ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยผลการดำเนินงานโดยรวมของตลาดฯ ย้ำมีปริมาณการซื้อขายและมูลค่าการซื้อขายเติบโตสูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน คาดเป็นผลจากการนำสินค้าใหม่ 2 ประเภท "น้ำยางข้น" และ "มันสำปะหลังเส้น" เข้าซื้อขายเพิ่มเติมเพิ่มสภาพคล่องในตลาดฯ พร้อมเล็งสินค้าใหม่เข้าเทรดเร็วๆนี้
นางนภาภรณ์ คุรุพสุธาชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยว่า "ในปี 2549 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ AFET ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานทั้งนี้ ในด้านสินค้านั้น ได้มีการนำสินค้าเศรษฐกิจใหม่ 2 ประเภท ทั้งน้ำยางข้น และ มันเส้น เข้ามาทำการซื้อขายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดฯ โดยสินค้าใหม่ดังกล่าวนั้นก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ได้ให้ความสนใจในการเข้ามาใช้กลไกของตลาดล่วงหน้า โดยจะเห็นได้ว่าปริมาณการซื้อขายนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดซื้อขายมา ประกอบกับในปีที่ผ่านมานั้น สินค้ากลุ่มยางก็มีราคาซื้อขายที่ปรับตัวสูงมากขึ้น จึงทำให้มีผู้เกี่ยวข้องเข้ามาใช้กลไกของตลาดในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้ากลุ่มยาง
ทางด้านการซื้อขายของปีที่ผ่านมานั้น AFET ยังได้เปิดระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ AFETDIRECT เพื่อเพิ่มช่องทางในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าเกษตร ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวมทั้ง เป็นการเพิ่มช่องทางให้นักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาซื้อขายในตลาด AFET รวมทั้งมีการทำกิจกรรมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเตรียมการเพื่อเปิดศูนย์การเรียนรู้การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า จ.สุราษฏร์ธานี การจัดอบรมสัมมนา รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนกิจการของตลาดฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นปัจจัยที่ชัดเจนที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายใน AFET ปรับตัวขึ้นโดย ปริมาณการซื้อขายในปี 2549 (ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2549) นั้นอยู่ที่ 91,940 สัญญา ซึ่งเติบโตขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.33 ในขณะที่ มูลค่าการซื้อขายนั้นอยู่ที่ 33,576.56 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นคิดเป็นร้อยละ 96.52 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา"
"ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานของตลาด AFET ในปี 2550 นั้น ขณะนี้ ตลาดฯ ก็ยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อศึกษาวิจัยสินค้าที่จะนำเข้ามาซื้อขายเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อแน่ว่าในปี 2550 นั้น ตลาดฯ จะนำเข้าสินค้าเศรษฐกิจอีกหลายชนิดเพื่อทำให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้กลไกของตลาดให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ก็จะยังคงเน้นในเรื่องของการให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปผ่านรูปแบบของกิจกรรมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ อาทิ การจัดอบรม การสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับผู้ประกอบการ รวมทั้งการสร้างพันธมิตรกับทุกส่วนงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมการค้าต่างๆ และสื่อมวลชน เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของตลาดฯ ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าตลาดล่วงหน้าสากล" นางนภาภรณ์ กล่าวสรุป
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--
นางนภาภรณ์ คุรุพสุธาชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยว่า "ในปี 2549 ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ AFET ประสบความสำเร็จในการดำเนินงานทั้งนี้ ในด้านสินค้านั้น ได้มีการนำสินค้าเศรษฐกิจใหม่ 2 ประเภท ทั้งน้ำยางข้น และ มันเส้น เข้ามาทำการซื้อขายเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาดฯ โดยสินค้าใหม่ดังกล่าวนั้นก็ได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ได้ให้ความสนใจในการเข้ามาใช้กลไกของตลาดล่วงหน้า โดยจะเห็นได้ว่าปริมาณการซื้อขายนั้นสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดซื้อขายมา ประกอบกับในปีที่ผ่านมานั้น สินค้ากลุ่มยางก็มีราคาซื้อขายที่ปรับตัวสูงมากขึ้น จึงทำให้มีผู้เกี่ยวข้องเข้ามาใช้กลไกของตลาดในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาสินค้ากลุ่มยาง
ทางด้านการซื้อขายของปีที่ผ่านมานั้น AFET ยังได้เปิดระบบการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต หรือ AFETDIRECT เพื่อเพิ่มช่องทางในการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าเกษตร ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวมทั้ง เป็นการเพิ่มช่องทางให้นักลงทุนต่างประเทศให้เข้ามาซื้อขายในตลาด AFET รวมทั้งมีการทำกิจกรรมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเตรียมการเพื่อเปิดศูนย์การเรียนรู้การซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า จ.สุราษฏร์ธานี การจัดอบรมสัมมนา รวมทั้งกิจกรรมต่างๆ เพื่อสนับสนุนกิจการของตลาดฯ ซึ่งสิ่งเหล่านี้นั้นเป็นปัจจัยที่ชัดเจนที่ทำให้ปริมาณการซื้อขายใน AFET ปรับตัวขึ้นโดย ปริมาณการซื้อขายในปี 2549 (ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2549) นั้นอยู่ที่ 91,940 สัญญา ซึ่งเติบโตขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.33 ในขณะที่ มูลค่าการซื้อขายนั้นอยู่ที่ 33,576.56 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นคิดเป็นร้อยละ 96.52 เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา"
"ในส่วนของเป้าหมายการดำเนินงานของตลาด AFET ในปี 2550 นั้น ขณะนี้ ตลาดฯ ก็ยังอยู่ระหว่างการดำเนินงานเพื่อศึกษาวิจัยสินค้าที่จะนำเข้ามาซื้อขายเพิ่มเติม ซึ่งเชื่อแน่ว่าในปี 2550 นั้น ตลาดฯ จะนำเข้าสินค้าเศรษฐกิจอีกหลายชนิดเพื่อทำให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาใช้กลไกของตลาดให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด นอกจากนี้ก็จะยังคงเน้นในเรื่องของการให้ความรู้แก่กลุ่มเป้าหมายและประชาชนทั่วไปผ่านรูปแบบของกิจกรรมทางการตลาดและประชาสัมพันธ์ อาทิ การจัดอบรม การสัมมนา การประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับผู้ประกอบการ รวมทั้งการสร้างพันธมิตรกับทุกส่วนงานทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ หน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สมาคมการค้าต่างๆ และสื่อมวลชน เพื่อช่วยส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินกิจการของตลาดฯ ให้เป็นที่รู้จัก รวมทั้งยังเป็นการพัฒนาองค์กรให้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าตลาดล่วงหน้าสากล" นางนภาภรณ์ กล่าวสรุป
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--