ออสซี่หวังเอฟทีเอดันสินค้าเกษตรบุกไทย
ออสเตรเลีย เชื่อเอฟทีเอกับไทย ช่วยหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรแดนจิงโจ้ ทั้งประเภทธัญพืช ผลิตภัณฑ์นม และอาหารแปรรูปบุกตลาดไทย ในฐานะตลาดอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน
สำนักงานออสเทรด ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าของออสเตรเลีย เปิดเผยวานนี้ (22 เม.ย.) ว่า ข้อตกลงการเปิดเสรีการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างออสเตรเลียกับไทย จะช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรของออสเตรเลีย โดยข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ หลังการให้สัตยาบันของรัฐสภาของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดเสรี และช่วยให้สินค้าธัญพืช, ผลิตภัณฑ์นม, อาหารจากผักและอาหารแปรรูปของออสเตรเลีย สามารถเจาะเข้าสู่ตลาดไทยโดยปลอดภาษีนำเข้า
ทั้งนี้ ไทยมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย และเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ เป็นอันดับที่ 11 โดยนำเข้าสินค้าออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 72,000 ล้านบาท ต่อปี
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ไทยจะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่ใช้ในปัจจุบันในอัตรา 25% ในกลุ่มข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และข้าวโอ๊ต ซึ่งจะยกเลิกในทันที นอกจากนี้ ภาษี ที่เก็บจากสินค้าประเภทมอลต์และโปรตีนข้าวสาลี ก็จะถูกยกเลิกไปในทันทีเช่นกัน ขณะที่ภาษีแป้งสาลีและแป้ง จะทยอยลดภาษีจนเหลือ 0% ภายในปี 2553
นอกจากนี้ ยังจะมีการยกเลิกภาษีนำเข้าอัตรา 20% ในปัจจุบันในทันทีสำหรับกลุ่มสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์นมจำพวกน้ำตาลแล็คโตส, โปรตีนนมสูตรทารก ส่วนภาษีอื่นๆที่จะมีการยกเลิกในทันทีได้แก่ ภาษีผลไม้รวมและผลไม้แปรรูป, ซอส และโปรตีนเข้มข้น
ส่วนสินค้าที่มีอัตราภาษีที่ระดับ 54-60% ในกลุ่มไวน์ออสเตรเลีย จะลดลงเหลือ 40% ทันที และจะทยอยลดลงจนเหลือ 0% ภายในปี 2558
นายฌอน ไรลีย์ กรรมาธิการการค้าอาวุโสของออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้ส่งออกอาหารนกสำเร็จรูปของออสเตรเลีย กล่าวว่า การได้รับการลดหย่อนภาษี จะทำให้พวกตนมีความได้เปรียบทางการค้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่ไม่มีข้อตกลงดังกล่าวเช่นนี้
ทั้งนี้ประเทศไทยกำหนดจะลงนามในข้อตกลงเอฟทีเอกับออสเตรเลียภายในเดือนพ.ค.นี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ลงนามร่วมกับนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย และกำหนดจะนำสินค้า 5,505 รายการที่จะทยอยปรับลดภาษีภายใต้กรอบเอฟทีเอกับออสเตรเลียจากอัตราปัจจุบันที่ 6.76% เป็น 3.28% ในปี 2005 และ 1.88% และปรับลดลงไปอีกในปี 2008 จนท้ายที่สุด เหลือ 0% ในปี 2025
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--
-พห-
ออสเตรเลีย เชื่อเอฟทีเอกับไทย ช่วยหนุนการส่งออกสินค้าเกษตรแดนจิงโจ้ ทั้งประเภทธัญพืช ผลิตภัณฑ์นม และอาหารแปรรูปบุกตลาดไทย ในฐานะตลาดอันดับ 2 ของภูมิภาคอาเซียน
สำนักงานออสเทรด ซึ่งเป็นหน่วยงานส่งเสริมการค้าของออสเตรเลีย เปิดเผยวานนี้ (22 เม.ย.) ว่า ข้อตกลงการเปิดเสรีการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ระหว่างออสเตรเลียกับไทย จะช่วยส่งเสริมการส่งออกสินค้าเกษตรของออสเตรเลีย โดยข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายในปีนี้ หลังการให้สัตยาบันของรัฐสภาของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดเสรี และช่วยให้สินค้าธัญพืช, ผลิตภัณฑ์นม, อาหารจากผักและอาหารแปรรูปของออสเตรเลีย สามารถเจาะเข้าสู่ตลาดไทยโดยปลอดภาษีนำเข้า
ทั้งนี้ ไทยมีเศรษฐกิจที่ขยายตัวสูงที่สุดประเทศหนึ่งในเอเชีย และเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของออสเตรเลียในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งเป็นตลาดส่งออกรายใหญ่ เป็นอันดับที่ 11 โดยนำเข้าสินค้าออสเตรเลีย คิดเป็นมูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือประมาณ 72,000 ล้านบาท ต่อปี
ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว ไทยจะยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากออสเตรเลีย ที่ใช้ในปัจจุบันในอัตรา 25% ในกลุ่มข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ข้าวไรย์ และข้าวโอ๊ต ซึ่งจะยกเลิกในทันที นอกจากนี้ ภาษี ที่เก็บจากสินค้าประเภทมอลต์และโปรตีนข้าวสาลี ก็จะถูกยกเลิกไปในทันทีเช่นกัน ขณะที่ภาษีแป้งสาลีและแป้ง จะทยอยลดภาษีจนเหลือ 0% ภายในปี 2553
นอกจากนี้ ยังจะมีการยกเลิกภาษีนำเข้าอัตรา 20% ในปัจจุบันในทันทีสำหรับกลุ่มสินค้าประเภทผลิตภัณฑ์นมจำพวกน้ำตาลแล็คโตส, โปรตีนนมสูตรทารก ส่วนภาษีอื่นๆที่จะมีการยกเลิกในทันทีได้แก่ ภาษีผลไม้รวมและผลไม้แปรรูป, ซอส และโปรตีนเข้มข้น
ส่วนสินค้าที่มีอัตราภาษีที่ระดับ 54-60% ในกลุ่มไวน์ออสเตรเลีย จะลดลงเหลือ 40% ทันที และจะทยอยลดลงจนเหลือ 0% ภายในปี 2558
นายฌอน ไรลีย์ กรรมาธิการการค้าอาวุโสของออสเตรเลียประจำกรุงเทพฯ ระบุในแถลงการณ์ว่า ผู้ส่งออกอาหารนกสำเร็จรูปของออสเตรเลีย กล่าวว่า การได้รับการลดหย่อนภาษี จะทำให้พวกตนมีความได้เปรียบทางการค้ามากขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆที่ไม่มีข้อตกลงดังกล่าวเช่นนี้
ทั้งนี้ประเทศไทยกำหนดจะลงนามในข้อตกลงเอฟทีเอกับออสเตรเลียภายในเดือนพ.ค.นี้ โดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะเป็นผู้ลงนามร่วมกับนายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย และกำหนดจะนำสินค้า 5,505 รายการที่จะทยอยปรับลดภาษีภายใต้กรอบเอฟทีเอกับออสเตรเลียจากอัตราปัจจุบันที่ 6.76% เป็น 3.28% ในปี 2005 และ 1.88% และปรับลดลงไปอีกในปี 2008 จนท้ายที่สุด เหลือ 0% ในปี 2025
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--
-พห-