู้ใหญ่ 61.1
3 ขยันหมั่นเพียร 45.5
4 ประหยัด อดออม 44.3
5 ช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว 42.5
6 ช่วยเหลือผู้อื่น 40.7
7 ปลูกต้นไม้เพื่อลดปัญหาโลกร้อน 36.5
8 ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดและอบายมุข 34.1
9 ไม่ทะเลาะกันในชุมชน 30.1
10 ร่วมกิจกรรมกับชุมชนเมื่อมีโอกาส 29.3
11 ช่วยครอบครัวหารายได้ 24.6
12 แยกขยะให้ถูกประเภท 23.4
13 ประหยัดพลังงานโดยปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้ 23.4
ตารางที่ 8 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างเด็กๆ ที่ระบุความคิดเห็นต่อคุณภาพของเด็กไทยในทุกวันนี้โดยภาพรวม
ลำดับที่ คุณภาพของเด็กไทย ค่าร้อยละ
1 ดีขึ้น 50.6
2 แย่ลง 49.4
รวมทั้งสิ้น 100.0
ตารางที่ 9 แสดงค่าร้อยละของตัวอย่างที่ระบุการมีพฤติกรรมต่างๆ ของบุคคลที่พักอาศัยอยู่ด้วย เช่น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง(ตอบได้มากกว่า 1 ข้อ)
ลำดับที่ การมีพฤติกรรมต่างๆ ของบุคคลที่พักอาศัยอยู่ด้วย เช่น พ่อ แม่ หรือผู้ปกครอง ค่าร้อยละ 1 สูบบุหรี่ 30.1 2 ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ อย่างใดอย่างหนึ่ง 42.2 3 เล่นทายพนัน เล่นหวย 23.6
--เอแบคโพลล์--