ข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการพิจารณาความผิด
และการลงโทษสมาชิกของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
พ.ศ. 2549
******************************
เพื่อให้กระบวนการพิจารณาโทษสมาชิกเป็นไปโดยเรียบร้อย โปร่งใส และเป็นธรรมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. 2542 และข้อ 5 ของข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ว่าด้วยการลงโทษ และการพ้นจากสมาชิกภาพ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และข้อ 22 ของข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท คุณสมบัติ สิทธิและหน้าที่ การลงโทษ และการพ้นจากการเป็นสมาชิกสำนักหักบัญชี พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 อันเป็นพระราชบัญญัติ และข้อบังคับที่มีบทบัญญัติและข้อกำหนดบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจึงออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการพิจารณาความผิด และการลงโทษสมาชิกของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ พ.ศ. 2549"
ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้
"ตลาด" หมายความว่า ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย "คณะกรรมการตลาด" หมายความว่า คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
"ผู้จัดการตลาด" หมายความว่า ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
"สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกตลาดประเภทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าและประเภทผู้ค้าล่วงหน้า สมาชิกสำนักหักบัญชี ซึ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตลาดให้ซื้อขายล่วงหน้าในตลาด
"คณะอนุกรรมการอุทธรณ์" หมายความว่า คณะอนุกรรมการวินัยคณะหนึ่งที่คณะกรรมการตลาดแต่งตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษสมาชิก เท่าที่ไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. 2542
"เลขานุการ" หมายความว่า เลขานุการของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ที่ผู้จัดการตลาดเป็นผู้แต่งตั้ง
"ผู้อุทธรณ์" หมายความว่า บุคคลผู้ถูกลงโทษซึ่งได้โต้แย้งคำสั่งลงโทษนั้นและได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
"คำสั่งลงโทษ" หมายความว่า คำสั่งของคณะกรรมการตลาด คำสั่งของผู้จัดการตลาด และคำสั่งของคณะอนุกรรมการวินัย ที่มีผลเป็นการลงโทษบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือบุคคลที่มีส่วนร่วมในการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับ
"กฎข้อบังคับ" หมายความว่า ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด มติ และหนังสือเวียน ที่ออกโดยคณะกรรมการตลาดหรือตลาด
ข้อ 4 เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอุทธรณ์ คณะอนุกรรมการอุทธรณ์คณะหนึ่ง ประกอบด้วย อนุกรรมการอุทธรณ์จำนวนไม่น้อยกว่าสาม (3) คนแต่ไม่เกินห้า (5) คน ซึ่งในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์สูงด้านกฎหมาย ด้านการซื้อขายล่วงหน้า และด้านการพาณิชย์ ด้านละ 1 คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับนี้
อนุกรรมการอุทธรณ์ต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกับผู้ออกคำสั่งลงโทษผู้อุทธรณ์
ข้อ 5 ให้อนุกรรมการอุทธรณ์มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสอง (2) ปี
ในกรณีที่อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งตามวาระ คณะกรรมการตลาดจะแต่งตั้งอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นใหม่ ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นใหม่นั้น ให้อนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งพ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าอนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งได้รับตำแหน่งใหม่เข้ารับหน้าที่
ข้อ 6 นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะกรรมการตลาดมีมติให้ออก
(4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามข้อ 4
ในกรณีที่อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ คณะกรรมการตลาดอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นอนุกรรมการอุทธรณ์แทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของอนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งตนเข้าดำรงตำแหน่งแทน
ข้อ 7 ให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์เลือกอนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งเป็นประธานอนุกรรมการอุทธรณ์
ข้อ 8 ในการประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ต้องมีอนุกรรมการอุทธรณ์มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนอนุกรรมการอุทธรณ์ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ ถ้าประธานอนุกรรมการอุทธรณ์ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อนุกรรมการอุทธรณ์ที่มาประชุมเลือกอนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก อนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 9 ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน การประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ตามข้อ 8 อาจใช้วิธีการที่อนุกรรมการอุทธรณ์ทุกคนลงมติโดยการลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารซึ่งแสดงถึงมตินั้นแล้วแทนก็ได้ และการวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามความในข้อ 8 วรรคสาม แต่ทั้งนี้ วิธีการประชุมดังกล่าวมิให้นำมาใช้กับการประชุมเพื่อลงมติที่เป็นการลงโทษหรือเพิ่มโทษแก่ผู้
อุทธรณ์
ข้อ 10 อนุกรรมการอุทธรณ์ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาในเรื่องนั้น
ข้อ 11 ให้ผู้จัดการตลาดแต่งตั้งพนักงานของตลาดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ โดยเป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและเสนอความเห็นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ ตลอดจนดำเนินการอื่นใดเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับฉบับนี้
ข้อ 12 การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ตามข้อบังคับฉบับนี้ ผู้ถูกลงโทษจะดำเนินการทั้งปวงด้วยตนเองหรืออาจทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนก็ได้
ข้อ 13 ผู้ถูกลงโทษมีสิทธิ์โต้แย้งคำสั่งลงโทษโดยยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ภายในสามสิบ (30) วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งลงโทษ
อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้อุทธรณ์หรือผู้รับมอบอำนาจแล้วแต่กรณี โดยระบุคำสั่งลงโทษอันเป็นเหตุให้ต้องอุทธรณ์ ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเหตุผลที่เป็นข้อโต้แย้งว่าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งลงโทษในเรื่องใด
บรรดาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างประกอบข้อโต้แย้งหรือเห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอุทธรณ์ ให้ผู้อุทธรณ์แนบเอกสารหลักฐานดังกล่าวมาพร้อมกับอุทธรณ์ด้วย
ข้อ 14 การยื่นอุทธรณ์ตามข้อ 13 ให้ยื่นได้ที่เลขานุการ เมื่อเลขานุการได้รับอุทธรณ์แล้วให้ออกใบรับอุทธรณ์แก่ผู้อุทธรณ์ โดยใบรับอุทธรณ์นั้นอย่างน้อยต้องมีข้อความแสดงถึงวัน เดือน ปี ที่รับอุทธรณ์ และชื่อผู้อุทธรณ์
ข้อ 15 ในกรณีที่เป็นการยื่นอุทธรณ์เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาตามข้อ 13 ไปแล้ว ให้เลขานุการสั่งจำหน่ายอุทธรณ์ดังกล่าว โดยรายงานให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ทราบพร้อมกับมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์นั้นทราบด้วย
ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่าคำอุทธรณ์เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องหรือมีรายการไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบถึงความไม่ถูกต้องหรือรายการที่ไม่ครบถ้วนดังกล่าว โดยแจ้งกำหนดเวลาให้ผู้อุทธรณ์แก้ไขหรือจัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนด
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่แก้ไขหรือไม่จัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสอง ให้นำความตามวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ แต่ถ้าผู้อุทธรณ์ได้แก้ไขหรือจัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าผู้อุทธรณ์ได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 13 แล้ว
ข้อ 16 ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่า คำอุทธรณ์เป็นอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนตามข้อ 13 ให้เลขานุการจัดทำความเห็นพร้อมด้วยเหตุผลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เสนอต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า
ข้อ 17 ในการพิจารณาอุทธรณ์ ให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้า (45) วัน นับแต่วันที่เริ่มการพิจารณาอุทธรณ์นั้นเป็นครั้งแรก
ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ คณะอนุกรรมการอุทธรณ์อาจสั่งให้เลขานุการทำหนังสือเรียกให้ผู้อุทธรณ์มาพบเพื่อสอบถาม หรือส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หรือชี้แจงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับเรื่องที่อุทธรณ์เพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนด หรืออาจเรียกให้หน่วยงานภายในของตลาดที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งลงโทษส่งเอกสารหลักฐานหรือชี้แจงเพิ่มเติม
การชี้แจงตามวรรคสองต้องทำเป็นหนังสือ เว้นแต่ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์อนุญาตให้ชี้แจงด้วยวาจาต่อหน้าคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
ในกรณีชี้แจงด้วยวาจาตามวรรคสาม ให้เลขานุการจดบันทึกการชี้แจงนั้นและให้ผู้ชี้แจงลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน
การนับระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง มิให้นับรวมระยะเวลาตั้งแต่วันที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์มีคำสั่งตามวรรคสอง จนถึงวันที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ได้รับเอกสารหลักฐานหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมโดยครบถ้วน
ข้อ 18 เมื่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเสร็จ ให้เลขานุการจัดทำบันทึกความเห็นพร้อมด้วยความเห็นของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ เสนอต่อคณะกรรมการตลาดเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
ในการพิจารณาสั่งการ หากคณะกรรมการตลาดพิจารณาสั่งการต่างไปจากความเห็นของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ คณะกรรมการตลาดต้องให้เหตุผลประกอบการสั่งการนั้นด้วย
การพิจารณาสั่งการข้างต้นของคณะกรรมการตลาดให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 19 เมื่อคณะกรรมการตลาดพิจารณาสั่งการเสร็จสิ้นแล้ว ให้ตลาดมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาสั่งการดังกล่าวให้ผู้อุทธรณ์ทราบพร้อมด้วยเหตุผลประกอบการสั่งการ (ถ้ามี) โดยไม่ชักช้า
ข้อ 20 การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ แต่ผู้อุทธรณ์อาจยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษดังกล่าวมาพร้อมกับการยื่นอุทธรณ์ได้ โดยในคำขอนั้นต้องแสดงเหตุผลที่ขอให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษพร้อมทั้งแนบสำเนาหนังสือแจ้งคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษด้วย
เมื่อมีการยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ ให้เลขานุการพิจารณาคำขอดังกล่าวเป็นการด่วน และทำความเห็นเสนอต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า
ข้อ 21 ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนและคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษนั้นมีเหตุอันสมควร จะสั่งการให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษดังกล่าวทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยจะกำหนดเงื่อนไขหรือหลักประกันใด ๆ ตามที่จำเป็นด้วยก็ได้ และให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ ผู้ออกคำสั่งลงโทษ และหน่วยงานภายในตลาดที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งลงโทษนั้นทราบด้วย
ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นควรสั่งการไม่ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบโดยไม่ชักช้า
ข้อ 22 ให้ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยรักษาการตามข้อบังคับฉบับนี้
ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2549
(ลงนาม) สุวรรณ วลัยเสถียร
(นายสุวรรณ วลัยเสถียร)
ประธานกรรมการ
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--
-พห-
ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการพิจารณาความผิด
และการลงโทษสมาชิกของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
พ.ศ. 2549
******************************
เพื่อให้กระบวนการพิจารณาโทษสมาชิกเป็นไปโดยเรียบร้อย โปร่งใส และเป็นธรรมยิ่งขึ้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 87 แห่งพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. 2542 และข้อ 5 ของข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ว่าด้วยการลงโทษ และการพ้นจากสมาชิกภาพ พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และข้อ 22 ของข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับประเภท คุณสมบัติ สิทธิและหน้าที่ การลงโทษ และการพ้นจากการเป็นสมาชิกสำนักหักบัญชี พ.ศ. 2547 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 อันเป็นพระราชบัญญัติ และข้อบังคับที่มีบทบัญญัติและข้อกำหนดบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29 ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 36 มาตรา 48 และมาตรา 50 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดยอาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าจึงออกข้อบังคับไว้ดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ข้อบังคับนี้เรียกว่า "ข้อบังคับคณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าว่าด้วย หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขเกี่ยวกับการพิจารณาความผิด และการลงโทษสมาชิกของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ พ.ศ. 2549"
ข้อ 2 ข้อบังคับนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศเป็นต้นไป
ข้อ 3 ในข้อบังคับนี้
"ตลาด" หมายความว่า ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย "คณะกรรมการตลาด" หมายความว่า คณะกรรมการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า
"ผู้จัดการตลาด" หมายความว่า ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
"สมาชิก" หมายความว่า สมาชิกตลาดประเภทนายหน้าซื้อขายล่วงหน้าและประเภทผู้ค้าล่วงหน้า สมาชิกสำนักหักบัญชี ซึ่งได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการตลาดให้ซื้อขายล่วงหน้าในตลาด
"คณะอนุกรรมการอุทธรณ์" หมายความว่า คณะอนุกรรมการวินัยคณะหนึ่งที่คณะกรรมการตลาดแต่งตั้งขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งลงโทษสมาชิก เท่าที่ไม่เป็นการขัดหรือแย้งกับบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัติการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า พ.ศ. 2542
"เลขานุการ" หมายความว่า เลขานุการของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ที่ผู้จัดการตลาดเป็นผู้แต่งตั้ง
"ผู้อุทธรณ์" หมายความว่า บุคคลผู้ถูกลงโทษซึ่งได้โต้แย้งคำสั่งลงโทษนั้นและได้ยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
"คำสั่งลงโทษ" หมายความว่า คำสั่งของคณะกรรมการตลาด คำสั่งของผู้จัดการตลาด และคำสั่งของคณะอนุกรรมการวินัย ที่มีผลเป็นการลงโทษบุคคลที่ฝ่าฝืนหรือบุคคลที่มีส่วนร่วมในการฝ่าฝืนกฎข้อบังคับ
"กฎข้อบังคับ" หมายความว่า ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง ข้อกำหนด มติ และหนังสือเวียน ที่ออกโดยคณะกรรมการตลาดหรือตลาด
ข้อ 4 เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาอุทธรณ์ คณะอนุกรรมการอุทธรณ์คณะหนึ่ง ประกอบด้วย อนุกรรมการอุทธรณ์จำนวนไม่น้อยกว่าสาม (3) คนแต่ไม่เกินห้า (5) คน ซึ่งในจำนวนนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ทรงคุณวุฒิและมีประสบการณ์สูงด้านกฎหมาย ด้านการซื้อขายล่วงหน้า และด้านการพาณิชย์ ด้านละ 1 คน เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามข้อบังคับนี้
อนุกรรมการอุทธรณ์ต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกับผู้ออกคำสั่งลงโทษผู้อุทธรณ์
ข้อ 5 ให้อนุกรรมการอุทธรณ์มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละสอง (2) ปี
ในกรณีที่อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งตามวาระ คณะกรรมการตลาดจะแต่งตั้งอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นใหม่ ซึ่งในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งอนุกรรมการอุทธรณ์ขึ้นใหม่นั้น ให้อนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งพ้นจากตำแหน่งอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าอนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งได้รับตำแหน่งใหม่เข้ารับหน้าที่
ข้อ 6 นอกจากการพ้นตำแหน่งตามวาระ อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(1) ตาย
(2) ลาออก
(3) คณะกรรมการตลาดมีมติให้ออก
(4) เป็นผู้ขาดคุณสมบัติตามข้อ 4
ในกรณีที่อนุกรรมการอุทธรณ์พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ คณะกรรมการตลาดอาจแต่งตั้งบุคคลอื่นเป็นอนุกรรมการอุทธรณ์แทน และให้ผู้ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งแทนนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของอนุกรรมการอุทธรณ์ซึ่งตนเข้าดำรงตำแหน่งแทน
ข้อ 7 ให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์เลือกอนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งเป็นประธานอนุกรรมการอุทธรณ์
ข้อ 8 ในการประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ต้องมีอนุกรรมการอุทธรณ์มาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนอนุกรรมการอุทธรณ์ทั้งหมด จึงจะเป็นองค์ประชุม
ในการประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ ถ้าประธานอนุกรรมการอุทธรณ์ไม่มาประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อนุกรรมการอุทธรณ์ที่มาประชุมเลือกอนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก อนุกรรมการอุทธรณ์คนหนึ่งให้มีเสียงหนึ่งในการลงคะแนน ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
ข้อ 9 ในกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน การประชุมของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ตามข้อ 8 อาจใช้วิธีการที่อนุกรรมการอุทธรณ์ทุกคนลงมติโดยการลงลายมือชื่อไว้ในเอกสารซึ่งแสดงถึงมตินั้นแล้วแทนก็ได้ และการวินิจฉัยชี้ขาดให้เป็นไปตามความในข้อ 8 วรรคสาม แต่ทั้งนี้ วิธีการประชุมดังกล่าวมิให้นำมาใช้กับการประชุมเพื่อลงมติที่เป็นการลงโทษหรือเพิ่มโทษแก่ผู้
อุทธรณ์
ข้อ 10 อนุกรรมการอุทธรณ์ผู้ใดมีส่วนได้เสียในเรื่องที่พิจารณา ห้ามมิให้เข้าร่วมพิจารณาในเรื่องนั้น
ข้อ 11 ให้ผู้จัดการตลาดแต่งตั้งพนักงานของตลาดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นเลขานุการ โดยเป็นผู้ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบและเสนอความเห็นในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ ตลอดจนดำเนินการอื่นใดเพื่อปฏิบัติตามข้อบังคับฉบับนี้
ข้อ 12 การอุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ตามข้อบังคับฉบับนี้ ผู้ถูกลงโทษจะดำเนินการทั้งปวงด้วยตนเองหรืออาจทำหนังสือมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทนก็ได้
ข้อ 13 ผู้ถูกลงโทษมีสิทธิ์โต้แย้งคำสั่งลงโทษโดยยื่นอุทธรณ์ต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ภายในสามสิบ (30) วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งคำสั่งลงโทษ
อุทธรณ์ตามวรรคหนึ่ง ต้องทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อผู้อุทธรณ์หรือผู้รับมอบอำนาจแล้วแต่กรณี โดยระบุคำสั่งลงโทษอันเป็นเหตุให้ต้องอุทธรณ์ ข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและเหตุผลที่เป็นข้อโต้แย้งว่าไม่เห็นด้วยกับคำสั่งลงโทษในเรื่องใด
บรรดาเอกสารหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่อุทธรณ์ซึ่งผู้อุทธรณ์กล่าวอ้างประกอบข้อโต้แย้งหรือเห็นว่าอาจเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอุทธรณ์ ให้ผู้อุทธรณ์แนบเอกสารหลักฐานดังกล่าวมาพร้อมกับอุทธรณ์ด้วย
ข้อ 14 การยื่นอุทธรณ์ตามข้อ 13 ให้ยื่นได้ที่เลขานุการ เมื่อเลขานุการได้รับอุทธรณ์แล้วให้ออกใบรับอุทธรณ์แก่ผู้อุทธรณ์ โดยใบรับอุทธรณ์นั้นอย่างน้อยต้องมีข้อความแสดงถึงวัน เดือน ปี ที่รับอุทธรณ์ และชื่อผู้อุทธรณ์
ข้อ 15 ในกรณีที่เป็นการยื่นอุทธรณ์เมื่อล่วงพ้นระยะเวลาตามข้อ 13 ไปแล้ว ให้เลขานุการสั่งจำหน่ายอุทธรณ์ดังกล่าว โดยรายงานให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ทราบพร้อมกับมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์นั้นทราบด้วย
ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่าคำอุทธรณ์เป็นอุทธรณ์ที่ไม่ถูกต้องหรือมีรายการไม่ครบถ้วนตามที่กำหนดไว้ ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบถึงความไม่ถูกต้องหรือรายการที่ไม่ครบถ้วนดังกล่าว โดยแจ้งกำหนดเวลาให้ผู้อุทธรณ์แก้ไขหรือจัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนด
ในกรณีที่ผู้อุทธรณ์ไม่แก้ไขหรือไม่จัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสอง ให้นำความตามวรรคหนึ่งมาใช้บังคับ แต่ถ้าผู้อุทธรณ์ได้แก้ไขหรือจัดทำอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนมายื่นใหม่ภายในเวลาที่กำหนดตามวรรคสองแล้ว ให้ถือว่าผู้อุทธรณ์ได้ยื่นอุทธรณ์ภายในเวลาที่กำหนดไว้ในข้อ 13 แล้ว
ข้อ 16 ในกรณีที่เลขานุการเห็นว่า คำอุทธรณ์เป็นอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนตามข้อ 13 ให้เลขานุการจัดทำความเห็นพร้อมด้วยเหตุผลและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เสนอต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า
ข้อ 17 ในการพิจารณาอุทธรณ์ ให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในสี่สิบห้า (45) วัน นับแต่วันที่เริ่มการพิจารณาอุทธรณ์นั้นเป็นครั้งแรก
ในระหว่างการพิจารณาอุทธรณ์ คณะอนุกรรมการอุทธรณ์อาจสั่งให้เลขานุการทำหนังสือเรียกให้ผู้อุทธรณ์มาพบเพื่อสอบถาม หรือส่งเอกสารหลักฐานเพิ่มเติม หรือชี้แจงข้อเท็จจริงอันเกี่ยวกับเรื่องที่อุทธรณ์เพิ่มเติมภายในเวลาที่กำหนด หรืออาจเรียกให้หน่วยงานภายในของตลาดที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งลงโทษส่งเอกสารหลักฐานหรือชี้แจงเพิ่มเติม
การชี้แจงตามวรรคสองต้องทำเป็นหนังสือ เว้นแต่ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์อนุญาตให้ชี้แจงด้วยวาจาต่อหน้าคณะอนุกรรมการอุทธรณ์
ในกรณีชี้แจงด้วยวาจาตามวรรคสาม ให้เลขานุการจดบันทึกการชี้แจงนั้นและให้ผู้ชี้แจงลงชื่อไว้เป็นหลักฐาน
การนับระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง มิให้นับรวมระยะเวลาตั้งแต่วันที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์มีคำสั่งตามวรรคสอง จนถึงวันที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ได้รับเอกสารหลักฐานหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมโดยครบถ้วน
ข้อ 18 เมื่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเสร็จ ให้เลขานุการจัดทำบันทึกความเห็นพร้อมด้วยความเห็นของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ เสนอต่อคณะกรรมการตลาดเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป
ในการพิจารณาสั่งการ หากคณะกรรมการตลาดพิจารณาสั่งการต่างไปจากความเห็นของคณะอนุกรรมการอุทธรณ์ คณะกรรมการตลาดต้องให้เหตุผลประกอบการสั่งการนั้นด้วย
การพิจารณาสั่งการข้างต้นของคณะกรรมการตลาดให้ถือเป็นที่สุด
ข้อ 19 เมื่อคณะกรรมการตลาดพิจารณาสั่งการเสร็จสิ้นแล้ว ให้ตลาดมีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาสั่งการดังกล่าวให้ผู้อุทธรณ์ทราบพร้อมด้วยเหตุผลประกอบการสั่งการ (ถ้ามี) โดยไม่ชักช้า
ข้อ 20 การยื่นอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ แต่ผู้อุทธรณ์อาจยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษดังกล่าวมาพร้อมกับการยื่นอุทธรณ์ได้ โดยในคำขอนั้นต้องแสดงเหตุผลที่ขอให้คณะอนุกรรมการอุทธรณ์ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษพร้อมทั้งแนบสำเนาหนังสือแจ้งคำสั่งเกี่ยวกับการลงโทษด้วย
เมื่อมีการยื่นคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ ให้เลขานุการพิจารณาคำขอดังกล่าวเป็นการด่วน และทำความเห็นเสนอต่อคณะอนุกรรมการอุทธรณ์โดยไม่ชักช้า
ข้อ 21 ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นกรณีที่มีความจำเป็นรีบด่วนและคำขอทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษนั้นมีเหตุอันสมควร จะสั่งการให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษดังกล่าวทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยจะกำหนดเงื่อนไขหรือหลักประกันใด ๆ ตามที่จำเป็นด้วยก็ได้ และให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ ผู้ออกคำสั่งลงโทษ และหน่วยงานภายในตลาดที่เกี่ยวข้องกับคำสั่งลงโทษนั้นทราบด้วย
ในกรณีที่คณะอนุกรรมการอุทธรณ์พิจารณาแล้วเห็นควรสั่งการไม่ให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งลงโทษ ให้เลขานุการมีหนังสือแจ้งให้ผู้อุทธรณ์ทราบโดยไม่ชักช้า
ข้อ 22 ให้ผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทยรักษาการตามข้อบังคับฉบับนี้
ประกาศ ณ วันที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2549
(ลงนาม) สุวรรณ วลัยเสถียร
(นายสุวรรณ วลัยเสถียร)
ประธานกรรมการ
ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย
--ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย--
-พห-